ครั้งแรกที่ได้เห็นก็อือฮือ น่ารักจัง จากสีสันที่สดใส และตัวถังสีทูโทนรูปทรงกะทัดรัดแบบ 5 ประตู
MG 3 มีให้เลือก 2 แบบ แบบ 5 ประตู แฮทช์แบ็ค (Hatchback) และครอส (Xross )
แต่คราวนี้ที่ได้ไปขับจะเป็นแบบ แฮทช์แบ็ค ตัวท็อป คือรุ่น X เอ็มจี 3 ที่พูดถึงในครั้งนี้จะเป็นของรุ่นนี้ ส่วนรุ่นอื่นๆ Option จะแตกต่างกันบ้าง ตามราคารถ MG3 ได้รับการออกแบบที่ศูนย์การออกแบบรถยนต์เอ็มจี ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษซึ่งเป็นบ้านเกิดของเอ็มจี โดยภายในศูนย์มีวิศวกรมากด้วยประสบการณ์มากกว่า 300 คน และมีดีไซน์เนอร์มากกว่า 60 คน ซึ่งแฟชั่นจากอังกฤษเราจะเห็นว่าจะออกแนวคลาสสิคและวินเทจ
ภายในดีไซน์เรียบง่ายและลงตัว การตกแต่งภายในรูปทรงแบบแคปซูล ดูแล้วน่ารักสบายตาดี
ห้องโดยสารนั่งได้สบายไม่อึดอัด เบาะนั่งดีไซน์แบบสปอร์ต
วัสดุหุ้มเบาะ เป็นเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำและตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ที่นั่งใช้มือปรับทั้งด้านผู่ขับขี่และผู้โดยสาร ด้านผู้ขับขี่ปรับได้ 6 ทิศทางกระจกด้านคนขับและคนนั่งเป็นระบบ One Touch Down คือกดทีเดียวลงเลย แต่กดปิดกระจกมือต้องกดค้างเอาไว้
เครื่องเล่นซีดีและ MP 3 พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ USB /AUX โดยที่เสียบ USB จะอยู่ที่แผงคอนโซลหน้ารถ ดึงเปิดปิดได้ หากใครจะวางพระบูชาองค์เล็กๆก็สามารถวางได้เพราะอยู่ในตำแหน่งที่วางได้พอดี
ที่เก็บแว่นตาอยู่ตรงขอบประตูขวามือด้านบนฝั่งคนขับ
การติดตั้งอุปกรณ์ภายใน สวิทช์ดูข้อมูลและเซ็ทระยะทางการวิ่งจะอยู่ที่ปลายก้านด้านซ้ายไฟเลี้ยว สวิทช์ไฟฉุกเฉินอยู่แถวเบรกมือ สวิทช์เปิดปิดล็อกประตู อยู่บริเวณสวิทช์แอร์ ก็ต้องดูคู่มือการใช้รถก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาไม่เจอ
อุปกรณ์ภายนอก ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์ ไฟส่องสว่างขับขี่เวลากลางวัน ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
กระจกม้องข้างปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว และไล่ฝ้า มีไล่ฝ้าหลังด้วย ไฟตัดหมอกหลัง และไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี. แบบ DOHC VTi-TECH แรงม้าอยู่ที่ 106 แรงม้าที่ 6,000รอบ
โดยช่วงเช้าของวันที่ทดสอบรถก็นัดพบกันที่โรงแรมโซฟิเทลโซ แบงค็อก แล้วก็กล่าวเปิดงานโดยคุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวิวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย)กล่าวเปิดงาน และให้ข้อมูลรายละเอียดของ MG 3
การเดินทางก็เริ่มขึ้นโดยมุ่งหน้าไปที่สนามบินหนองค้อที่ศรีราชา โดยมุ่งหน้าไปทางมอเตอร์เวย์
ดิฉันเป็นคนขับก่อน เมื่อจะสตาร์ทรถต้องเหยียบเบรกก่อนถึงจะสตาร์ทติดเครื่องได้ ปรับที่นั่งกระจกมองข้างให้เข้าที่ ที่นั่งปรับด้วยมือ สูงต่ำได้ ที่นั่งห้องโดยสารนั่งได้สบายไม่อึดอัด
มองไปรอบข้างอย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าคันที่ขับเป็นตัวท็อปก็จะมีหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า ลองเปิดดู แต่ก็ต้องปิดเพราะแดดร้อน เหมาะสำหรับเปิดตอนหน้าหนาว
