หลังจากเปิดตัว All New Fortuner ไปเมื่อกลางเดือน กรกฎาคม 2015 ก็ได้เวลาที่จะให้ได้ลองสมรรถนะของรถคันนี้
โดยใช้เส้นทางจากสุราษฎร์ธานีไปภูเก็ต ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร
เริ่มออกเดินทางกันที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ก่อนออกเดินทางก็ได้มีการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และเส้นทางที่จะเดินทางไปในครั้งนี้ ซึ่งจะมีทั้งทางตรงเพราะวิ่งเส้นทางของเซ้าท์เทิร์นซีบอร์ด ทางโค้งคดเคี้ยว และขับบนทาง Off-Road
ส่วนถนนก็มีทั้ง 2 เลนวิ่งสวนกัน และ 2 เลนขนานกัน วิ่งสวนกันคนละฝั่ง เพื่อจะได้ใช้สมรรถนะของรถได้เต็มที่
Fortuner มีทั้งหมด 5 รุ่น คือรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.8 V เกียร์อัตโนมัติ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.8 V เกียร์อัตโนมัติ
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.7 V เกียร์อัตโนมัติ , รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 V เกียร์อัตโนมัติ และรุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 G เกียร์ธรรมดา ออฟชั่นจะมีแตกต่างกันในแต่ละรุ่นและราคา
มีรุ่นเดียวที่ใช้น้ำมันเบนซินคือ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.7 V เกียร์อัตโนมัติ นอกนั้นใช้น้ำมันดีเซล ถังน้ำมันจุ 80 ลิตร
Fortuner
คันที่ดิฉันขับจะเป็นตัว 2.8 ขับเคลื่อน 2ล้อ เครื่องยนต์ 1 GD-FTV( High) แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN TURBO และ Intercooler 177 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที
ส่วนรุ่นอื่นๆที่ไม่ได้ขับก็มี
รุ่น 2.7 V ขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 2 TR –FE 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Duel VVT-I 166 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 245 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ส่วนเครื่องยนต์ 2.4 V และ 2.4 G เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์เป็นแบบ 2 GD-FTV (High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 400รอบที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที
สีภายในจะเป็นสีดำ คันที่ขับเครื่อง 2.8 V – ขับเคลื่อน 2 ล้อเบาะนั่งเป็นสีน้ำตาล มีรุ่นเดียวที่เบาะนั่งเป็นสีครีมชามัวร์ก็คือ ตัว 2.8 V ขับเคลื่อนสีล้อซึ่ง ไม่ได้ขับ แต่ได้ไปดูภายใน สีสวยมากเลย ทำให้ภายในรถดูสดใสขึ้น
ที่นี้ก็กลับเข้ามาสู่ตัวที่ขับนะคะ ก็คือตีว 2.8 V ขับเคลื่อน 2 ล้อ
เดินทางครั้งนี้ได้เป็นทั้งผู้ขับ นั่งข้างคนขับ และนั่งแถวที่ 2 เพราะไปด้วยกันทั้งหมด 4 คน พร้อมสัมภาระ
รถเป็นรถที่ค่อนข้างสูงใหญ่เมื่อเทียบกับตัวเอง มีความยาว 4,795 มม กว้าง 1,855 ม. สูง 1,835 มม. สูงจากพื้น 193 มม.
คนตัวเล็กเวลาก้าวขึ้นรถก็มีที่ให้เหนี่ยวขึ้นรถหลายจุดค่ะ ขึ้นง่ายเลย มีบันไดให้เหยียบขึ้นบันไดยาวไปถึงประตูที่นั่งแถวที่ 2 แล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่ง ถ้าคนตัวสูงก็ก้าวไปนั่งได้เลยค่ะ เพราะมีมือจับถึง 8 ตำแหน่งทั้งคันนะคะ พอขึ้นไปนั่งมองไปรอบคันรถกว้างขวาง ดูสวยงามค่ะเหมือนรถเก๋ง ทัศนวิสัยมองไปรอบๆด้านนอกเห็นชัดเจน เหมือนเวลาคนอยู่บนที่สูง กระจกมองข้างใหญ่ดี ปรับด้วยไฟฟ้า เก้าอี่ที่นั่งก็ปรับด้วยฟ้าฟ้า 8 ทิศทางปรับกันจนกว่าจะพอใจ
แต่ที่นั่งคนนั่งข้างคนขับใช้มือปรับ
วัสดุหุ้มจะเป็นหนังและหนังสังเคราะห์ ที่นั่งนั่งได้สบายไม่เมื่อย รองรับได้ดีทั้งช่วงขาและหลัง
ไฟส่องแต่งหน้ามีไฟส่องสว่างเพิ่มขึ้นด้านนอกทั้ง 2 ฝั่ง เวลาเอาที่บังแดดลง แล้วสไลด์กระจก ก็มองเห็นหน้าตัวเองขัดเจน ผู้หญิงอย่างเราเรื่องนี่สำคัญนะ
