เมื่อเร็วๆนี้ได้มีโอกาสไปขับรถระดับหรูของ Lexus คือ Lexus ES 300 h ระบบไฮบริด ซึ่งรถคันนี้ได้เปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ที่เมืองทองธานีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่เพิ่งเข้ามาเมืองไทยก็เพราะว่า เมื่อปี 2012 เปิดตัวที่ต่างประเทศด้วยพวงมาลัยซ้าย
ปี 2013 เปิดตัวด้วยรถพวงมาลัยขวา และหลังจากนั้นก็ได้นำเข้ามาเปิดตัวในเมืองไทย
เส้นทางที่เดินทางไปทดสอบรถในครั้งนี้ เริ่มต้นเดินทางจาก All Seasons ถนนวิทยุ
ไป หัวหินสิ้นสุดที่สนาม Black Mountain Golf Club
เลกซัสES300 h เป็นรถที่ใช้ระบบไฮบริด มาพร้อมเครื่องยนต์ Atkinson Cycle ขนาด 2.5 ลิตรที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว
ระบบLexus Hybrid ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Nickel Metal แบตเตอรี่ไฮบริดได้รับการชาร์จไฟอัตโนมัติเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน จึงไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟจากภายนอก
และยังสามารถเลือกขับขี่ในโหมด EV ซึ่งขับเคลื่อนโดยไม่มีการใช้น้ำมัน จึงไม่มีไอเสีย ทั้งก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์และไนโตรเจนอ๊อกไซด์ เพราะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอย่างเดียว และระบบวาล์วอัจฉริยะ Dual VVT-I เครื่องยนต์ 2,500 ซีซีแรงม้าอยู่ที่ 160 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 213 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฮบริดแรงม้าอยู่ที่ 143 แรงม้า กำลังแรงม้ารวมทั้งหมด 205 แรงม้า ซึ่งก็เยอะทีเดียว เกียร์เป็นแบบ E-CVT เป็นรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้า
เมื่อขึ้นไปนั่งในรถคันนี้ ภายในตัวรถกว้างมาก เมื่อขึ้นไปนั่งรู้สึกว่ามีระยะห่างระหว่างคนขับกับคนนั่งมากทีเดียว ห้องโดยสารแบบ 3 โทนสีสบายตาดี คราวนี้ก็ได้เป็นทั้งผู้นั่งและผู้
ขับ เก้าอี้ที่นั่งปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ 3 หน่วย ใครขับก็บันทึกของตัวเองเอาไว้ว่าชอบนั่งขับแบบไหน มีปุ่มปรับดันหลังเบาะคู่หน้าด้วย ทำให้นั่งได้สบายยิ่งขึ้นอันนี้ได้ปรับให้เหมาะสมและในตำแหน่งที่เรารู้สึกนั่งสบาย ที่นั่งเป็นเบาะหุ้มหนัง มีระบบระบายลมเบาะหน้าด้วย แต่ไม่ได้ลองค่ะ
พวงมาลัยก็กระชับมือเป็นไม้หุ้มด้วยหนังในบางส่วนทำให้ดูหรูยิ่งขึ้น มีปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
มีรีโมททัชซึ่งอยู่ใกล้มือคนขับด้านซ้ายควบคุมง่ายเอามือซ้ายแตะแล้วเลื่อนหาข้อมูลตามความต้องการโดยข้อมูล จะทำงานผ่านจอขนาด 8 นิ้ว
การตัดเย็บวัสดุห่อหุ้มเช่นแผงคอนโซลใช้ช่างฝีมือตัดเย็บดี ดูเรียบหรู
ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนตอนหน้าพร้อมระบบกรองอากาศ ทำให้ปรับอุณหภูมิตามความต้องการ
