วันนี้ 23 มีนาคม ฟอร์ดเผยโฉมรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ พร้อมความแข็งแกร่งและอัจฉริยะยิ่งขึ้น พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกระบะด้วยการผสมผสานสมรรถนะที่ดุดัน ความประณีตและเทคโนโลยีนำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน โดยฟอร์ดจะเดินหน้าเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ในปีนี้
“ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านความสะดวกสบายและความหรูหรา โดยที่ยังรักษาไว้ซึ่งความสมบุกสมบันที่ลูกค้าของเราชื่นชอบ” มร. แบรท วีทลีย์ รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และบริการ ฟอร์ด เอเชียแปซิฟิก กล่าว “รถกระบะรุ่นล่าสุดนี้แสดงออกถึงรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งแต่ยังมีความอัจฉริยะได้เป็นอย่างดี และจะช่วยให้ลูกค้าของฟอร์ดใช้ชีวิตได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ไม่ว่าในวันทำงานหรือวันพักผ่อน”
ด้วยกระจังหน้ารูปลักษณ์ใหม่ และห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ที่เพียบพร้อมทั้งประโยชน์ใช้สอยและความหรูหรา จึงถือได้ว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการสร้างขึ้นจากชื่อเสียงของรถกระบะตระกูลเรนเจอร์ที่มีสมรรถนะเป็นเลิศ พร้อมนวัตกรรมและความสะดวกสบายมากมาย ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งรถกระบะทั่วไป และยังล้ำหน้าเหนือใครด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เอาชนะทุกความท้าทายในทุกวันได้มากกว่าที่เคย
“การพัฒนา ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ให้เหนือกว่ารุ่นเดิม ถือเป็นโจทย์ที่ยากไม่น้อย เพราะฟอร์ด เรนเจอร์รุ่นปัจจุบันเป็นหนึ่งในรถกระบะที่แข็งแกร่งและสมบุกสมบันที่สุดในตลาดอยู่แล้ว” มร. ริชาร์ด ทิลลี่ ผู้อำนวยการฝ่ายยานพาหนะ เอเชียแปซิฟิก กล่าว “แต่ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดรถกระบะและรถอเนกประสงค์ของเรา ทำให้เราประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์ให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีความเหนือชั้นยิ่งกว่าเดิมด้วยดีไซน์สะดุดตา เครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม และการขับขี่ที่นุ่มสบาย”
ดีไซน์แกร่ง ดูทันสมัย
ความเปลี่ยนแปลงในฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ทันสมัย ทรงพลังกว่าเดิม และสื่อถึงสมรรถนะของตัวรถได้อย่างชัดเจน
กระโปรงหน้ารถมีเส้นสายที่ดุดันยิ่งขึ้น เข้ากับกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูได้เป็นอย่างดี ขณะที่ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่เสริมให้ตัวรถดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
“เมื่อพิจารณาจากการขับขี่ของลูกค้าแล้ว เราเห็นว่าฟอร์ด เรนเจอร์ จะต้องมีรูปลักษณ์และประโยชน์ใช้สอยที่โดดเด่นอย่างรอบด้านไม่แพ้กัน เพื่อประกอบกันเป็นรถยนต์ที่สมบุกสมบันและพึ่งพาได้ในทุกสถานการณ์” มร. เดฟ ดูวิท ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ ฟอร์ด เอเชียแปซิฟิก กล่าวเสริม “เราใช้โอกาสนี้ในการเสริมให้ดีไซน์ของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ดุดันกว่าในรุ่นก่อนหน้า และยังเน้นองค์ประกอบความเป็นกระบะพันธุ์แกร่งตามมาตรฐานฟอร์ด (Built Ford Tough) อย่างช่องระบายอากาศบนตัวถัง โดยที่ยังคงรักษาสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมไว้เช่นเคย”
รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับส่วนห้องโดยสาร ทำให้มีความสบายยิ่งขึ้น
