หลังจากขับ C 350 e Plug-In Hybrid ไปแล้ว คันต่อไปที่ขับก็คือ S500 e Plug-In Hybrid สองรุ่นใหม่ล่าสุดที่เข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย โดยบริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
S500e Plug-In ็Hybrid คือรถยนต์ซีดานระดับพรีเมี่ยม ที่รวมทั้งเทคโนโลยี่ของ ปลั๊กอินไฮบริดและภาพลักษณ์หรูหราของตระกูล เอสคลาส มี 2 ดีไซน์ คือ Exclusive และ AMG Premium
S500e Plug-in เครื่องยนต์เบนซินแบบวี ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 6 สูบ ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี แรงม้า 333 แรงม้าที่ 5,200-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบ 1,600- 4,000 ต่อนาที
แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 340 นิวตันเมตร เมื่อรวมแรงม้าของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ฟ้าเท่ากับ 449 แรงม้า เยอะมากเลย
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ที่ 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม/ ชม ( ตามที่ทาง Benz บอกมา ยังไม่ได้ลองทำดู)
เกียร์แบบ อัตโนมัติ 7 G-Tronic Plus พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ภายนอกของ S500e Plug-In Hybrid
กระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ เมอร์เซเดสเบนซ์อยู่ด้านบน มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ด้วยรูปทรงที่ดูเพรียวขึ้น ความโค้งมนของหลังคา และด้านท้ายรถที่ให้มีความลาดเท ทำให้ดูสวยสง่ายิ่งขึ้น
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกก็ให้มาครบครัน
ภายใน
เน้นการใช้วัสดุคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นลายไม้ที่ได้มีการออกแบบพิเศษ 2 โทนสี เบาะหนังหุ้มหนัง Nappa พร้อมด้วยผ้าหลังคาและแผงบังแดดด้านหน้าหุ้มด้วย Dinamica Microfiber พร้อมด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารสามารถปรับได้ 7 สี
นอกจากนั้นยังติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังสลับลายไม้ 2 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งเป็นพวงมาลัยนิรภัย พร้อมพาวเวอร์ที่สามารถปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วของรถ ซึ่งทำให้ควบคุมรถได้ง่าย Option จะมีแตกต่างกันบ้างใน รถทั้งสองรุ่น
S 500 e Plug-In HYBRID ยังสามารถเลือกโหมดการทำงานของระบบ Plug-In HYBRID ได้ถึง 4 แบบ คือ
HYBRID: การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยระบบจะเน้นไปที่การใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนให้มากที่สุด และใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเท่าที่จำเป็น หากกระแสไฟในแบตเตอรี่มีปริมาณต่ำกว่า 20 % ระบบจะใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเท่านั้น และถ้าผู้ขับขี่ปรับเกียร์อัตโนมัติเป็นโหมดสปอร์ต (S) รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงาน
E-MODE: สามารถขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ (ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว)ได้จนถึงความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางสูงสุด 33 กิโลเมตรโดยไม่มีการคายไอเสีย (ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานของแบตเตอรี่และความเร็วที่ใช้) แบตเตอรี่ลิเธี่ยม-ไออน ขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มภายใน 4 ชั่วโมง
– โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่การทำงานของระบบนี้ สามารถครอบคลุมการใช้งานได้เป็นอย่างดี ผู้ขับขี่จะต้องไม่กดแป้นคันเร่งจนเกินแรงต้าน หากกดแป้นคันเร่งเกินแรงต้านเมื่อใด เครื่องยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนรถยนต์ทันที
E-SAVE: ในขณะที่เริ่มต้นใช้ E-SAVE ระดับกระแสไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตเตอรี่ high-volt ในขณะนั้นจะถูกบันทึกค่าไว้ จากนั้นระบบจะใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก ในการขับเคลื่อน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกใช้น้อยที่สุด เพื่อรักษาระดับกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ให้มีปริมาณเท่าเดิมกับตอนเริ่มต้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ว่ากำลังจะต้องเดินทางเข้าเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หลังจากชาร์จแบตเตอรี่ high-volt จนเต็มแล้ว ควรเลือก E-SAVE ในการเริ่มต้นเดินทางก่อนที่จะเข้าเมือง เมื่อขับถึงในเมืองก็จะมีปริมาณกระแสไฟสูงสุดที่จะใช้ E-MODE สำหรับการเดินทางในเมืองได้อย่างเต็มที่
