ผู้หญิงขับรถ ลองขับ First Drive New Honda Accord Hybrid 2016
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริดใหม่ ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากฮอนด้าแอคคอร์ดเจนเนอเรชั่นที่ 9 ซึ่งฮอนด้าแอคคอร์ดไฮบริดรุ่นก่อนนั้นเปิดตัวไปเมื่อปี 2014 สองปีผ่านไปแล้ว ตัวใหม่ก็ย่อมจะมีอะไรใหม่ๆเพิ่มเข้ามา มาติดตามกันนะคะ
ซึ่งในครั้งนี้เส้นทางการทดสอบเราได้ใช้เส้นทางพัทยา –ระยอง ระยะทางไปกลับ 235 กิโลเมตร ซึ่งHonda Accord Hybrid จะมี 2 รุ่นโดย รุ่นที่ขับจะเป็นรุ่น Honda Accord Hybrid TECH
แอคคอร์ดไฮบริด เครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี Akinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี่เอิร์ธดรีม 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดที่ 175 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ผสมกับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งการทำงานของระบบไฮบริดทั้งระบบให้กำลังสูงสุดที่ 215 แรงม้า
ระบบไฮบริดของแอคคอร์ดตัวนี้เป็นแบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive หรือ Sport Hybrid i-MMD แบบ Full Hybrid ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่องตลอดการขับขี่ ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อน โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ขับเคลื่อนจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รวมถึงชาร์จไฟกลับในขณะลดความเร็ว ผสานการทำงานกับมอเตอร์
ที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ส่งต่อให้มอเตอร์ขับเคลื่อน โดยมี PCU ควบคุมการทำงานของมอเตอร์ทั้ง 2 ตัว ซึ่งการทำงานของระบบไฮบริดทั้งระบบสามารถให้กำลังสูงสุดที่ 215 แรงม้าตามที่บอกไปแล้ว มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ไฮบริดแบบลิเธียม-ไออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วและจ่ายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่องและทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า หรือ E-CVT ซึ่งจะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว ประสานการทำงานโดย IPU ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของเบาะผู้โดยสารด้านหลัง และจากที่ IPU มีขนาดเล็กลงทำให้พื้นที่บรรจุสัมภาระเพิ่มขึ้น จากเดิมความจุ 398 ลิตร ในรุ่นก่อนนี้เป็น 424 ลิตรในรุ่นนี้เพิ่มขึ้น 26 ลิตร และรวมอยู่ในแบตเตอรี่ไฮบริดแบบลิเธี่ยมไออนความจุ 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำหน้าที่ส่งกระแสฟ้าให้มอเตอร์ฟ้าที่ทำการขับเคลื่อนทำให้ E-CVT ตอบสนองการทำงานด้วยความนุ่มนวลและมีการหมุนในระบบที่สอดคล้องกับการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ด้วยรอบเครื่องยนต์ต่ำในจังหวะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน และเมื่อเครื่องยนต์หยุดการ ทำงานก็จะมีการสลับการทำงานได้อย่างนุ่มนวล
โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วให้กลับไปเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งในระบบนี้ให้การขับขี่ที่ดีและให้ความเงียบเข่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นระบบที่เหมาะกับการขี่ในเมือง ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถกดสวิทช์เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ฟ้า โดยจะมีสัญญลักษณ์ EV สีเขียวปรากฎขึ้นที่แผงหน้าปัด ซึ่งระบบจะตัดเข้าสู่การทำงานในโหมดอื่นตามสภาพการขับขี่ที่เปลี่ยนไป
โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด ( Hybrid Drive Mode ) เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุด และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะที่ลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและชาร์จไฟกลับ เหมาะกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็วที่ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวล
