ผู้หญิงขับรถ ลองขับ First Drive Mercedes Benz E 220 D AMG Dynamic “Exclusive Trip กับชมพู่”

Mercedes E220d เปิดตัวในงานบางกอกอินเตอร์แนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ในเมืองไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
และเป็น อีคลาสเจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งนำเข้ามาทั้งคัน ยังไม่ได้ผลิตในเมืองไทย

E 220 D ที่เข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยมีสองรุ่นคือ E220d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นเป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ เครื่องยนต์ 1,950 ซีซี. แรงม้า 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด อยู่ที่ 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ซึ่งในครั้งนี้ทางเมอร์เซเดสเบนซ์นำเฉพาะรุ่น E 220 d AMG Dynamic มาให้ขับกันค่ะ ที่จะพูดถึงในที่นี่ก็จะพูดถึงเฉพาะรุ่นที่ขับเท่านั้น
ช่วงเช้าก็นัดพบกันที่โรงแรมสุโขทัย ถนนสาทร ก่อนเดินทางก็มีการให้ข้อมูลของผลิตภัณฑ์กันก่อน โดยทริปนี้จัดแบบ “The New E Class Exclusive Trip” Exclusive อย่างไรตามไปดูนะคะ


ก่อนออกเดินทางก็มีการสาธิตการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติให้ดู โดยผู้สาธิตปล่อยมือจากพวงมาลัย เท้าก็ไม่ต้องเหยีบบคันเร่งและเบรก ปล่อยให้เซ็นเซอร์ทำงานเอง ซึ่งดิฉันก็ดูจากการสาธิตเท่านั่น ไม่ได้ลองทำดูค่ะ ใจไม่กล้าพอ ทั้งๆที่ระบบในรถทำได้จริงๆ เหมาะสำหรับท่านที่ไม่ชำนาญในการถอยจอดเข้าซองหรือช่องจอดรถ
เมื่อพูดถึง E คลาส ส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงรถของผู้บริหารหรือรถที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งพอเห็นรุ่นนี้แล้วทำให้ความรู้สึกเดิมๆเปลี่ยนไป จะเห็นว่ารูปทรงภายนอกดูโฉบเฉี่ยวขึ้น เพราะขนาดของตัวถังและฐานล้อที่ดูยาวและกว้างขึ้น ฝากระโปรงหน้าที่ดูยาวเส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบแบบรถคูเป้(สองประตู) แต่รถคันนี้ 4 ประตู


และออกแบบซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อให้รถดูโฉบเฉี่ยวขึ้น ตัวรถเตี้ยลง พร้อมติดตั้งโคมไฟหน้าแบบชิ้นเดียวโดยด้านในโคมแบ่งไฟออกเป็นสองส่วน ดุสวยขึ้น เห็นชัดเมื่อขับไปข้างหน้า และมีรถรุ่นนี้ขับตามหลังและเปิดไฟ


นอกเหนือจากนั้นที่ทำให้รุ่นนี้ดูสปอร์ตขึ้นอย่างเช่นล้ออัลอยสปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ปลายท่อไอเสียแบบโครเมี่ยมสองท่อ และกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยมพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดสเบนซ์

แล้วพวกเราก็ออกเดินทางทริปนี้ผู้หญิงจะเยอะเป็นพิเศษ เส้นทางก็จากกรุงเทพฯไปหัวหิน โดยขับกันไปคันละ 2 คน
ออกจากรุงเทพฯ ดิฉันก็เป็นผู้โดยสารไปก่อน โดยเราก็ออกเดินทางกันเป็นขบวน

เมื่อก้าวขึ้นรถ ภายในรถก็เห็นความอลังการของจอหน้าแล้วมี 2 จอติดกัน หน้าคนขับและตรงกลางเป็นหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ใหญ่ดีเห็นชัดเจน

 


นอกจากนี้เพื่อสร้างสีสันในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนสีบรรยากาศในห้องโดยสารได้ถึง 64 สี เลือกตามใจชอบ ภายในรถก็ดูกว้างขวาง


