เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางวันนี้ เราจะเดินทางจากอูลาน-อูเด ไปยังทะเลสาบไปคาลกับระยะทาง 510 กิโลเมตร
การเดินทางครั้งนี้ มองโกเลีย -ไซบีเรีย-รัสเซีย ระยะทางทั้งสิ้นกว่า 6,500 กิโลเมตร (5-19 ตุลาคม 2559)
กลุ่มที่ 1ประมาณ 3,200 กิโลเมตร ด้วยมาสด้า CX-3 และ CX-5 เครื่องยนต์เบนซิน 2,000 ซีซี จากเมืองไทย
กำหนดการเช่นเดิม 6-7-8 ตื่น 6 โมงเช้า กินข้าวเจ็ดโมง ออกเดินทาง 8 โมงเช้า แต่เช้านี้ให้ไปถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์ท่านเลนินที่อยู่ใกล้โรงแรมแค่เดินข้ามถนนไปก็เจอแล้วค่ะ ก็เลยออกเดินทาง 9 โมง
จัตุรัสนี้เรียกว่า จัตุรัสโซเวียต เป็นที่ประดิษฐานศีรษะของท่านเลนิน ที่เป็นศีรษะที่ใหญ่ที่สุดในโลก
“อูลาน-อูเด” (Ulan-Ude) คือ เมืองท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ และยังเป็นเมืองหลวงอันมากเสน่ห์ที่น่ามาเยือนแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐ Buryatia 1 ใน 21 สาธารณรัฐของสหพันธรัฐรัสเซีย
นอกจากนี้แล้ว เมืองอูลาน-อูเด ยังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายหลักของรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย เส้นทางรถไฟที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวประมาณหนึ่งหมื่นกิโลเมตร นั่นเอง
บริเวณย่านจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ รูปหล่อศีรษะที่ใหญ่ ที่สุดในโลกของวลาดิมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต โดยรูปหล่อถูกสร้างขึ้นในปี 1970 ตั้งตระหง่านอยู่ เหนือจัตุรัส ด้วยความสูง 7.7 เมตร (25 ฟุต) และมีน้ำหนัก 42 ตัน
ซึ่งพวกเราก็จะไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกัน
เช้านั้นแดดยังไม่แรงมากนัก แต่แว่นที่ใส่ซึ่งจะเป็นแว่นที่เป็นสีใสในที่มืด และจะมืดในที่แดดจ้า รู้สึกว่าแว่นปรับแสงมืดเร็วมาก น่าจะมีรังสี UV เยอะมาก ซึ่งเวลาอากาศหนาว เราจะไม่ระวังเรื่องแสงแดดกันเพราะความหนาว หน้าเลยสู้แดด ซึ่งแนะนำให้สาวๆโปะครีมกันแดดให้เยอะๆหน่อยก่อนที่ฝ้าจะจับ
อุณหภูมิเช้าวันนี้ – 9 องศา
ถ่ายรูปกันจนได้เวลาเดินทางแล้ว เราก็มาติดเครื่องรถกันเหยียบเบรกกดปุ่มสตาร์ท โดยคันของดิฉันคือมาสด้า CX-5 หมายเลข 7 คันเดิม แล้วเราก็ตั้งขบวนเพื่อเดินทาง
รถรุ่นนี้จะมีเซ็นเซอร์คอยจับใครเดินทางหน้ารถหรือยืนอยู่หน้ารถในระยะใกล้ที่เซ็นเซอร์จับได้ เซ็นเซอร์ก็จะร้องเตือนตลอดเวลา หรือขับใกล้คันหน้าเกินไป ก็จะมีเสียงเตือน ก็ปลอดภัยดีเมื่อขับรถใกล้คันหน้าเกินไป หรือตอนเร่งแซงหรือมีรถเข้ามาใกล้เกินไปก็จะมีสัญญาณไฟเตือนแวบแวบที่กระจกมองข้าง
