ฟอร์ดเผยยอดขายประจำเดือนมีนาคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดันยอดขายตลอดไตรมาสทำสถิติใหม่

ฟอร์ด ประเทศไทย เผยยอดขายประจำเดือนมีนาคมทำสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของทุกปี ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้ ฟอร์ดมียอดขายต่อไตรมาสในระดับสูงที่สุดตลอดกาล

ฟอร์ดยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าในประเทศไทย ด้วยยอดขายในเดือนมีนาคมที่ 3,305 คัน เพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ในเดือนที่ผ่านมา ฟอร์ดมียอดขายรวมประจำเดือนมีนาคมในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยรถยนต์นั่งขนาดเล็กยอดนิยม ฟอร์ด เฟียสต้า และรถกระบะที่สร้างนิยามใหม่ให้แก่ตลาดรถกระบะขนาดคอมแพ็ค ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ส่งผลให้ฟอร์ดมียอดขายในระดับที่ดีเยี่ยมในปีนี้

ยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ฟอร์ดทำสถิติยอดขายต่อไตรมาสในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ฟอร์ดมียอดขายอยู่ที่ 9,961 คัน เพิ่มขึ้น 48 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่เหนือชั้น ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ มียอดขาย 1,716 คันในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ยอดขายตลอดไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ 5,933 คัน เพิ่มขึ้น 51 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ฟอร์ดเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ด้วยการเปิดตัวเฟียสต้ารุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Ti-VCT พร้อมติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ซึ่งมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดภายใต้นโยบายส่งเสริมการเป็นเจ้าของรถคันแรก

“ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Ti-VCT ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีดซึ่งมีความโดดเด่นเรื่องการประหยัดน้ำมันและการปล่อยมลภาวะในระดับต่ำ พร้อมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้กับผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการเป็นเจ้าของรถคันใหม่ภายใต้นโยบายรถคันแรกของรัฐบาล” คุณสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ด้านฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ด้วยยอดขายปลีกในเดือนมีนาคมที่ 1,350 คัน พุ่งขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับยอดขายฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นก่อนหน้าเมื่อเดือนเดียวของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายตลอดไตรมาสแรกของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ อยู่ที่ 3,232 คัน เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์

ปัจจุบัน ฟอร์ดได้ส่งมอบเรนเจอร์ ใหม่ ให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยแล้วกว่า 3,500 คัน ขณะที่ความต้องการรถกระบะซึ่งสร้างนิยามใหม่ให้แก่ตลาดรถกระบะคอมแพ็คในประเทศไทย ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดจองรวมกว่า 14,000 คัน

“การที่เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าลูกค้าในประเทศไทยต่างชื่นชอบฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในฐานะผู้สร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดรถกระบะทั้งด้านสมรรถนะดีเยี่ยม การตอบสนองต่อการใช้งานแบบอเนกประสงค์ ความสะดวกสบาย ความมีคุณภาพ และประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่รถกระบะที่ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มอบให้”คุณสาโรช กล่าว

นอกจากนี้ ภายงานมหกรรมยานยนต์ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ฟอร์ดยังได้เผยโฉมฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์ระดับโลกที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดรุ่นที่ 2 ที่เปิดตัวภายใต้คำมั่นสัญญาของฟอร์ดในการนำเสนอรถใหม่ 8 รุ่นในภูมิภาคอาเซียนภายในปีพ.ศ. 2558

โอกาสนี้ ฟอร์ดได้ประกาศราคาฟอร์ด โฟกัส ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Ti-VCT รุ่นสูงสำหรับประเทศไทย ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 959,000-1,079,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

• รุ่น 4 ประตู 2.0 ลิตร Ti-VCT ไทเทเนี่ยม 959,000 บาท
• รุ่น 5 ประตู 2.0 ลิตร Ti-VCT สปอร์ต 969,000 บาท
• รุ่น 4 ประตู 2.0 ลิตร Ti-VCT ไทเทเนี่ยม พลัส 1,069,000 บาท
• รุ่น 5 ประตู 2.0 ลิตร Ti-VCT สปอร์ต พลัส 1,079,000 บาท

ลูกค้าที่สั่งจองรถหนึ่งในสี่รุ่นนี้ล่วงหน้าภายในงานมอเตอร์โชว์ จะได้รับสถานะพิเศษ “ฟอร์ด โฟกัส วีไอพี พรีเมียร์” ซึ่งเป็นข้อเสนอพิเศษที่ฟอร์ดมอบให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย โดยสมาชิกในโครงการดังกล่าวจะได้รับโอกาสและสิทธิพิเศษมากมาย

“ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นรถที่ติดตั้งเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมาอย่างครบเครื่อง และตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการนำเสนอรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้แผน One Ford ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่ารถอื่นๆ ในเซกเม้นต์เดียวกัน ทั้งด้านความมีคุณภาพ การประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย การออกแบบอันทันสมัย และความคุ้มค่าคุ้มราคา” คุณสาโรช กล่าว

ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ จะเป็นรถรุ่นแรกที่ได้รับการผลิตขึ้น ณ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ที่มีความทันสมัยในระยอง จากการลงทุนมูลค่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) โดยรถรุ่นนี้จะวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงกลางปีนี้

ฟอร์ด ประเทศไทย ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ตามแผนการเปิดตัวผู้จำหน่ายใหม่ 30 แห่ง ในย่านหลักๆ ของประเทศ ภายในสิ้นปีนี้