ผู้หญิงผู้หญิงขับรถ Reviews ทดลองขับ All NEW MAZDA 3 Skyactive SP Sports Hatchback & Sedan
เมื่อเร็วเร็ว ได้มีโอกาสไปขับรถ All NEW MAZDA 3 Skyactive SP Sports Hatchback ( 5 ประตู) และ SEDAN ( 4 ประตู ) ตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้
โดยครั้งนี้เดินทางไปที่จังหวัดระนอง เส้นทางระนอง –สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 322 กิโลเมตร
เดินทางโดยสายการบินนกแอร์ ไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เอารถไปจอดที่ดอนเมืองหลังจากเปิดใช้งานอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งแรกตั้งใจจะจอดรถที่อาคาร Terminal 1 ซึ่งเป็นอาคารที่จะต้องขึ้นเครื่อง แต่ขับเลยไป เพราะมองไม่เห็นทางเข้าที่จอดรถ ก็เลยต้องไปที่อาคารจอดรถ 7 ชั้นซึ่งอยู่ถัดจากอาคาร Terminal 2 เป็นอาคารที่จอดรถแบบอัตโนมัติ กดและรับบัตรที่ตู้ไม่มีเจ้าหน้าที่ วันนั้นที่จอดรถแน่นมากกว่าจะวนหาที่จอดรถได้ ราคาค่าจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท ต่อวัน ตกวันละ 250 บาท ตอนชำระเงินก็ชำระที่ตู้อัตโนมัติ ชั้น 3 ขากลับก็มาชำระเงินที่ตู้อัตโนมัติที่ชั้น 3 ทางเข้าลานจอดรถ
ซึ่งคราวนี้จอด 2 วัน 500 บาท ตอนจ่ายเงินให้แบ็งค์พัน เครื่องไม่สามารถทอนได้ เลยต้องเปลี่ยนเป็นแบ็งค์ห้าร้อย ทุกอย่างก็เรียบร้อย เมื่อชำระเงินแล้ว เราต้องออกจากที่จอดรถภายใน 15 นาที โดยเสียบบัตรที่ตู้ขาออก
ครั้งนี้ เดินทางไประนอง ด้วยนกแอร์เที่ยวเย็น แต่เจอ Delay ไปอีกครึ่งชั่วโมง ขากลับขึ้นที่สุราษฎร์ธานีก็ดีเลย์อีกครึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกัน
แล้วก็เข้าที่พักที่โรงแรม น้ำใส เขาสวยรีสอร์ ที่จังหวัดระนอง โรงแรมนี้อยู่บนเนินสูงอยู่ในตัวเมืองระนองเลยค่ะ เป็นโรงแรมขนาดกะทัดรัด น่าพัก
เช้าก็รัปประทานอาหารเช้าที่โรงแรมมีอาหารหลากหลาย แต่ที่ชอบก็คือขนมจีนน้ำยา
ท้องอิ่มก็ได้เวลาที่จะขับ ตัวAll New MAZDA 3 กันแล้วค่ะ
ซึ่งงานนี้ทางผู้บริหารของมาสด้ามากันครบทีม
เมื่อพร้อมก็ได้เวลาขับเจ้ามาสด้า 3 ตัวใหม่กันแล้วละคะ ALL NEW MAZDA 3 สปอร์ตแฮทช์แบ็ค(5 ประตู )และซีดาน ( 4 ประตู )เทคโนโลยี่สกายแอคทีฟเต็มคัน เป็นรถรุ่นที่ 2 ในรถเจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่มาสด้าแนะนำเข้าสู่ประเทศไทยและใช้คอนเซ็ปต์การออกแบบ โคโดะดีไซน์ คือรูปร่างของรถที่สวยงาม ปราดเปรียวร่วมกับเทคโนโลยี่ สกายแอคทีฟเต็มคัน เห็นด้วยเลยว่าเป็นรถที่สวยสะดุดตาตั้งแต่หัวจรดท้าย
หลายๆท่านก็คงอยากจะทราบกันนะคะว่า เทคโนโลยี่สกายแอคทีฟที่ใช้ในรถมาสด้า 3 คันนี้มีอะไรบ้าง
อย่างแรกก็คือ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ ซึ่งคันนี้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 210 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ MZR 2.0 L ตัวก่อน ตัวนี้เครื่องยนต์สกายแอ็คทีฟให้แรงบิดที่รอบต่ำและปานกลางเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงทุกช่วงความเร็ว ขับสนุก เร่งแซงดี