ขับช่วงแรกก็ใช้ระบบไฮบริด ช่วงนั้นไม่ได้ขับเองเป็นผู้โดยสายอยู่ด้านหน้า ก็รับรู้ได้ถึงอัตราเร่งแซงที่ดีมากกำลังมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงนี้เป็นการขับโดยใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า และพลังงานจากแบตเตอรี่ Nickle Metalc
เมื่อถึงช่วงที่ตัวเองขับ ก็ปรับที่นั่งตามต้องการ ช่วงนี้ปรับไปที่ EV โหมด ซึ่งระบบนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อกดปุ่มติดเครื่องยนต์ เครื่องเงียบมาก คิดว่าไม่ได้กดปุ่มสตาร์ทรถเสียอีก เมื่อเหยียบคันเร่งคันเร่งจะเบาเพราะเป็นคันเร่งไฟฟ้า แต่เมื่อเหยียบคันเร่งลงไปก็ให้ความมั่นใจในการขับขี่ คันเร่งเบาแต่เมื่อกดไปไม่หนักหนัก ความเร็วมาอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้เลยว่าใช้ระบบไฟฟ้าในการขับขี่แต่เพียงอย่างเดียว ลองเหยียบคนเร่งดูในช่วงที่ถนนโล่ง ไปถึง ความเร็วที่ต้องการในช่วงเวลาแค่นิดเดียวเอง ต้องรีบถอนคันเร่งทันที พวงมาลัยหนักแน่นตามความเร็วที่ใช้ คือช่วงแรกจะเบาก่อน เพิ่มความเร็วขึ้นก็จะหนักแน่นขึ้น เมื่อวิ่งด้วยความเร็วเจอคอสะพานก็ยังรู้สึกถึงความนุ่มนวลของรถคันนี้ไม่กระเทือนเลยค่ะ การเกาะถนนดี ขับทางไกลแล้วไม่เหนื่อยค่ะ ขับสบายและสนุกมากๆ
อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 8.5 วินาที
รถคันนี้มีให้ใช้ได้ 4 โหมดคือ Sport Normal Eco และEV ซึ่งครั้งนี้ได้ใช้แค่ 2 ระบบแค่นั่นเองคือ Normal และ EV โหมด
ความหรูหราที่ให้มาในรถคันนี้ อย่างเช่นระบบปัดน้ำฝนหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างลดแสงสะท้อนพร้อมปรับมุมมองขณะเข้าเกียร์ถอย
สปอยเลอร์หลัง หลังคา Moon Roof หรือที่เรามักเรียกันว่า Sun Roof
ระบบไฟส่องสว่างแบบ HID ระบบทำความสะอาดไฟหน้าไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟตัดหมอกหลัง ระบบไฟส่องทางเข้า ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารด้านหน้า และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารด้านหลัง
ม่านบังแดดหลังแบบไฟฟ้า ม่านบังแดดข้างประตูหลัง แผงบังแดดพร้อมไฟส่องสว่าง
ถุงลมนิรภัยมากันครบทั้งตอนหน้า ด้านข้าง ที่นั่งตอนหน้าและหลัง เข็มขัดนิรภัยแบบ3 จุดพร้อมตัวลดแรงดึงทั้งหน้าและหลัง
ยังพูดไม่หมดนะคะ ระบบป้องกันความปลอดภัยเยอะมาก
ขนาดล้อและยาง 215/55 R17
เป็นรถระดับหรูที่น่าใช้มาก ถ้าใช้เป็นรถผู้บริหารก็น่าจะดียิ่งขึ้นเพราะมีคนขับให้นั่ง
เพราะที่นั่งด้านหลังก็นั่งสบายมาก ปรับอุณหภูมิแอร์ได้ และมีปุ่มควบคุมแบบแยกส่วนเพื่อความสะดวกสบายให้ด้วย
มองมองไปเล็กซัสรุ่นนี้ออกแบบเอาใจทั้งหนุ่มสาวปัจจุบันด้วยรูปร่างที่ทันสมัยและดูสปอร์ตยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ
ส่วนราคาก็มีให้เลือก 2 รุ่น คือรุ่นLuxury ราคา 3,490,000 บาท และรุ่น Premium ราคา 3,890,000 บาท ซึ่งจะแตกต่างกันในส่วนของออปชั่นค่ะ
ผู้หญิงขับรถ
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…