รวมถึงทันสมัยและสร้างบรรยากาศที่เหมือนกับรถยนต์นั่งสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เส้นสายต่างๆ ตามทางยาวช่วยขับเน้นให้ห้องโดยสารดูโอ่อ่า กว้างขวาง ก่อนจะมาบรรจบกันด้านหน้ารถที่บริเวณจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว กลางแผงคอนโซล ส่วนแผงหน้าปัดควบคุมแบบหน้าจอคู่ ทีเอฟที (Dual TFT) แสดงข้อมูลของตัวรถและสถานะของฟังก์ชันต่างๆ อย่างครบครัน ทั้งระบบความบันเทิง ระบบนำทาง และระบบปรับอากาศ
“ห้องโดยสารของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ดูหรูหรา ทันสมัย และยังไฮเทคอีกด้วย” มร.ดูวิท กล่าว “เราได้เลือกใช้วัสดุภายในห้องโดยสารที่เข้ากับดีไซน์ใหม่นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่ทิ้งความทนทาน สมบุกสมบัน และประโยชน์ใช้สอยในแบบรถกระบะพร้อมลุย ทำให้เหมือนห้องโดยสารของรถยนต์นั่งแต่ไม่ทิ้งความอเนกประสงค์”
ฝ่าฟันทุกอุปสรรค พร้อมมาตรฐานใหม่ของความนุ่มนวล
ฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นหนึ่งในสุดยอดรถกระบะพันธุ์แกร่งในตลาด โดยสามารถขับขี่ลุยน้ำได้ที่ความลึกถึง 800 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าลึกที่สุดในรถประเภทนี้ ส่วนพื้นรถสูง 230 มิลลิเมตร ออกแบบมาเพื่อรับมือกับเส้นทางวิบากได้อย่างคล่องตัว ด้วยมุมตัดที่ 28 องศาและ มุมจากที่ 25 องศา ทำให้ผู้ขับขี่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ สามารถขับขี่ขึ้นลงทางลาดชันได้อย่างมั่นใจ
ระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อที่ควบคุมแบบระบบอิเล็กทรอนิกส์ใน ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ สามารถเลือกโหมดทำงานได้ทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อเกียร์สูงได้ด้วยการหมุนปุ่มที่คอนโซลกลาง ส่วนในสถานการณ์ที่ต้องใช้แรงบิดสูงที่ความเร็วต่ำ หรือกรณีที่ต้องเบรกขณะลงเขา ผู้ขับขี่ก็สามารถปรับไปใช้งานโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อเกียร์ต่ำได้ ส่วนชุดเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกล็อค เสริมให้รถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นในสภาวะการขับขี่ที่ยากลำบาก
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม และรับน้ำหนักบรรทุกสูงถึง 1,175 กิโลกรัม
ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ระบบไฟฟ้า (EPAS) เสริมประสบการณ์ขับขี่ให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ โดยระบบจะปรับให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาในขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ เช่นกรณีเข้าช่องจอด ก่อนจะปรับมาเน้นความแม่นยำเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง โดยมีการตั้งค่าที่แตกต่างกันไปตามความเร็วของรถ มุมเลี้ยวของพวงมาลัย แรงเหวี่ยงขณะเข้าโค้ง และอัตราการเร่งหรือลดความเร็ว ทั้งนี้ ระบบ EPAS ไม่มีอุปกรณ์ปั๊มน้ำมันอยู่ภายในเหมือนระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ทั่วไป จึงช่วยให้รถเดินเครื่องเงียบลง และประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นราว 3 เปอร์เซ็นต์
วิศวกรของฟอร์ดได้เลือกใช้วัสดุเก็บเสียงคุณภาพสูงในห้องโดยสารเพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก จึงทำให้ห้องโดยสารของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ทั้งเงียบและสะดวกสบายที่สุดในตลาด
เทคโนโลยีอันทันสมัย
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดมากมายที่เสริมคุณสมบัติในการเชื่อมต่อ และการควบคุมรถ
ระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 2 ระบบเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารภายในตัวรถรุ่นล่าสุด ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบการรับคำสั่งผ่านเสียง โดยผู้ขับขี่สามารถพูดคำสั่งภาษาอังกฤษเช่น “Temperature 20 degrees” “play AC/DC” หรือ “I’m hungry” เพื่อควบคุมระบบปรับอากาศ ระบบความบันเทิง หรือระบบนำทางของรถได้ทันที ส่วนจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และคำสั่งแบบแยกสี ช่วยให้การเลือกใช้งานเมนูต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ติดตั้งช่องชาร์จไฟแบบ 240 โวลต์ ซึ่งสามารถใช้ชาร์จไฟคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคที่ไหนก็ได้ ให้คุณไม่พลาดทุกงานเร่งด่วนนอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะเต็มรูปแบบ ที่จะช่วยให้ทุกการขับขี่ของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
• ระบบช่วยเตือนการขับขี่ในช่องทาง (Lane Keeping Alert) และระบบรักษาช่องทางขับขี่ (Lane Keeping Aid) โดยระบบทั้งสองจะทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่เบนตัวรถออกจากช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ในขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยหากกล้องด้านหน้ารถมองเห็นว่ารถกำลังเบนหัวออกจากช่องทางขับขี่ ระบบจะทำการแจ้งเตือนโดยจะทำการสั่นพวงมาลัยเพื่อเตือนผู้ขับขี่ และหากผู้ขับขี่ไม่หันหัวรถกลับเข้าสู่ช่องทางเดิม ระบบรักษาช่องทางขับขี่ก็จะใช้แรงบิดจากพวงมาลัยเพื่อเบนรถให้กลับสู่เลนที่ถูกต้อง
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า (Adaptive Cruise Control) ใช้อุปกรณ์เรดาร์ช่วยรักษาความเร็วตามที่ตั้งค่าไว้ และช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอีกด้วย เมื่อระบบตรวจพบว่ามีรถยนต์คันอื่นอยู่ข้างหน้า จะทำการลดความเร็วเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ก่อนจะเร่งกลับมาที่ความเร็วที่ตั้งไว้เมื่อถนนโล่ง ส่วนฟังก์ชั่นจำกัดความเร็วแบบตั้งค่าได้ ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่เร่งความเร็วเกินกว่าที่กำหนดไว้โดยไม่ตั้งใจ
• ระบบเตือนป้องกันการชนรถคันหน้า (Forward Alert) ทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า เพื่อส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณไฟและเสียง หากตัวรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป ระบบจะเริ่มควบคุมการเบรกเพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทันท่วงทีหากจำเป็น
• สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง (Front and Rear Park Assist) ใช้อุปกรณ์เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางขณะจอดรถ และส่งสัญญาณเสียงเตือนหากรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวางดังกล่าวที่ความเร็วต่ำ ส่วนกล้องมองหลังช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นด้านท้ายรถอย่างชัดเจน สามารถจอดรถหรือเตรียมการพ่วงรถได้อย่างมั่นใจ
• ระบบตรวจสอบวัดและแจ้งเตือนลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) เสริมความปลอดภัยและช่วยประหยัดน้ำมันด้วยการเตือนผู้ขับขี่ หากความดันยางต่ำเกินไป
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) พร้อมระบบป้องกันการพลิกคว่ำและลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ ช่วยให้รถอยู่ในการควบคุมได้เสมอ แม้ในสภาวะการขับขี่ที่ยากลำบาก
• ระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Impairment Monitor) ใช้กล้องหน้าและเซนเซอร์ตรวจจับผู้ขับขี่ว่ามีอาการง่วงหรือหลับในหรือไม่ โดยหากพบว่ารถเริ่มวิ่งออกจากเส้นทางหรือมีการกระตุกพวงมาลัยบ่อยครั้ง ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนผู้ขับขี่ โดยใช้ระดับเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับสู่สภาวะปกติ
• ในบางประเทศ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะมาพร้อมกับระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assistance) ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านสัญญาณบลูทูธเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบจะแจ้งรายละเอียดและตำแหน่งของตัวรถโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเปิดสายให้ผู้ขับขี่สนทนากับเจ้าหน้าที่ต่อไป
• เทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ ในฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่รวมถึง ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ขับบนทางลาดชันได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ที่ช่วยควบคุมการขับลงเขาที่เสริมแรงเบรกในความเร็วที่ต่อเนื่อง ระบบควบคุมการบรรทุก (Adaptive Load Control) ช่วยรักษาระบบควบคุมการทรงตัวขึ้นอยู่กับน้ำหนักของสัมภาระ และระบบเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assistance) ซึ่งจะส่งน้ำหนักไปที่ระบบเบรกเพื่อเพิ่มพลังในการเบรกเมื่อผู้ขับขี่เบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ขุมพลังที่มาพร้อมความประหยัด
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มอบสมรรถนะการขับขี่ชั้นยอดและพละกำลังในการลากจูงและบรรทุกของหนักได้อย่างเต็มที่ ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติและธรรมดาแบบ 6 สปีด เครื่องยนต์มีให้เลือก 4 รุ่น ล้วนเปี่ยมด้วยสมรรถนะและความคุ้มค่าในทุกสภาพการขับขี่ และยังตอกย้ำเอกลักษณ์ความขับสนุกในสไตล์ฟอร์ดอีกด้วย
เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ รุ่นล่าสุด ที่มีการติดตั้งระบบหมุนเวียนไอเสียแบบใหม่ เพื่อพัฒนาความสามารถในการประหยัดน้ำมันสูงถึง 18 เปอร์เซ็นต์ พร้อมมอบพละกำลังสูงสุด 147 กิโลวัตต์และแรงบิด 470 นิวตันเมตร สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะและแรงบิดสูงสุดในการลากจูง
เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค รุ่น ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้ความประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังเดินเครื่องเรียบ นุ่มนวล แต่ยังทรงพลังไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ เครื่องยนต์รุ่นนี้จะวางจำหน่ายในรูปแบบที่ต่างกันไปในแต่ละตลาด โดยบางประเทศจะได้เลือกใช้รุ่นสมรรถนะสูง ที่มีพละกำลัง 118 กิโลวัตต์พร้อมแรงบิด 385 นิวตันเมตร หรือรุ่นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูงสุด 96 กิโลวัตต์ ที่กินน้ำมันน้อยลงถึง 20 เปอร์ซ็นต์
นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค ขนาด 2.5 ลิตร ที่มอบพละกำลังสูงสุด 122 กิโลวัตต์ และแรงบิด 225 นิวตันเมตร#
เพื่อการประหยัดน้ำมันสูงสุด ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีการติดตั้งระบบสตาร์ทและดับเครื่องอัตโนมัติ (Automatic Start/Stop) ซึ่งจะดับเครื่องขณะที่รถหยุดนิ่งอยู่กับที่ เช่นขณะที่รอสัญญาณไฟเขียว ช่วยประหยัดน้ำมันสูงถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราทดเฟืองท้ายได้รับการปรับแต่งยาวขึ้น ช่วยให้ประหยัดน้ำมันดียิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง
“ด้วยประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ผนวกกับความปราณีตและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่หลากหลาย ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้สร้างนิยามใหม่ให้กับรถกระบะที่สมบุกสมบัน พร้อมฝ่าฟันทุกงาน เกินกว่าความคาดหวังของลูกค้า” มร. ทิลลี่ สรุป
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะผลิตที่โรงงาน ออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง สำหรับส่งออกไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยโรงงานซิลเวอร์ตัน แอสเซมบลี ในพรีโตเรีย แอฟริกาใต้ จะผลิตเพื่อส่งออกไปยังทวีปแอฟริกาและยุโรป ในขณะที่โรงงานปาเชโก้ ในอาร์เจนติน่าจะผลิตเพื่อส่งออกไปยังทวีปละตินอเมริกา