พวงมาลัยจับได้เต็มไม้เต็มมือดี ปรับได้ทั้งสูง-ต่ำ และเข้าออก ใช้วัสดุหุ้มหนังพร้อมลายไม้และแถบสีเงิน
มีสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และ MID (จอแสดงข้อมูลการขับขี่ )
ที่ชอบอีกอย่างก็คือไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบ LED สว่างได้สะใจดี เพราะเป็นไฟสีขาวนวล
มีไฟส่องสว่างที่ประตูทั้ง 4 บาน
กระจกไฟฟ้าเป็นแบบปรับขึ้น-ลง อัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ ประตูหลังมีที่ล็อคเพื่อความปลอดภัยของเด็กทั้ง 2 ด้าน
ส่วนแอร์ มีทั้ง 3 แถวเลยค่ะ แถวที่ 1 แอร์ปรับทิศทางลมได้ 5 รูปแบบ ส่วนแถว 2และ 3 แอร์แบบอัตโนมัติ เย็นกันทุกที่นั่งเลยล่ะ และเป็นแอร์แบบ 2 ตอน กระจายความเย็นได้ทั่วถึง
เก้าอี้ที่นั่งแถวสอง ปรับเอนลงไปได้ แบบ One Touch เอนได้แยกส่วนซ้ายขวา ที่นั่งแถวสองนั่งสบาย มีช่องเก็บเอกสารหลังเบาะคู่หน้าทั้ง 2 ข้าง มีที่แขวนสัมภาระ หลังเบาะคู่หน้าด้วย นั่งกินขนมได้สบาย หรือถ้านั่ง 3 คน กระเป๋าสะพายของผู้หญิงก็เอามาแขวนได้ด้วย ไม่ต้องมาวางบนตักหรือข้างตัว ให้เกะกะ
เก้าอี้ที่นั่งแถว 3 ก็เหมือนกัน สามารถปรับเอนได้ด้วยและ สามารถที่จะพับเก็บได้ แต่จะเป็นแบบแขวนคือมีที่ดึงแล้วก็พับแขวนไว้ด้านข้างทั้งสองด้าน ทางวิศวกรบอกว่าเบาะแถว 3 ออกแบบไว้หนาเพื่อความปลอดภัยและสบายของผู้นั่ง จึงเหมาะที่จะแขวนมากกว่าพับ
ถ้าจะบรรทุกสัมภาระเยอะก็แขวนที่นั่งแถวสุดท้าย และพับที่นั่งแถว 2 ซึ่งพับได้แบบ 60/40 พร้อมที่พับแขนแบบพับเก็บได้ และมีที่วางแก้วน้ำ พร้อมระบบพับและยกขึ้นจังหวะเดียว ก็ได้พื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้นมากมาย สมกับที่เป็นรถแบบเอนกประสงค์จริงๆ
ที่วางแก้ววางขวดน้ำก็มีหลายจุดมากเหลือเฟือทีเดียว
เครื่องเสียงในรถสำหรับผู้ชื่นชอบเสียงเพลง มีช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUX/ วิทยุ FM/AM และเครื่องเล่นแผ่น
การเชื่อมต่อด้วย Bluetooth รองรับโทรศัพท์และการเล่นเพลง มีระบบโทรออกด้วยเสียง แต่ไม่ได้ลองค่ะ ระบบนำทางรองรับ T-Connect ลำโพง 6 ตำแหน่ง และเสาอากาศแบบ Shark Fin
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12 โวลต์ มี 3 ตำแหน่ง และกระแสแบบ 220 โวลต์(แบบไฟบ้าน) มี 1 ตำแหน่ง อยากใช้แบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ
ด้านหน้าทางฝั่งผู้นั่งมีช่องเก็บความเย็นด้วยค่ะ Cool Box ถึงจะไม่เย็นมากแต่ก็ช่วยรักษาความเย็นไว้ได้ระดับหนึ่ง
จอ MID จอที่แสดงข้อมูลเป็นจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอสีแบบ TFT คมชัดเห็นขัดเจนเห็นข้อมูลการขับขี่ การตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ข้อมูลการขับขี่แบบ ECO ข้อมูลระบบนำทางและข้อมูลการเล่นเพลง
มาถึงการขับขี่บนท้องถนนกันบ้างละคะ
ครั้งนี้ได้ขับกันบนถนนทุกรูปแบบทั้งทางเรียบและทางวิบาก มาที่ทางเรียบกันก่อนนะคะ ถนนที่วิ่งบางครั้งก็เป็นทางสองเลนวิ่งสวนกันก็ทำให้ได้ใข้อัตราเร่งแซง ซึ่งพอเหยียบลงไปความเร็วก็มาอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไม่รู้สึกเลยค่ะว่าเกียร์เปลี่ยน ลืมบอกไป เกียร์เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด อยากรู้ว่าอยู่เกียร์ไหน สามารถดูที่หน้าจอได้ วิ่งอยู่ที่ความเร็ว 120 กม/ชม. รอบอยู่ที่ 1,800 รอบ/ นาที
ช่วงที่เร่งแซงความเร็วเกิน 120 ไม่ต้องลุ้นไปได้สบาย
ถ้าอยากจะเปลี่ยนเกียร์เพื่อเพิ่มความสนุก ก็มี Paddle Shift ที่ใกล้พวงมาลัยให้เปลี่ยนโหมด +- ได้ค่ะ
ช่วงล่างเมื่อเจอคอสะพาน ก็ซับแรงกระเทือนได้ดี