หลังคาซันรูฟ


เบาะที่นั่งออกสีน้ำตาล ดูสว่างสดใสขึ้น (ภาพเป็นเบาะสีดำ) ปรับไฟฟ้าทั้งผู้ขับผู้นั่งและบันทึกความจำที่นั่งได้ด้วย


พวงมาลัยและที่นั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa


เมื่อเป็นผู้โดยสารก็ปรับที่นั่งแบบที่ตัวเองชอบปรับที่นั่งให้สูงขึ้น เบาะที่นั่งก็ปรับให้สั้นยาวรองรับขาตามที่ต้องการได้
ในฐานะผู้โดยสาย ก็รู้สึกว่าเป็นรถที่นั่งสบายมากภายในกว้างขวางระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า


มีระบบสั่งการที่หน้าจอเป็นแบบ touchpad อยู่ตรงกลาง ซึ่งเราจะทำการปรับที่พวงมาลัยก็ได้
แต่การใช้ปรับที่เม้าท์กลางซึ่งผู้โดยสายจะถนัดกว่าเพราะใช้มือขวาปรับ นอกจากผู้ขับรถถนัดซ้ายก็จะปรับง่ายขึ้น

ส่วนการขับขี่ดูจากที่ปรับการขับขี่ไว้อันเดิมจะเป็น Sport ทั้งหมด และตัว Eco หรือที่จะคุ้นเคยกันดีว่าเป็นตัว Start/Stop ซึ่งถ้าจอดติดไฟแดงก็จะหยุดการทำงานแต่เมื่อได้อุณหภูมิเครื่องยนต์ก็จะเริ่มทำงานอีก ซึ่งพวกเรารู้สึกว่าทำให้รถไม่นิ่มนวล ก็ปิดตัวนี้
แล้วเราก็ปรับการขับขี่ไปที่ Individual แล้วเลือกการขับขี่ในสไตล์ที่เราชอบ โอ้โฮที่นี้อย่าบอกใครเลย การควบคุมพวงมาลัยและการขับขี่นิ่มนวล แต่พุ่งปรู๊ดปร๊าดนะ เพราะเราปรับการขับขี่ไปที่โหมดสปอร์ต และการควบคุมพวงมาลัยไปที่โหมด คอมฟอร์ด สองอย่างทำงานประสานกันดีมาก
ซึ่งการขับขี่มีให้เลือก โหมด Comfort Sport Sport+ และ Individual


การขับขี่ในครั้งนี้เราใช้เกียร์ครบเลยทั้ง 9 สปีด ซึ่งทำได้ในความเร็วที่แตกต่างกันด้วยทั้งความเร็วเกิน 120 และความเร็วระดับ 120 ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่

ในส่วนของอุณหภูมิในรถ ก็สามารถปรับตามความต้องการของคนขับหรือคนนั่ง แต่เป็นระบบควบคุมแบบอัตโนมัติ
ร้อนๆจากข้างนอกเข้ามาในรถแป๊บเดียวก็เย็นค่ะ


ความบันเทิงให้มาเพียบทั้งเครื่องเสียงระดับไฮเอ็นระบบเสียงรอบทิศทาง พร้อมสีในรถที่ปรับได้ 64 สี ก็โฮมเธียเตอร์ดีดีนี่เอง
ระบบสั่งการด้วยเสียงเฉพาะภาษาอังกฤษ
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์Bluetooth และมีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือทั้ง IOS และ Android
และมีระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายด้วยนะคะ อันนี้ยังไม่ได้ลองใข้ดู เพราะใช้เสียบที่ช่อง USBตามความเคยชิน
หลังจากนั้นเราก็ขับรถเข้าไปเยี่ยมชมพระราชวังบ้านปืน


พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืนหรือ วังบ้านปืน สร้างสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีพระราชประสงค์ให้สร้างพระราชวังแบบยุโรป เพื่อใช้สำหรับแปรพระราชฐานในฤดูฝน สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป พระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นพระราชวังที่งดงามแห่งหนึ่งของไทย
ตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเพชรบุรี ที่บ้านปืน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
ออกจากพระราชวังบ้านปืน ดิฉันก็เป็นคนขับต่อไป ระบบปุ่มสตาร์เครืองยนต์เป็นแบบ (Push Start ) ตามสมัยนิยมแล้วนะ


