Hilux Revo ที่ไปขับในครั้งนี้จะเป็นตัว Smart Cab ขับเคลื่อน สองล้อยกสูง ส่วนตัว Double CAB คุณโจ้ได้ไปขับมาแล้ว
http://www.caronline.net/?p=74349
เช้านัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วไฟลท์บินไปลงที่ขอนแก่น หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสไปยังสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิตที่จังหวัดบุรีรัมย์
เมื่อไปถึงสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิตบุรีรัมย์ก็เริ่มทดสอบรถกันเลย โดยแบ่งทีมทดสอบสมรรถนะของรถออกเป็น 3 ทีม
โดยจะสลับกันในแต่ละสถานี
สถานีแรกจะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับรถ HILUX REVO Smart Cab
สถานีที่ สองจะได้ไปขับรถในสนามเพื่อดูสมรรถนะของรถ และอุปกรณ์พิเศษที่ติดตั้งมาในรถ
สถานีที่สามเป็นการขับในสนามที่จำลองสนามแบบOFF ROAD มาให้ได้ทดสอบเมื่อเจอทางวิบาก
เครื่องยนต์คันที่ขับจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร 1GD-FTV(High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler 177 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 420 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,600 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา IMT 6 สปีด
เกียร์ออกแบบมาเพื่อรับแรงบิดที่สูงมาก เพลาขับเฟืองท้ายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรับแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้น
เพลาใหญ่ขึ้นอัดจารบีได้ คันเกียร์ ขับสนุกเหมือนเกียร์รถเก๋งเพราะคันเกียร์สั้นลง
ดิฟท์ล็อคลุยโคลนมีแรงบิดมหาศาล (มี Diff Lock ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ)
ระบบกันสะเทือนปีกนกจูนใหม่ โช้คอัพออกแบบให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เกาะถนนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องวิ่งทาง Off Road
ขยายแหนบให้กว้างและยาวขึ้นเมื่อสาดโค้งแรงทำให้หนึบขึ้น
แชสสีห์ออกแบบใหม่หมด เวลาตกหลุมจะดูดซับได้ดีไม่รู้สึกกระเทือน
กรองโซล่ามีอายุมากกว่าสามแสนห้าหมื่นกิโลเมตร ถ้าไฟไม่ติดไม่ต้องเปลี่ยน เปลี่ยนไส้ได้ ราคา 350 บาท ขนาด
ไส้กรอง 8 ไมครอน กรองดียิ่งขึ้น
อินเตอร์คูลเลอร์อยู่ด้านหน้า เพื่อให้อากาศเข้าง่ายขึ้นระบายได้ดีขึ้น กระจกเป็นลามิเนต ซึ่งจะปลอดภัยมาก
และส่วนอื่นจะกล่าวถึงเพิ่มเติมเมื่อได้ขับรถ
ภายนอกตัวรถไฟหน้าฮาโลเจน มัลติรีเฟลทเตอร์พร้อมระบบปรับระดับสูงต่ำ และไฟ Daytime Running Lights ไฟดูโฉบเฉี่ยวดี
กระจังหน้าโครเมี่ยม กันชนสีเดียวกับตัวรถ
กันชนหลังเป็นโครเมี่ยม
กระจกมองข้างโครเมี่ยมพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว กระจกใหญ่เห็นชัดเจน กระจังหน้าและกันชนหน้า กระจกบังลมหน้ารถเป็นแบบอัดซ้อนนิรภัย(กระจกลามิเนต)พร้อมแถบกรองแสง
เสาอากาศแบบสั้นก็เท่ไปอีกแบบ สามารถพับเก็บได้
ไฟท้ายพร้อมไฟตัดหมอก และมีไฟเบรกดวงที่สาม
กันชนหลังเป็นโครเมี่ยม