เช้านี้ดิฉันเป็นคนขับ เราเดินทางกัน 4 สาวค่ะ ดิฉันเป็นสาวน้อยที่สุด(ขำขำนะ)เมื่อออกจากโรงแรมช่วงเช้ารถค่อนข้างหนาแน่นเพราะเป็นเวลาไปทำงาน
ต้องคอยฟังจากวิทยุสื่อสารคันหน้าว่าจะไปทางไหน เพราะไม่สามารถ ไปครบได้ทุกคันเพราะรถติดและติดไฟแดงด้วย คันที่ไปก่อนก็จะค่อยๆชะลอรถรอคันที่ตามหลังมา แต่เราก็มีรถของผู้นำทางอีกคันปิดท้ายหากเกิดการพลัดหลงขึ้นมา แต่เราก็วิ่งทันกันทุกครั้ง วิทยุสื่อสารบอกทางจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางเป็นขบวนคาราวานแบบนี้
รถที่ขับจะมี i-Stop คือติดไฟแดงเครื่องก็จะดับแต่ฮีทเตอร์ยังทำงานนะคะ ซึ่งเมื่อเราไม่ต้องการให้เครื่องยนต์ติดติดดับดับ ก็สามารถกดปิดได้ค่ะ ซึ่งปุ่มอยู่ข้างพวงมาลัยทางขวามือ
เมื่อเข้ามาที่อูลาน-อูเด รถที่ขับที่นี่พวงมาลัยซ้ายเยอะกว่าฝั่งมองโกเลีย ซึ่งยังมีรถพวงมาลัยขวาให้เห็นค่อนข้างเยอะ แต่การขับรถเหมือนเดิมคือขับในเลนขวา แต่แซงด้านซ้าย ตรงข้ามกับบ้านเรา
เราจะเจอไฟเขียวไฟแดงค่อนข้างเยอะและทางม้าลายก็เยอะด้วย ซึ่งถ้าเห็นคนจะข้ามต้องรีบจอดทันที่ ทำให้บ้างครั้งเบรกกันแบบกะทันหัน เพราะคันข้างหน้าหยุดทันที่ คันหลังก็เบรกกันหน้าตั้ง ต้องยอมรับเช่นกันว่าเบรกของ Cx-5 เบรกหยุดได้ดั่งใจ ดีกว่ารุ่นแรกที่ออกมาเยอะเลยค่ะ
และเมื่อออกนอกเมืองถนนยังเป็น 2 เลน และยังขรุขระค่อนข้างเยอะแต่ไม่เป็หลุมนะ แค่ไม่เรียบ อาจเป็นเพราะมีรถเทรลเลอร์คันใหญ่ๆวิ่งกันเยอะ แต่สภาพถนนก็ไม่สามารถทำลายช่วงล่างอันหนักแน่นของ CX-5 ได้เลย
และเราก็ได้ขับรถผ่านสะพานที่ด้านล่างเป็นทางรถไฟ ก็ได้ยินเสียงจากคุณกิตติ นิลถนอมบอกว่า เรากำลังขับรถผ่านทางสายรถไฟทรานส์”ซบีเรีย รู้สึกตื่นเต้นมาก
เข้ามาถนนสายนี้ สองข้างทางเริ่มเป็นทิวสนสลับกับทุ่งโล่ง ต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นต้นสนสลับกับเรียกไม่ถูกเขียวๆเหลืองๆแห้งๆ ถนนสายนี้ต้องยอมรับว่าสวยมีการขึ้นเนินลงเขาที่ค่อนข้างสูงและถนนโค้งบ้าง แต่ช่วงที่ถนนเสียและทำถนนกันหลายจุด แต่การทำถนนแต่ละที่จะมีจุดเตือนให้เห็นก่อน ซึ่งทำให้ปลอดภัย และมีเจ้าหน้าที่ทำถนนมาโบกรถให้แต่ละฝั่งไป
ถนนส่วนใหญ่ยังสองเลน จะเป็นสามเลนหรือสี่เลนบ้างก็ช่วงสั้นๆ
ถนนวิ่งขนานไปกับทางรถไฟในบางช่วง จะเห็นแต่ขบวนรถไฟที่เป็นขบวนบรรทุกของและไม้ ไม่เห็นขบวนบรรทุกผู้โดยสาร
การขับรถก็มีความเร็วที่กำหนดไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะมีกล้องจับความเร็วบ้าง กล้องวางริมทางเลยเห็นชัดเจนดี และห้ามแซงเส้นทึบ ซึ่งก็เป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้ว
แล้วก็แวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านริมทางผ่าน อาหารก็จะเป็นสลัด ซุปเนื้อ และมีข้าวผัดเนื้อ แต่คนที่ไม่ทานเนื้อก็มีหมูให้รับประทานค่ะ
