ก่อนไปลองขับรถ Camry 2.5 G ก็ทราบความเป็นมาของโตโยต้า คัมรีกันก่อนสักเล็กน้อยนะคะ
โตโยต้าคัมรีเป็นรถยนต์ที่ประสพความสำเร็จที่สุดรุ่นหนึ่งของโตโยต้า ครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ขนาดกลางในหลายประเทศ สำหรับประเทศไทยตั้งแต่แนะนำเจเนอเรชั่นที่ 5 ในเดือนมีนาคม 2558 โตโยต้าคัมรีก็ประสบความสำเร็จครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์ซีดานขนาดกลาง โดยมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 11,199 คัน (ข้อมูลถึง 31 กรกฎาคม 2559)
และเมื่อเดือนสิงหาคม 2559ที่ผ่านมา โตโยต้าก็ได้แนะนำโตโยต้า คัมรีรุ่นปรับปรุงใหม่ ซึ่งรุ่น 2.5 G ก็เป็นหนึ่งนั้น
โดยได้เพิ่มอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายเพิ่มขึ้น มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ภายนอก ของที่เพิ่มจากเดิมของToyota Camry 2.5 G
กระจังหน้าเป็นสีดำ
ยางขนาด 215/55 R 17 ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง และกระจกมองข้างแบบลดการเกาะตัวของหยดน้ำ และปรับไฟฟ้าพร้อมระบบมุมมองกว้าง
คิ้วฝากระโปรงท้ายโครเมี่ยม
ภายใน
เบาะที่นั่งเป็นสีเบจ
พวงมาลัยแบบสี่ก้านหุ้มหนัง ส่วนหัวเกียร์หุ้มหนังพร้อมลายไม้ พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงผล
การขับขี่ สั่งการทุกระบบด้วยปลายนิ้วไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง จอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบ Bluetooth เชื่อมต่อแบบไร้สาย
ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง ซึ่งเราสามารถกดบันทึกได้เลย ไม่ต้องปรับทุกครั้งที่ขึ้นนั่ง
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าทั้งคนนั่งและคนขับ ปรับได้เหมือนกันทั้งคู่
คนขับมีปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าให้ด้วย
และมีปุ่มปรับไฟฟ้าที่พนักพิงเบาะผู้โดยสารด้านหน้า
หน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว เห็นการทำงานเด่นชัด
เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL 12 ตัว
แอร์แบบแยกอิสระซ้าย-ขวา ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ใครต้องการอุณหภูมิเท่าไหร่ก็ปรับตามใจชอบ
ผู้โดยสารด้านหลังก็มีแอร์ให้ด้วยค่ะ
ม่านปรับไฟฟ้ากระจกหลัง สามารถปิดใช้งานได้ แต่ถ้าเปิดใช้งานบังแดดอยู่เมื่อเวลาถอยหลังม่านบังแดดจะลดลงอัตโนมัติไม่ให้กีดขวางสายตาเวลาถอย
และกระจกมองข้างปรับอัตโนมัติเวลาถอย ให้เห็นมุมชัดเจนขึ้น
และมีกล้องมองหลังรถเวลาถอยด้วย
แล้วก็ได้เวลาที่จะไปขับจริงโดยในช่วงเช้าก็ไปพบกันที่ Toyota Driving Experience ที่บางนา
และมีการแนะนำให้รู้จักเทคโนโลยี่ต่างๆในรถที่เพิ่มขึ้นมา
อย่างเช่นมีสัญญาณเตือนขณะถอยหลัง มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนเข้ามาด้านหลังขณะถอยรถ โดยจะแสดงการเตือนผ่านไฟกระพริบที่กระจกข้างพร้อมเสียงสัญญาณเตือน
และมีสัญญาณเตือนกะระยะที่มุมกันชนทั้ง 4 มุมและด้านหลัง 2 จุด
และเราก็ได้ลงไปลองขับกันบนสนาม ซึ่งมีทั้งทางตรง ทางคดเคี้ยวและทางขรุขระ พร้อมทั้งการขับขี่แบบสลาลอม และบนถนนที่ลื่น
ก็ได้เห็นทั้งระบบความปลอดภัยทั้ง VSC ระบบควบคุมรถให้ทรงตัวอย่างมั่นคงบนทางโค้งหรือบนถนนเปียกลื่น และ TRC ควบคุมและป้องกันล้อหมุนฟรี ซึ่งก็ทำงานให้เห็นจะจะ ว่าทำงานจริง ซึ่งเราก็วิ่งในความเร็วที่ไม่สูงมากนัก ก็คิดว่าในสถานการณ์จริงเราเจอก็คงจะลดความเร็วเช่นกัน แต่อุปกรณืความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามาก็ช่วยให้อุ่นใจขึ้น