เกียร์อัตโนมัติเซเลเมติค 5 สปีด ก็คือเกียร์กระปุกที่ไม่ต้องเหยียบคลัทช์ เวลาขับจะรู้สึกว่าการเข้าเกียร์จะไม่นิ่มนวล เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับเกียร์แล้วการขับรถก็จะนุ่มนวลขึ้น และขับสนุก ช่วงเร่งแซงถ้าจะให้ได้ความเร็วต่อเนื่องต้องผลักไปที่ +หรือ – ที่อยู่ตรงเกียร์ช่วยจะได้ขับรถได้ทันใจ ขึ้น
ขับไปวิ่งผ่านคอสะพานหลายที่ช่วงล่างไม่รู้สึกว่ามีการกระแทกกระทั้น ถึงจะไม่นิ่มนวลแต่ก็ไม่แข็งกระด้าง
เพราะช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโครง ระบบช่วงล่างหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีมแบบ H-Typeคานขวางแบบ U-Shape
ระบบเบรกหน้าเป็นดิสค์เบรก หลังเป็นดรัมเบรก ระบบเบรกมั่นใจได้
เกียร์จะไม่มีเกียร์ P จอดรถก็ผลักไปที่ N แล้วต้องดึงเบรกมือเพื่อป้องกันรถไหล
เมื่อถึงสนามบินหนองค้อก็ได้ทดสอบสมรรถนะของรถ ไม่ว่าจะเป็นการขับแบบสลาลอมคือการขับซิกแซกผ่านกรวยที่วางไว้ รถคันนี้ก็ให้ความมั่นใจในการควบคุมรถ เพราะดิฉันได้ลองขับในส่วนนี้ นอกจากนั้นยังได้ลองระบบ ABS(ระบบป้องกันล้อล็อก และBA (ระบบเสริมแรงเบรก)โดยขับมาทางตรงแล้วเบรกแรงๆเพื่อที่จะเลี้ยวรถ ระบบ ABSทำงานได้นุ่มนวลมากแทบจะไม่รู้สึกเลยว่า ABS ทำงาน หลังจากนั้นก็กลับรถและวิ่งสลาลอมอีกครั้งจะพบว่ารถสามารถควบคุมได้ดีพวงมาลัยไม่หนักหรือเบาเกินไป หลังจากนั้นก็วิ่งเข้าสลาลอมอีกครั้ง จะเห็นว่าสามารถควบคุมได้ง่าย ไม่มีปัญหาสำหรับรถ MG 3 ตัวนี้
ระบบความปลอดภัยที่ให้มากับรถคันนี้
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ช่วยควบคุมการลื่นไถลที่เกิดจากการหมุนพวงมาลัยสุดแรงหรือบนพื้นที่ลื่นไถล
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบช่วยกระจายแรงเบรก ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ระบบเสริมแรงเบรก และมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า
มีสัญญาณเตือนขณะถอยหลัง
ขนาดล้อ 185/65 R15 ล้ออัลลอย 15 นิ้ว รัศมีวงเลี้ยว 5.6 เมตร
MG3 ราคาเริ่มต้น 475,000 บาทด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้าและระบบความปลอดภัยอีกมากมาย
ราคาจำหน่าย เอ็มจี 3 แบ่งเป็นรุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตูได้แก่รุ่น C ราคา 479,000 บาท
รุ่น D 509,000 บาท รุ่น X พร้อมซันรูฟ ราคา 559,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีรุ่น ครอส (Xross) วึ่งเป็นรุ่น X พร้อมซันรูฟราคา 595,000 บาท
อีกอย่างที่อดพูดถึงไม่ได้คือเรื่องสีสันและรูปลักษณ์ที่สะดุดตา โดยมีให้เลือกสีแต่งภายนอกแบบทูโทน มีสติ๊กเกอร์ตกแต่งหลังคาให้เลือก 5 สไตล์ รวมทั้งฝาครอบกระจกมองข้าง 4 สี สำหรับแฮทช์แบ็ค
ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร เติม E 85 ได้ด้วย
นอกจากนี้ทาง เอ็มจียังมั่นใจ ในคุณภาพและมาตรฐานยุโรป จึงกล้าให้การรับประกัน และบริการ road-side assistance ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 ปีเต็มหรือ 120,000 กิโลเมตร และยังมีบริการ Mobile Service
สำหรับลูกค้าเอ็มอีในประเทศไทยโดยเฉพาะ ที่พร้อมจะให้บริการเร็วๆนี้ในทุกที่ที่ลูกค้าสะดวกโดยไม่ต้องเข้ามาที่โชว์รูม
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…