การเข้าโค้งเกาะถนนดีแม้จะเป็นรถคันใหญ่ หลายช่วงที่เป็นทางโค้ง เมื่อต้องเข้าโค้งพวงมาลัยควบคุมง่ายไปตามที่เราต้องการ
เบรกมั่นใจได้หยุดได้สนิท เบรกเอาอยู่ค่ะ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เจอลมฝนอย่างหนัก ช่วงทางตรงที่เซาท์เทิร์นซีบอร์ด รถยังวิ่งได้ด้วยความเร็ว 120 รู้สึกถึงแรงล้มปะทะ แต่รถไม่เซค่ะ ความใหญ่ของรถก็ได้เปรียบในส่วนนี้
เมื่อเจอฝนตกหนักวิ่งตามคันหน้าที่เปิดไฟ ก็มองเห็นไฟท้ายได้ชัดเจนถ้าเปิดไฟตัดหมอก ยิ่งชัดใหญ่ เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
มีอยู่ช่วงหนึ่งต้องกลับรถเร็วๆ วงเลี้ยวแคบไม่ต้องห่วงไปกินเลนคนอื่น วงเลี้ยวอยู่ที่ 5.8 เมตร
ระบบความปลอดภัยที่ให้มาก็เยอะ
มีระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน HAC ( Hill-start Assist Control ) คือระบบเพิ่มแรงเบรกไปยังล้อทั้งสี่อัตโนมัติ ป้องกันรถไหลในจังหวะออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TRC(Trailer Sway Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ( Traction Control) และระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบเบรก ABS ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบกระจายแรงเบรก EBD โครงสร้างนิรภัย GOA ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 จุด ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลังพร้อมระบบไล่ฝ้า มีระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม
และกล้องมองหลัง (ยกเว้นรุ่น 2.4 G MT)
นอกจากนั้นยังมีระบบสตาร์ทสต็อปช่วยในการประหยัดน้ำมัน คือเมื่อเราขับไปแล้วรถจอดติดไฟแดงเครื่องยนต์ก็จะตัดการทำงานชั่วขณะ และจะสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่เมื่อแตะคันเร่ง และขณะที่เครื่องยนต์หยุดทำงาน เครื่องปรับอากาศจะยังส่งลมเย็นอย่างต่อเนื่อง บางท่านอาจจะไม่ชอบอย่างขับในเมืองเมื่อเจอรถติด เครื่องยนต์ก็จะติดๆดับๆ เหมือนสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ชอบก็มีสวิทช์เปิดปิดการทำงานได้
อีกอย่างที่ต้องพูดถึงก็คือประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ สั่งงานผ่านรีโมทสวิทช์ภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับ และบริเวณประตูท้าย สบายเลยคนตัวเตี้ยอย่างเราไม่ต้องกระโดดไปดึงประตูเพื่อปิดแล้ว
กระจังหน้าตกแต่งโครเมี่ยม กันชนหน้าหลังสีเดียวกัยตัวรถ มีบันไดข้าง ไฟแบบ LED , มียางกันโคลน ราวหลังคา ที่ปัดน้ำฝนหน้าหลัง
ยางขนาด 265/60 R18 ล้ออัลลอย
ส่วนการกินน้ำมัน ก็อยู่ที่ 11 กิโลเมตรต่อลิตร ในความเร็วหลายระดับทั้งรถติดในตัวเมืองภูเก็ต และความเร็วที่ใช้ ตั้งแต่ 120 – 160 ในบางช่วงที่ต้องเร่งแซง
ราคาก็คงต้องบอกกันนะคะ
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.8 V เกียร์อัตโนมัติ ( 2.8 V 4 WD AT ) ราคา 1,599,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.8 V เกียร์อัตโนมัติ ( 2.8 V 2WD AT) ราคา 1,529,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.7 V เกียร์อัตโนมัติ ( 2.7 V 2 WD AT ) ราคา 1,449,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 V เกียร์อัตโนมัติ ( 2.4 V 2 WD AT) ราคา 1,369,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 G เกียร์ธรรมดา (2.4 G 2WD MT ) ราคา 1,199,000 บาท
สี White Pearl( ขาวมุก ) เพิ่มอีก 12,000 บาท
ถ้าท่านต้องการรถ SUVที่พร้อมไปกับท่านในทุกสภาพ ถนน บรรทุกได้เยอะ นั่งได้หลายคน ศูนย์บริการมีเยอะ All New Fortuner ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของรถ SUV ค่ะ
อีซูซุส่งเครื่อ…