มีบันไดข้างเหยียบขึ้นได้สะดวก แต่ผู้หญิงตัวเล็กก็ต้องเหนี่ยวพวงมาลัยหรือที่จับเหนือประตูเวลาขึ้นไปนั่งขับ
เป็นรถที่ดูสูงดีจังถ้าเทียบกับตัวดิฉัน เพราะรถสูงและใหญ่บึกบึน
ภายในคันที่เข้าไปนั่งถือว่าตกแต่งได้ดูเหมือนรถเก๋ง
พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง ปรับสูง-ต่ำ ดึงเข้า-ออกได้
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID 4.2 นิ้ว
ระบบเครื่องเสียงพร้อมเนวิเกเตอร์แบบหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทาง T- Connect และ การเชื่อมต่อ USB/AUX/BLUETOOTH พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ยังมีกล่องเก็บของพร้อมระบบรักษาความเย็น ขนาดใหญ่บริเวณคอนโซลหน้า
ถุงลมนิรภัยรุ่นนี้มี 3 จุด ด้านผู้ขับผู้โดยสารและหัวเข่าผู้ขับ
ด้านผู้โดยสาร ถ้าไม่มีผู้โดยสาร ก็สามารถที่จะใช้กุญแจปิดไม่ให้ถุงลมนิรภัยทำงานได้ ถ้าถุงลมนิรภัยทำงานจะมีไฟติดอยู่ด้านคอนโซลฝั่งคนนั่ง
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
มีกล่องเก็บแว่นตาพร้อมไฟส่องแผนที่
สีภายในตัวรถสีดำ เบาะนั่งสีน้ำตาลวัสดุหุ้มเป็นผ้า
เบาะนั่งด้านหน้าปรับเลื่อนและเอนในส่วนคนนั่ง
ในส่วนคนขับสามารถปรับสูงต่ำได้
มือจับมี 3 ตำแหน่ง
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ไฟ 12 โวลต์ มี 2 ตำแหน่ง
ที่นี้ก็ได้เวลาไปขับกันในสนามแล้วละคะ อย่างที่บอกไว้แต่ต้นว่าคันที่จะขับในคร้งนี้จะเป็นตัว Smart Cab ยกสูงขับ 2 เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ 2.8
เมือก้าวขึ้นสู่ตัวรถก็เหยียบบันไดข้างแล้วเหนี่ยวที่จับเหนือประตูแล้วก็ก้าวขึ้นนั่ง ปรับเก้าอี้ให้เข้าที่ปรับ คาดเข็มขัด มองไปข้างหน้าทัศนวิสัยเห็นได้ชัดเจน กระจกข้างใหญ่ดีเห็นได้ชัด
หลังจากนั้นก็เหยียบคลัทช์เข้าเกียร์หนึ่ง เกียร์เข้าง่าย ไม่หนัก เหยียบคันเร่งออกตัว ไม่มีอาการกระตุกกระชาก ไม่ต้องกลัวดับ ขับง่ายนะ
รอบแรกนี้ใช้ Eco Mode
ที่นั่งด้านข้างจะมี Instructor นั่งไปด้วยเพื่อคอยบอกทางที่จะวิ่งเพราะจากจุดสตาร์ทวิ่งตรงไปและหักศอกเพื่อเข้าสลาลอม ก็ได้เห็นการเกาะถนนและทรงตัวของรถซึ่งถือว่าดีทีเดียวไม่มีอาการปัดทั้งที่ด้านหลังไม่ได้บรรทุกอะไร หลังจากนี้นก็เร่งความเร็วได้ประมาณ 120 จากนั้นก็จะเจอทางโค้งเกือบเป็นรูปตัว U ก็ต้องควบคุมพวงมาลัยเพื่อให้รถเลี้ยวเข้าไปตามโค้ง รถก็เกาะเข้าโค้งดี
ซึ่งการขับครั้งนี้มีการกำหนดความเร็วในแต่ละช่วง
รอบที่สองกดปุ่มPower เพื่อให้ IMT (Intelligent Manual Transmission) ทำงาน
ซึ่งช่วยให้การขับขี่ราบรื่นขึ้น อย่างเมื่อเราขับรถอยู่ในความเร็วสูงแล้วต้องแล้วเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำระบบจะเร่งรอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับความเร็วแต่จะรู้สึกได้ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์และขับขี่นุ่มนวลไม่มีอาการหัวทิ่มหัวตำ
ส่วนตอนเปลี่ยนเกียร์สูงระบบก็ทำงานแต่จะไม่รู้สึกเหมือนตอนเปลี่ยนเกียร์ต่ำ เพราะแรงบิดไม่สูงเท่ากับตอนเปลี่ยนเกียร์ต่ำ