โหมดการ่ขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ ( Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อคคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง เหมาะกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่
โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ( Sport Drive Mode) นับเป็นครั้งแรกของฮอนด้าแอคคอร์ดไฮบริดใหม่ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต เพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ จากการทำงานมอเตอร์ฟ้ามาช่วยเครื่องยนต์ในการเพิ่มอัตราเร่งแซงดียิ่งขึ้น โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานโหมดนี้โดยการกดปุ่ม Sport ที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของเกียร์
พูดกันพอคร่าวๆนะคะ เพื่อให้รู้การทำงานของระบบไฮบริดของรถคันนี้ ซึ่งจริงๆแล้วพวกเราผู้หญิงคงไม่อยากทราบข้อมูลเชิงลึกมากใช่ไม๊ค่ะ (เหมาเลย ) แต่ก็รู้ไว้บ้างก็ดีนะคะ แต่เมื่อเราขับเครื่องยนต์ก็จะทำงานไปเองโดยอัตโนมัติ ถ้าไม่ดูหน้าจอก็คงไม่รู้หรอกว่าการทำงานตอนนี้เป็นระบบหรือโหมดไหน เพราะนุ่มนวลและเงียบค่ะ
ซึ่งในครั้งนี้เราได้ใช้เส้นทางพัทยา –ระยอง ระยะทางไปกลับ 235 กิโลเมตร โดยเดินทางออกจากโรงแรมอินเตอร์
คอน บนเขาพระตำหนักพัทยา แล้วก็มุ่งหน้าไปสู่จังหวัดระยอง
โดยเดินทางไปคันละสองคน กับ Honda Accord Hybrid Tech ดิฉันขับเป็นคนแรก เมื่อขึ้นไปบนรถ รถเป็นคันสีดำ ภายในของคันนี้เบาะเป็นสีน้ำตาลดูสวยเหมาะกับตัวรถ แต่ถ้าภายนอกรถสีอ่อนภายในเบาะก็จะเป็นสีดำ
ภายในตัวรถตกแต่งด้วยลายไม้และสีดำPiano Black ปรับเบาะให้เข้าที่เบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งด้านผู้ขับขี่สามารถปรับได้ 8 ทิศทางและสามารถบันทึกลักษณะการขับขี่ของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ เมื่อตอนดิฉันขับไม่ได้ตั้งบันทึกไว้ เวลาขึ้นมาขับแต่ละครั้งก็เลยต้องปรับใหม่ทุกครั้ง มีระบบปรับดันหลังไฟฟ้าด้วย นั่งได้สบายขึ้น
ในส่วนของผู้โดยสารด้านหน้านั้นที่นั่งปรับได้ด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง และมีปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงผู้โดยสารด้านหน้าด้วย คือถ้าผู้โดยสารด้านหลังอยากให้ผู้โดยสารด้านหน้าเลื่อนไปด้านหน้าหน่อยแต่ผู้โดยสารด้านหน้าไม่ยอมขยับ ผู้โดยสารด้านหลัง ก็สามารถปรับเองจากด้านหลังได้ เฉพาะ ด้านผู้โดยสารเท่านั้น ด้านผู้ขับขี่ผู้โดยสารด้านหลังไม่สามารถปรับได้เพราะอันตราย ต้องให้ผู้ขับขี่ปรับเอง
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นคือมีสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมปุ่มควบคุม ACC และ LKAS(ปุ่มเปิด-ปิดระบบควบคุมรถให้อยู่บนช่องทางเดินรถ) อยู่บนพวงมาลัย
หน้าจอแสดงผลขนาด 7.7 นิ้ว
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยก ซ้าย-ขวา และมีช่องปรับอากาศตอนหลัง สำหรับผู้โดยสารด้านหล้ง
และมีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล ให้เย็นสบายก่อนขึ้นรถ
ส่วนช่องเสียบ USB และช่องจ่ายไฟสำรอง 12 โวลต์ ได้ถูกติดตั้งอยู่ในกล่องเก็บสัมภาระบริเวณแผงคอนโซลด้านหน้า โดยกล่องเก็บสัมภาระระหว่างเบาะ ผู้โดยสารด้านหน้า สามารถให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ ด้วยการเป็นพนักวางแขนสำหรับผู้ขับ หรือผู้โดยสารด้านหน้าได้อีกด้วย
เส้นทางช่วงแรกวิ่งอยู่ในตัวเมืองพัทยายังทำความเร็วไม่ได้เพราะรถค่อนข้างติดมีการทำอุโมงค์ ก็จะเห็นหน้าจอเป็น EV โหมด หลังจากนั้นเมื่อเลี้ยวขวาเพื่อจะไปทางระยองถนนจะค่อนข้างโล่ง
ระบบการทำงานของไฮบริดก็จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ตามความเร็วที่เราใช้และการเหยียบคันเร่ง