อย่างที่สองคือ เกียร์อัตโนมัติสกายแอ็คทีฟ การเปลี่ยนเกียร์กระชับราบรื่นให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่อง เป็นเกียรือัตโนมัติแบบ 6 สปีดรุ่นใหม่ ที่ขับสนุกไม่ต่างจากเกียร์ธรรมดา รู้สึกได้ในช่วงที่ขับรถ
ช่วงล่างระบบบังคับเลี้ยวสกายแอ็คทีฟ ที่ลดน้ำหนักส่วนเกินของแชสซีส์ลง ทำให้มีความคล่องตัว การเกาะถนน และการ
ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น
ทำให้ห้องโดยสารนุ่มนวลและสบายยิ่งขึ้นโดยปรับที่รองรับกันสะเทือนหลังให้ดูดซับแรงกระเทือนได้ดี ห้องโดยสารนั่งสบายไม่กระเทือน ซึ่งรู้สึกได้ตอนขับรถ
ระบบบังคับเลี้ยวสกายแอ็คทีฟใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ทำให้การบังคับเลี้ยวควบคุมได้ง่ายขึ้น
โครงสร้างตัวถุงสกายแอ็คทีฟ ที่ช่วยดูดซับรับแรงปะทะจากการชนในทุกทิศทาง เพื่อช่วยเสริมในจุดนี้ก็มีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยอื่นๆเช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ม่านถุงลมทั้งสองข้างของตัวรถ พนักพิงศีรษะที่ช่วยลดการกระแทก ระบบป้องกันล้อล็อค ระบบกระจายแรงเบรกและระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล และจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบความปลอดภัยที่เพิ่มมาในรถ
เพื่อให้ทันยุคเทคโนโลยี่ ด้านฝั่งคนขับ มีสกรีนใสด้านหน้าผู้ขับขี่เป็นจอแสดงข้อมูลในการขับขี่เช่น ระดับความเร็ว ข้อมูลระบบนำทาง สัญญลักษณ์เตือนจากระบบความปลอดภัยอัตโนมัติ
ตัวนี้สามารถปรับได้ให้อยู่ในระยะสายตา เพื่อให้อยู่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่แต่ละคน ซึ่งบางคนก็บอกว่าไม่ชอบเพราะเกะกะสายตา และกลัวว่าจะหักง่ายถ้ามีเด็กเข้ามานั่งในรถ
Center Display จอระบบTouch screen ขนาด 7 นิ้ว แสดงเมนู สั่งงานของ MZR Connect ซึ่งเป็นเทคโนโลยี่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากในรถจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ และสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ไม่ตกเทรนด์แน่นอน
Center Commander ปุ่มควบคุม MZR Connect อยู่ข้างลำตัวใกล้มือผู้ขับขี่ใช้งานง่ายเพียงหมุนคำสั่งก็จะขึ้นบนจอตรงกลางที่ Center Display ตัวนี้ในรถระดับหรูหรือรถยุโรปก็จะใช้แบบนี้ละคะ
RVM ( Rear vehicle Motorring )เทคโนโลยี่ความปลอดภัย ที่ช่วยลดอุบัติเหตุ สัญญาณกระพริบที่ปรากฎบนกระจกมองข้าง และเสียงเตือนจะทำให้ผู้ขับขี่รู้ว่ามีรถคันอื่นทางด้านหลังที่อยู่นอกระยะสายตาของผู้ขับ ซึ่งอันนี้ดิฉันได้ยินเสียงสัญญาณเตือน ขณะที่มีรถแซงขวาแล้วเข้ามาใกล้ เกินไป
การทดสอบในช่วงแรกนี้ ดิฉัน ได้ขับ Mazda 3 รุ่น SP Sports Hatchback 5 ประตู ซึ่งเป็นตัวท็อป
โดยครั้งแรกเป็นผู้โดยสาร ขับกันสองคนโดยคุณกิ๊ฟจาก Auto vision เป็นคนขับ เมิ่อขึ้นไปนั่งก็เลื่อนที่นั่งให้สบายที่สุด เก้าอี้ที่นั่งของตัวท็อปจะเป็นสีทูโทนคือ 2 สีครีมกับสีดำ และมีด้ายสีแดงเดินรอบเบาะ แต่ถ้าเป็นตัวซีดาน ตัวท็อปที่นั่งจะเป็นหนังสีดำแต่งด้วยด้ายแดง ที่นั่งปรับด้วยมือทั้งด้านคนขับและคนนั่ง และสามารถปรับสูงต่ำได้ ด้วยมือโยกเช่นเดียวกัน ไม่ได้ใช้ระบบไฟฟ้า