ซึ่งอยู่ที่ผู้ใช้รถละคะว่าจะเลือกโหมดไหนในการขับขี่ แต่ถ้าให้ดิฉันเลือกก็คงเลือกหมวด Power ละคะเพราะขับสนุกกว่า
ส่วนเรื่องเบรกเมื่อต้องจอด เบรกก็หยุดได้ดั่งใจ ไม่ต้องมีลุ้น
หลังจากนั้นก็ได้ไปขับที่สนาม OFF Road ซึ่งจำลองขึ้นมาในอีกด้านของสนามช้างอินเตอร์แนชั่นแนลเซอร์กิต
ซึ่งครั้งนี้ต้วดิฉันก็ได้ขับ 2 รุ่นคือHilux Revoรุ่นหัวเดียวเกียร์ธรรมดาซึ่งเป็นรุ่นมาตรฐานขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ 2.8J และรุ่น 4 ประตูเกียร์อัตโนมัติ 4X4 เครื่องยนต์ 2.8 G ในสภาพเดิมๆ ยางเดิมจากโรงงาน
มาที่คันแรกHilux Revo หัวเดียวขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.8 J 177 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อม Differential Lock ( Diff- Lock)ที่เฟืองท้าย เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ คันนี้ไม่มีบันไดข้าง ออกตัวครั้งแรกปรับโหมดไปที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ
ออกไปด่านแรกขับเกียร์ 1ก็ไปได้เรื่อยๆแล้วไปเจอบ่อโคลนก็ขับไปตามไลน์ที่เจ้าหน้าที่บอก ตอนแรกก็รู้สึกเกร็งอยู่เหมือนกันแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีโดยไม่ต้องเร่งคันเร่งให้แตะเพียงเบาๆแล้วควบคุมพวงมาลัยให้ตรงๆ ถึงอย่างไรรถก็จะสไลด์ไปตามดินโคลนที่ลื่น แต่เมื่อเราบังคับพวงมาลัยไปตามทิศทางที่ต้องการ รถก็สามารถผ่านจุดนี้ไปได้ด้วยดี กำลังของรถมีมากทีเดียวทั้งที่อยู่ในเกียร์ 1 รถก็ไม่ดับ ผู้หญิงอย่างเราสบายละขับรถเกียร์ธรรมดา
แล้วก็จะมีช่วงที่ขับไต่เนินชันคือขับเอียงมากๆเลย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยกำลังของเครื่องยนต์และใช้การขับเคลื่อน 4 ล้อ
ส่วนอีกเนินที่ชันมากก็เหยียบคันเร่งช่วยเบาๆก็ขึ้นไปได้นี่ก็เป็นเพราะแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ที่ทำให้เครื่องไม่ดับ และเพราะ การใช้ขับเคลื่อน 4 ล้อจึงผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้เช่นกัน
คันที่สองเป็นHilux Revo ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 2.8 G 177 แรงม้า
เริ่มต้นด้วยการขับขี่ ในโหมด 4 H เกียร์อยู่ที่ D ขับไปทางเดียวกับคันแรก ผ่านทางที่เป็นโคลนคราวนี้รู้สึกว่าขับสไลด์ในโคลนมากกว่าเดิมคือสไลด์ไปทางซ้ายมาก คิดว่าจะหมุนแล้ว ทีมงานบอกให้จับพวงมาลัยกลับมาตรงๆ ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดีแค่แตะคันเร่งเบาๆ นี่ก็ด้วยกำลังของเครื่องยนต์เพราะแรงบิดร่วมกับการขับเคลื่อนสี่ล้อ
หลังจากนั้นลองใช้ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill –Start Assist Control )เมื่อต้องออกตัวบนทางลื่นและลาดชันระบบจะเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4 อัตโนมัติเพื่อป้องกันการลื่นไถลลงเนินชัน ในจังหวะที่ผู้ขับขี่ถอนเท้าจากแป้นเบรกไปเหยียบคันเร่ง ทำให้รถไม่ถอยหลังลงเนินสูงทำให้ขับขี่ไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ เมื่อถึงกลางเนินก็จอดและลองไปที่โหมด 4 L และกดปุ่มระบบควบคุมความเร็วบนทางลาดชัน DAC( Downhill Assist Control) เมื่อขับเคลื่นลงเนินชันโดยไม่ต้องแตะเบรก รถก็ไหลลงด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ขับไปเที่ยวเส้นทางที่ลงเขาเยอะๆสบายเลยนะ