ปรับทุกอย่างให้เข้าที่โหมดการขับขี่ใช้โหมด Individual ที่ปรับในครั้งแรก เหยียบไปปุ๊บความเร็วมาทันทีไม่ต้องรอ การเร่งแซงก็เช่นกันเหยียบปุ๊บความเร็วมาทันที เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ เปลี่ยนอย่างนุ่มนวลไม่ได้รู้สึกเลย เกียร์เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนถึง 9 สปีด จากการเหยียบคันเร่งไปเรื่อยๆสม่ำเสมอ


ขับไปโดยที่ไม่มีความรู้สึกเลยว่าเป็นรถดีเซล ภายในห้องโดยสารเงียบ
พวงมาลัยก็จะหนักแน่นขึ้นตามความเร็วที่เราใช้ การควบคุมรถก็ง่ายช่วงล่างนุ่มนวล เข้าโค้งเกาะถนนดี ขับเพลินเลยค่ะ
เหยียบไปความเร็วมาโดยไม่รู้ตัว ต้องเบาคันเร่งค่ะ

 

แล้วก็มาถึงที่พักที่โรงแรมอนันตรา หัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา เปิดท้ายรถจากด้านนอก เป็นระบบเปิดปิดอัตโนมัติ แค่เอามือไปแตะที่เซ็นเซอร์ค่ะก็เปิดปิดให้เอง


และก็เข้าร่วมกิจกรรม Exclusive Cooking Class กับคุณชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต (เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเบนซ์) และ คุณจูน- สาวิตรี โรจนพฤกษ์ ได้ร่วมทำอาหารเพื่อสุขภาพ หรือที่เรียกกันว่าคลีนฟู้ด


สนุกสนานกันมากทั้งเรื่องทำอาหารและได้ใกล้ชิดนักแสดง ได้สูตรอาหารหลายอย่างเลยค่ะที่สามารถทำรับประทานเองได้

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเรามีนัดกัน 6 โมงเช้าเพื่อเข้าคลาสโยคะ กับ คุณชมพู่และครูเอก โยคะ-พงศ์พัฒน์ เกียรติประพิณ โดยเล่นในท่าพื้นฐาน
เป็นการยืดเส้นยืดสายที่ดีมาก ทำให้กระปรี้กระเปร่า และหลังจากออกกำลังแล้วทานอาหารอร่อยมาก รับเช้าวันใหม่ที่สดใส


แล้วเราก็ขับ E220d AMG Dynamic กลับกรุงเทพ


ขากลับนี้ต่างคนต่างขับกลับ เจอถนนลมแรงและฝนตก ใบปัดน้ำฝนทำงานได้แรงดี ไม่รู้สึกถึงแรงลมที่ปะทะตัวรถ ก็แสดงว่าระบบแอโรไดนามิคดีทีเดียว เมื่อแรงต้านลมน้อยการกินน้ำมัก็เป็นที่น่าพอใจนะคะ สำหรับรถที่ตัวถังใหญ่ขนาดนี้ เพราะทำได้ถึง 17 กิโลเมตร/ลิตร ด้วยความเร็วหลากหลายรูปแบบบนทางหลวงตามสภาพใช้งานจริง

 

 

ส่วนในเรื่องของราคา

E 220d Exclusive ราคา 3,990,000 บาท

ตัวที่ขับ E 220d AMG Dynamic ราคา 4,790,000 บาท

ซึ่งราคาต่างกัน แปดแสนก็อยู่ที่ท่านผู้ใช้รถละคะ ว่าต้องการ Option ของ AMG และมีเพิ่มเติมมาหลายอย่าง หรือไม่จำเป็น เพราะระบบความปลอดภัยของทั้งคู่ให้มาเหมือนกันอยู่แล้ว
แต่ที่แตกต่างก็คืออุปกรณ์มาตรฐานภายนอกรถ กับอุปกรณ์มาตรฐานภายในรถ

 

Eคลาสรุ่นใหม่นี้ก็ดูสง่าและแฝงความปราดเปรียวทันสมัย และเป็นรถดีเซลที่ไม่รู้สึกเลยว่าเป็นรถดีเซล

 

ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
Facebook Comments
Thunyaluk Seniwongs

Recent Posts