CHARGE: การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยแบตเตอรี่ high-volt จะถูกรักษาระดับการชาร์จให้อยู่ในระดับปานกลางในขณะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ และจะไม่มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเลยเพื่อให้เกิดการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ high-volt อย่างต่อเนื่อง แรงหมุนของเครื่องยนต์จะถูกนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าไปสะสมไว้ในแบตเตอรี่และจะมีการแปลงพลังงานที่เกิดจากการชะลอความเร็วหรือการเบรกให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่อีกด้วย เมื่อชาร์จไฟเต็ม ระบบจะปรับไปที่การทำงานในรูปแบบ E-SAVE โดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมีระบบหนึ่ง ที่จะทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อปรับการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมที่สุด เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดพลังงานและช่วยให้รถ สามารถเก็บพลังงานสำรองได้ โดยระบบจะตรวจจับแรงกดที่แป้นคันเร่งเพื่อส่ง สัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่ผ่อนแรงกดที่แป้นคันเร่งตามความเหมาะสม หากรถยนต์ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและผู้ขับขี่เหยียบแป้นคันเร่งจนถึงจุดที่มีการตั้งค่าไว้
ระบบจะสลับการทำงานไปใช้เครื่องยนต์ให้โดยอัตโนมัติ โดยระบบการจัดการ พลังงานนี้ทำงานด้วยข้อมูล 2 ประเภท คือ ข้อมูลเส้นทาง ผ่านการตรวจจับอัตโนมัติ หรือใช้ค่าจากโหมดการทำงานของระบบ Plug-In HYBRID 4 แบบ, ข้อมูลจากผู้ขับขี่ ผ่านการตรวจจับจากโหมดการปรับเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 3 แบบ ตามที่ผู้ขับขี่เลือกใช้
เมื่อได้ทราบถึงคุณสมบัติเด่นๆของรถคันนี้แล้ว ก็มาถึงการขับขี่กันบ้าง
หลังจากขับ C350e Plug-In Hybrid ไปแล้ว ก็มาถึงการขับคันนี้กันบ้างละคะ S500 e Plug-In Hybrid คันที่ขับเป็นรุ่น Exclusive
ซึ่งจะมีแตกต่างกันบ้างในบาง Option กับรุ่น AMG Premium แต่ในที่นี้จะพูดถึงเฉพาะคันที่ขับ
โดยออกเดินทางจาก สถานีกาแฟ ฟาร์มหมอหลี เวียงป้าเป้า ด้วยสโลแกนของร้าน ที่เราต้องทำตามเลยค่ะ
จากที่เวียงป้าเป้าไปเชียงใหม่ระยะทางอีกประมาณหนึ่งร้องกิโลเมตร
โดยดิฉันเป็นคนขับคนแรกเช่น เดิม เปิดประตูรถปุ๊บก็ต้องร้องอื้อฮือ ถึงความกว้างขวางของรถ การตกแต่งภายในที่ดูหรูหราสวยงาม และสะดุดตากับสีเบจภายในรถดูสะอาดตาและกว้างขวางยิ่งขึ้น เราดูเล็กไปเลยถ้าเทียบขนาดกับตัวรถ
ปรับที่นั่งให้เข้าที่ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ ซึ่งจะมีทั้งเบาะคู่หน้าและคู่หลัง มีฟังก์ชั่นอุ่นเบาะนั่งและระบายอากาศเบาะสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า และเบาะนั่งคู่หลังริมหน้าต่าง
ความรู้สึกแรกที่ออกตัว รถนุ่มนวลมาก และเงียบมากๆ เส้นทางที่ขับในช่วงนี้จะเป็นทางตรงไม่มากนัก มีทางคดเคี้ยว ขึ้นเขาลงเขามากขึ้น การเกาะถนนก็ดีแต่การขับบนทางคดเคี้ยวแบบนี้สำหรับรถรุ่นนี้ต้องบอกว่าต้องออกแรงควบคุมพวงมาลัยมากขึ้นเพราะความใหญ่และหนักของตัวรถและความแรงของรถ ต้องคอยชะลอไม่ให้เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เพราะความเร็วจะไปโดยที่เราไม่รู้สึกว่าเร็ว การเกาะถนนดีช่วงล่างแน่นหนา แต่ความเป็นสปอร์ตจะน้อยกว่า C350e Plug-In Hybrid
ในการขับขี่ดิฉันเลือกระบบ Hybrid .ในการขับขี่เช่นเดิม ระบบก็ปรับตัวไปเองโดยอัตโนมัติ
และขับไปได้สัก 50 กิโลเมตร ก็สลับให้ผู้ร่วมทางขับ ส่วนตัวดิฉันขอเป็นผู้โดยสาร ไปนั่งเบาะหลังแบบรถ ลีมูซีนมีคนขับให้นั่ง เท่จริงๆ
ที่นั่งด้านหลังกว้างสบาย นุ่มนวลไม่มีอาการกระเทือนของรถ เบาะนั่งด้านหลังมีฟังก์ชั่นนวดให้ด้วย
ที่รองขาแบบปรับระดับ สำหรับผู้โดยสารด้านซ้าย ที่วางเท้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้าย
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับเลื่อนไปด้านหน้าได้อีก 4 ซม.และเลื่อนขึ้นด้านบนได้อีก 3.7 ซม.
ผู้โดยสารที่นั่งด้านหลังก็สามารถปรับให้ที่นั่งด้านหน้าเลื่อนไปข้างหน้าได้เองหากนั่งไม่สบาย คนนั่งด้านหลังไม่ต้องไปบอกให้คนนั่งหน้าเลื่อนให้เลย
มีปลั๊กไฟ 220 โวลท์ สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่เกิน 150 วัตต์ อยู่บริเวณคอนโซลกลางที่นั่งด้านหลัง
ม่านบังแดดด้านหลังเลื่อนขึ้นลงด้วยไฟฟ้า
ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติและมีฟังก์ชั่นปรับความสมดุลอากาศในห้องโดยสาร
ระบบความบันเทิงของผู้โดยสารด้านหลัง มีจอ 2 ตำแหน่ง
ความสะดวกสบายครบครัน อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยก็ให้มาเยอะเลยค่ะ
ล้ออัลลอย 19 นิ้วสำหรับรุ่น Exclusive และล้ออัลอย 20 นิ้ว รุ่น AMG
ยางรถยนต์แบบ Run-flat tyres
ถังน้ำมันขนาด 70 ลิตร และที่ชาร์ตไฟ
ที่นี้ก็มาดูเรื่องราคากันบ้างค่ะ
S500e Plug-In Hybrid Exclusive ราคา 6,390,000 บาท
S500e Plug-In Hybrid AMG Premium ราคา 6,990,000 บาท
S500e Plug-In Hybrid ในความเห็นของดิฉัน เป็นรถที่เหมาะสำหรับมีคนขับให้นั่งมากกว่าขับเองค่ะ เพราะความสะดวกสบายของที่นั่งด้านหลัง เหมาะสำหรับผู้ก้าวทันเทคโนโลยี่ ชอบอะไรที่ใหม่ใหม่ และหรูหรา
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…