แรงบิดที่รอบต่ำ พร้อมการขับเคลื่อน4 ล้อ และ Diff-Lock(ระบบล็อคเฟืองท้าย ช่วยให้การขับเคลื่อนผ่านไปด้วยดีในทาง Off Road
และวันที่เดินทางกลับจากบุรีรัมย์เข้ากรุงเทพฯ ดิฉันก็ได้เป็นผู้โดยสารตลอดเส้นทางโดยเป็นคันสำหรับผู้หญิงผู้หญิงที่ขับรถให้นั่งคือคุณแข เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับสูงของโตโยต้า เป็นผู้ขับ ด้วยรถHilux Revo Smart Cab
เครื่องยนต์ 2.8
แบบขับเคลื่อน 4 ล้อเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะพร้อมIMT เครื่องยนต์ 1GD-FTV(High) เครื่องยนต์ก็เหมือนตัว 2.8 ขับเคลื่อน 2ล้อ
เพียงแต่ตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ มี Diff-Lock ที่เฟืองท้ายเพิ่มขึ้นมา เมื่อได้เป็นผู้นั่งเบาะนั่งนั่งได้สบายไม่เมื่อย ภายในห้องโดยสารก็กว้างขวางพอสมควรอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารก็ได้พูดถึงไปแล้วเมื่อตอนต้นของบทความ
อัตราเร่งแซงถือว่าดีกำลังมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อผู้ขับเปลี่ยนเกียร์ก็เปลี่ยนได้นิ่มนวล ช่วงล่างเมื่อเจอถนนที่ขรุขระก็จะรู้สึกกระเทือนบ้างเล็กน้อยอาจจะเพราะเซ็ทไว้แข็งเพื่อรองรับการบรรทุกที่กระบะท้าย
เมื่อต้องเร่งแซงในความเร็วสูงในบางช่วงที่ความเร็วเกิน 120ก็จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์บ้างแต่ไม่มากนัก
ในส่วนของพื้นที่ CAB ด้านหลังก็กว้างพอที่จะวางสัมภาระได้สบาย แต่โดยปกติ เราจะเห็นว่ารถลักษณะนี้บางทีก็มีผู้โดยสารนั่ง ก็สามารถเอาเบาะนั่งปูได้
ในส่วนของ Cab บานกระจกสามารถเปิดได้ด้วย ทั้งสองด้าน
ประตูเปิดสมาร์ท แค็บ เข้าอกง่ายพร้อมล็อก 2 ชั้น
มีกล้องมองหลังเมื่อจอดด้วยนะคะ ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ไล่ฝ้ากระจกหลัง
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และ EBD คานเหล็กนิรภัยด้านข้างเพื่อความปลอดภัย เพร้อมโครงสร้าง ตัวถังนิรภัย GOA
เมื่อมีโอกาสนั่งไม่ต้องขับ ก็นั่งเพลินเลยค่ะ ไม่ได้มีความรู้สึกเลยว่านั่งรถกระบะมองวิวสองข้างทางสบายเลยเพราะความสูงของรถ เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่กรุงเทพฯ ก็ลงจากรถได้โดยไม่มีอาการเมื่อยล้าเลย กับระยะทางเกือบ 400 กิโลเมตร
ยาง All Terain ขนาด 17 นิ้ว 265/65 R17 อัลลอย 17 นิ้ว ยางอะไหล่ 265-65 R 17 All Terain ล้อกะทะเหล็ก(ยางและล้อแตกต่างกันในแต่ละรุ่น)
ถังน้ำมันจุ 80 ลิตร ใหญ่ทีเดียว
Hilux Revo SMART CAB มีสมาร์ทแค็บขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 2.4 และ 2.7
สมาร์ทแค้บพรีรันเนอร์ขับเคลื่อนสองล้อยกสูงมีเครื่องยนต์ 2.4 ,2.7 และ2.8
และสมาร์ทแค็บขับเคลื่อนสี่ล้อมีเครื่องยนต์ 2.4 และ2.8
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…