สำหรับตัวดิฉันคิดว่าไม่มีความจำเป็นสำหรับที่นั่งที่ต้องปรับด้วยไฟฟ้า เพราะโดยปกติส่วนใหญ่จะขับกันคนเดียวโดยส่วนใหญ่ ซึ่งที่นั่งก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปรับบ่อย อาจจะจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องสลับกันขับ
ตัวดิฉันขับในช่วงที่สอง โดยคันที่ขับคือตัว Mazda 3 SP Sports Hatchback ส่วนตัว Sedan ไม่ได้ขับ ได้แต่นั่งอย่างเดียวค่ะ จากคุระบุรีกรีนวิว ไปร้านอาหารภูผาและลำธาร ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ซึ่งช่วงที่ขับช่วงนี้ ถนนคดเคี้ยวมาก เป็นถนนวิ่งสวนกันสองเลน ได้เห็นถึงสมรรถนะของรถที่เกาะถนนดีมาก ช่วงล่างที่ไม่ได้นุ่มนวลหรือกระด้างเกินไป ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้ง พวงมาลัยควบคุมง่ายหนักแน่นกระชับมือ การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนิ่มนวล เกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด ความเร็วมาอย่างต่อเนื่องเมื่อเหยียบคันเร่งลงไป เวลาเร่งแซงเหยียบคันเร่งลงไปความแรงก็มาอย่างต่อเนื่อง ไม่เหนื่อยในการเร่งแซง
เป็นรถ 5 ประตูที่ให้การเกาะถนนดี
ที่นั่งด้านหน้าโอบกระชับดีค่ะ
ภายในห้องโดยสารก็เงียบดี
ท่อไอเสียของตัว 5 ประตูมีสองท่อเห็นชัดเจน ดูเป็นแบบรถแบบสปอร์ตดี ส่วนของ 4 ประตูจะมองไม่เห็นท่อไอเสียต้องสังเกตุมากๆถึงจะเห็น
ห้องเก็บสัมภาระหลังกว้างค่ะ สามารถพับเบาะหลังได้ แบบ 60 :40 หรือเป็นพื้นราบแบบ 180 องศาได้ด้วย
เก็บของได้เยอะ
Hatchback 5 ประตูเปิดท้ายจากด้านนอกได้เลย แต่ตัว Sedan เปิดสวิทช์จากด้านใน ถึงจะเปิดท้ายได้
ความยาวของตัว 5 อยู่ทิ่ 4,460 มม. ส่วนของ 4 ประตู อยู่ที่ 4,580 คัน 4 ประตูยาวกว่า 5 ประตูอยู่ 120 มม.
ซึ่งแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเวลาขับหรือนั่งอยู่ในรถ
อีกอย่างที่ชอบคือแป้นเบรกและแป้นคันเร่ง ใหญ่เต็มเท้าดี ทำให้ไม่เมื่อยขาเวลาขับขี่ทางไกล เพราะเท้าวางยันพื้นได้ เพราะเป็นคนเท้าสั้นค่ะ
เบรกหยุดได้ดั่งใจไม่หัวทิ่มหัวตำ
ยางคันที่ขับเป็นตัวท็อปทั้งคู่ จะเป็นยาง ขนาด 215/45 R 18 ขนาดล้ออัลลอย 18 X 7J
น้ำมันที่ใช้ ได้ทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95 E10 ,E20 และ E 85 ถังน้ำมันจุ 51 ลิตร
ราคาก็คงต้องบอกกันบ้างนะคะ
Mazda 3 รุ่น E Sedan 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ ราคา 833,000 บาท
Mazda 3 รุ่น C Sedan 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ ราคา 914,00 บาท
Mazda 3 รุ่น S Sedan 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ ราคา 974,000 บาท
Mazda 3 รุ่น E Sports Hatchback 5 ประตู เกียร์อัตโนมัติ ราคา 833,000 บาท
Mazda 3 รุ่น C Sports Hatchback 5 ประตู เกียร์อัตโนมัติ ราคา 914,000 บาท
Mazda 3 รุ่น S Sports Hatchback 5 ประตูเกียร์อัตโนมัติ ราคา 974,000 บาท
Mazda 3 รุ่น SP Sports Hatchback 5 ประตูเกียร์อัตโนมัติ ราคม 1,094,000 บาท
( Option มีแตกต่างกันบ้างในแต่ละรุ่น)
ได้ยินมาว่ารุ่น 4 ประตูขายดีกว่า 5 ประตู แต่ดิฉันเป็นคนชอบรถ 5 ประตู ท่านผู้อ่านละค่ะชอบรุ่นไหน
ผู้หญิงขับรถ
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…