ในส่วนของทางตรงเหยียบปุ๊บความเร็วก็มาทันที การเร่งแซงไม่ต้องลุ้น หากเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ต ก็ขับสนุกมากกว่าเดิมและเท่าที่สังเกตุดูโหมดสปอร์ตไม่ได้ทำให้กินน้ำมันมากขึ้น หากความเร็วที่เราเหยียบสม่ำเสมอเหมือนขับแบบธรรมดา
การเข้าโค้งก็เกาะถนนดี พวงมาลัยไม่หนักและเบาจนเกินไป กำลังดี
มีระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน โดยจะมองเห็นที่กระจกมองข้างด้านซ้าย
คราวนี้เราก็ได้ลองเทคโนโลยี่ Honda Sensing ซึ่งเป็นเทคโนโลยี่เพื่อความปลอดภัย ที่ผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าแล้วแจ้งเตือนพร้อมทั้งช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง มี4 ระบบ แต่ได้ลองไม่ครบค่ะ ลองกัน 2 ระบบแค่นั้นเองโดยเราจะต้องกดเปิดระบบเพื่อใช้งาน มาดูระบบที่ได้ลองใช้ค่ะ
ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW)
เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูล พร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร รู้สึกได้ที่พวงมาลัยจะเกิอาการขืนขืน ได้ลองปล่อยมือจากพวงมาลัยระบบจะช่วยดึงเข้ามาในเลน (แต่ตอนปล่อยมือลองในความเร็วที่ไม่สูงนัก ก็เพื่อรายงานคุณผู้อ่านค่ะ)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน – Adaptive Cruise Control (ACC)
เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้
โดยปรับเซ็ตระยะห่าง ได้ตามต้องการ เช่นความเร็ว 80 และให้ห่างจากคันหน้า 4 เมตร
ระบบจะตรวจจับรถยนต์คันที่อยู่ด้านหน้า และจะปรับความเร็วลงอัตโนมัติเมื่ออยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน จากนั้นระบบจะทำการปรับความเร็วและกำหนดระยะห่างตามที่ได้ตั้งค่าไว้
เมื่อมีรถยนต์เข้ามาแทรกกลางระหว่าง ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด กับรถยนต์คันหน้า ระบบจะทำการกำหนดเป้าหมายใหม่ โดยจะตรวจจับรถยนต์คันหน้าที่มีระยะใกล้กับรถยนต์ของเรามากที่สุด เพื่อปรับลดความเร็วและกำหนดระยะห่างได้อย่างเหมาะสม ซึ่งก็ได้ใช้งาน ถ้าเมื่อไหร่ไม่อยากใช้แล้วก็กดยกเลิกปุ่มอยู่บนพวงมาลัย
ส่วนอีก 2 ระบบยังไม่ได้ลองคือระบบเตือนการชนหน้า และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่บนช่องทางเดิน
รูปร่างภายนอกของรถก็ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น มีสเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์หลังกระจังหน้าดีไซน์ใหม่
รุ่น HYBRID TECH) มีซันรูฟพร้อมระบบ One-touch แตะแล้วเปิดเลย
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 235/45 R18 มีอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราวให้ด้วย
ความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร ใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์และ E20 ไม่สามารถใช้ E85 แต่ถ้าไม่ใช่ตัว ไฮบริดจะใช้ E85 ได้
การกินน้ำมันในครั้งนี้อยู่ที่ 16.1 กิโลเมตร/ ลิตร ในสภาพถนนหลากหลายรูปแบบ ความเร็วบางช่วงก็ใช้ความเร็วสูงตามสภาพการใช้งานจริงในช่วงถนนโล่งและเร่งแซง
การรับประกัน 5 ปีแรกทั้งระบบแบบไม่จำกัดระยะทางประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุม แบตเตอรรี่ไฮบริดและระบบสายไฟไฮบริด
และรับสิทธิ์การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดเพิ่มเป็น 10 ปี เมื่อจองและรับรถถึง 31 ธันวาคมปี 2559 (คิดว่ารับประกัน 10 ปี โดยไม่มีกำหนดเวลา)
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น HYBRID ราคา 1,659,000 บาท
และ รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,849,000 บาท
ฮอนด้าแอคคอร์ดไฮบริดก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของท่านที่ชอบรถเทคโนโลยี่ใหม่ใหม่และรักษ์โลก
ไปลองขับกันก่อนนะคะ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…