ลืมพูดเรื่องเครื่องยนต์ คันนี้เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี Dual VVT-I 4 สูบ แรงม้า 181 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 231 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift คือ + -ที่คันเกียร์
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทาง ไปหัวหิน ระยะทางไปกลับก็ประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร
ขึ้นไปครั้งแรกก็เป็นผู้โดยสารไปก่อน ที่นั่งปรับฟ้าได้ตามความพอใจแปดทิศทาง สูงต่ำได้ มีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
มองจอที่อยู่ตรงกลาง มีเนวิเกเตอร์แบบหน้าจอสัมผัสรองรับ T-connect ระบบจะประมวลเส้นทางผ่านทาง GPS และแสดงแผนที่ผ่านทางจอ LCD เราก็ตั้ง GPS เพื่อเดินทาง
มีช่องเสียบ USB/VTR/AUX ก็เลยเปิดเพลงผ่านทาง youtube สัญญาณชัดผ่านลำโพง JBL 12 ตัว ฟินไปเลย
คราวนี้ก็ได้ลองชาร์ตโทรศัพท์มือถือซึ่งสามารถชาร์ตแบบ ไร้สาย ที่ชาร์ตจะอยู่ตรงคอนโซลกลาง เพียงวางสมาร์ทโฟนบนถาดชาร์ต ซึ่งระบบชาร์ตต้องใช้กับอุปกรณ์เสริมของมือถือแต่ละรุ่น เท่าที่สังเกตุดูชาร์ตได้เร็วทีเดียว ไปกันหลายคนก็เลือกเอาว่าใครจะชาร์ตที่ไหน อย่างไร
ปรับแอร์ตามความเย็นที่เราต้องการ เพราะแยกส่วนกับผู้ขับขี่ แค่นี้ก็สบายแล้ว
ที่นั่งก็นั่งได้สบายเป็นหนังและวัสดุสังเคราะห์
ภายในรถมองดูกว้างขวาง สีเบจที่ใช้ดูสะอาดตาและทำให้รถดูกว้างมากขึ้น
และระบบความปลอดภัยที่ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือเซ็นเซอร์ตรวจจับวัสดุในมุมอับสายตา คือถ้าเราอยู่ในเลน และมีรถวิ่งมาในมุมใกล้เราเซ็นเซอร์ก็จะขึ้นไฟกระพริบที่ กระจกมองข้าง ถ้ารถที่อยู่ในมุมอับอยู่ด้านซ้าย ไฟที่กระจกซ้ายก็จะกระพริบ ถ้าด้านขวาไฟที่ด้านขวาจะกระพริบ ไฟนี้จะไม่รบกวนสายตา เพราะเราตองเห็นแวบๆทางหางตา แต่จะไม่ส่งเสียงนะคะ
แล้วเราก็แวะพักเพื่อดื่มน้ำกันที่เพชรบุรี
ซึ่งหลังจากนี้ดิฉันก็เป็นคนขับละคะ กดสตาร์ทรถ ปรับทุกอย่างให้เข้าที่ที่นั่งปรับได้ 8 ทิศทาง สูงต่ำสบายมาก
ปรับที่นั่งและกระจกมองข้างให้ได้มุมที่ต้องการ เสร็จแล้วก็กดบันทึกไว้ คราวต่อไปจะได้ไม่ต้องปรับอีก
เท้าซ้ายกดปลดเบรกมือที่อยู่ที่เท้า
ทุกอย่างเข้าที่ก็ออกรถได้เลย ความเร็วมาอย่างต่อเนื่อง กดเมื่อไหร่ก็มา อัตราเร่งแซงดี
พวงมาลัยควบคุมง่าย อยากรู้อะไรที่หน้าจอก็ปรับที่พวงมาลัย ภายในรถเงียบ เก็บเสียงได้ดี
ช่วงล่างเซ็ทไว้ดี ไม่กระเทือน เมื่อเจอทางขรุขระช่วงล่างก็นิ่มนวลค่ะ การเกาะถนนก็มั่นใจได้
ส่วนเรื่องเบรกอาจะต้องเหยียบลงลึกนิดนึง สักพักก็จะชินค่ะ
การจะเปิดหยิบของที่ท้ายรถ ก็เปิดจากด้านนอกได้เลย ห้องสัมภาะรกว้างค่ะ
ใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์E10 และ E20 ถังน้ำมันจุ 70 ลิตร
อัตราการกินน้ำมัน อยุ่ที่ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ความเร็ว 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ราคา รถคันนี้ราคา 1,599,999 บาท
เป็นรถที่เหมะสำหรับขับเอง หรือมีคนขับให้นั่งก็ดีนะ เพราะด้านหลังกว้างขวางมีแอร์มีม่านบังแดดครบทุกด้าน
เตรียมพร้อมให้คนนั่งหลัง
อีซูซุส่งเครื่อ…