ร้านนี้ห้องน้ำจะอยู่นอกร้านอาหาร เป็นห้องน้ำแบบนั่งยองๆ เสียค่าเข้าห้องน้ำ 15 รูเบิ้ล(ประมาณ 7 บาท) สะอาดใช้ได้เพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ เดินทางครั้งนี้ตลอดทริปเจอแค่ 2 ที่ ที่เก็บเงินค่าเข้าห้องน้ำและราคาก็ 15 รูเบิ้ลนี่ละคะ
แล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปสองข้างทางเวิ้งว้างเป็นบางช่วงเห็นท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา ช่วงบ่ายก็จะเป็นคุณแหม่มจากรายการทีวีเป็นคนขับ
เริ่มเห็นหิมะสองข้างทาง หิมะเริ่มเยอะบนสองข้างทาง ถนนเปียกเพราะหิมะละลาย แล้วรถมาสด้าของเราเดินทางไปอย่างสบายๆในทุกเส้นทาง ด้วยรถแบบขับเคลื่อนสองล้อธรรมดา
แวะเติมน้ำมันและกินกาแฟซึ่งจากรถเซอร์วิสของเรานี่เอง และเข้าห้องน้ำ เมืองที่ผ่านจะค่อนข้างเป็นเมืองชนบท ห้องน้ำจะเป็นส้วมหลุมแบบขุดนะแล้วไม่มีน้ำด้วย ถ้าต้องทำธุระก็ทับถมกันไป เอามืออุดจมูกไว้ ให้จินตนาการเอาค่ะ บางครั้งก็จำเป็นต้องเข้า ถ้าไม่เจอปั๊มที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเพราะถ้ามีซุปเปอร์มาร์เก็ตเราก็เข้าห้องน้ำในซุปเปอร์ได้ ก็เป็นรสชาติของการเดินทางนะคะ
Wi-Fi จาก Pocket Wi-fi ก็มีบ้างไม่มีบ้าง โทรศัพท์เปิดโรมมิ่งไว้ ก็อาจจะขาดๆหายๆไปบ้างถ้าอยู่ย่านชนบท
วิ่งมาซักพักทางเริ่มสวย มองเห็นทะเลสาบไบคาลอยู่ขวามือ บ้านเรือนเริ่มดูสวยขึ้นหนาแน่นขึ้นและช่วงนี้เริ่มเป็นทางขึ้นเขา ถนนเริ่มคดเคี้ยว ถนนสองเลนซึ่งเวลาแซงต้องเหยียบลงไปสุดสุด อัตราเร่งแซงดี ซึ่งเราไปเป็นขบวนก็จะมีคันหน้าสุดคอยบอกทางให้ค่ะว่าโล่งหรือไม่โล่ง ทำให้ขับง่ายขึ้น และเพื่อนร่วมทางแต่ละคันก็คอยช่วยบอกต่อให้คันต่อต่อไป เรียกว่าร่วมด้วยช่วยกัน เลยทีเดียว
คันที่อยู่หลังบางครั้งกว่าจะแซงได้ คันอื่นทิ้งไปไกลแล้ว แต่ด้วยกำลังเครื่องยนต์แรงม้าที่มีอยู่เหยียบลงไปความเร็วก็มาแล้ว ซึ่งการขับรถในครั้งนี้เราต้องใช้อัตราเร่งแซงบ่อยมาก
เมื่อขับไปจะเห็นหิมะเป็นฝอยๆโปรยปรายลงมา เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่สวยและคืนนี้เราจะไปพักที่ริมทะเลสาบไบคาลกันก็เลยต้องขับผ่านเมือง ซึ่งกว่าจะถึงที่พักก็ประมาณสองทุ่ม แสงไฟหน้ารถของพวกเราทั้ง CX-3 และ CX-5 ส่องสว่างได้ดีมากเลยเห็นทางชัดเจน ทางจะค่อนข้างคดเคี้ยวค่ะ
เมื่อถึงที่พักหนาวมากที่พักบนเขา ลมพัดตลอดเวลา
อาหารมื้อนี้ก็มีสลัด ปลาทอด และปลาสดสดจากทะเลสาบไบคาลให้รับประทาน
หลังจากนั้นก็พักผ่อนกัน เพื่อนเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้นที่เราจะแวะชมทะเลสาบไบคาล
คืนนี้เราก็พักที่นี่เป็นโรงแรมไม่สูงค่ะขนาด 2 ชั้น เป็นไม้ ซึ่งก็หนาวมากเพราะฮีทเตอร์เล็กไปหน่อย
อีซูซุส่งเครื่อ…