Brand: TOYOTA Model: Corolla
Year: 1996 Miles: 80001-100000
From: สุ อ
เช้าๆ จะมีปัญหาสตาร์ทไม่ค่อยติด ใครต่อใครบอกให้บิดกุญแจทิ้งไว้ซักพัก ก่อนบิดสตาร์ท จนสตาร์ทไม่ติดในที่สุด เรียกช่างข้างๆ บ้านมาดู เปิดตัวหัวนกกระจอก แคะตะกรันที่อุดตามขั้วออก ก็ใช้งานได้สตาร์ทชึ่งเดียวติด แต่ก็ยังมีปัญหาสตาร์ทไม่ติดบ้างวันที่ฝนตกอากาศชื้น
แต่คราวนี้ขับออกถนน วิ่งมาได้ประมาณ 2 ป้ายรถเมล์ รถมีอาการเหยียบเร่งไม่ขึ้น รู้สึกว่าเหมือนจะดับ เพราะเคยเจออาการนี้มาหนนึง เลยรีบขับเข้าข้างทาง แล้วดับเครื่องสตาร์ทใหม่ก็ติด ครั้งแรกที่ดับกลางถนน อยู่ใกล้ศูนย์โตโยต้า แต่ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ เพราะเค้าบอกว่าตรวจสอบไม่พบ แล้วอาการไม่เห็น เลยไม่รู้จะแก้ตรงไหน
อีกปัญหาคือเกจ์วัดความร้อนตก เช็คที่ศูนย์ฯ บอกว่ามีปัญหาที่ตัวเซ็นเซอร์เกจ์วัดความร้อน เปลี่ยนตัวใหม่แล้ว ก็ยังมีอาการเหมือนเดิม คือวิ่งถนนล่างเกจ์อยู่ระดับปกติ แต่พอช่วงที่วิ่งอยู่บนทางด่วนไม่เกิน 100 เกจ์จะเริ่มตก พอลงจากทางด่วน อาการก็จะกลับมาที่ระดับปกติ เคยเปลี่ยนช่วงฝาหม้อน้ำด้านบนมาด้วยค่ะ เพราะมีรอยรั่ว รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
อาการแรกนี่ ช่างข้างบ้านน่าจะถูกต้องครับ แต่คงไม่ทันคิดว่า หรือไม่ได้ถามคุณว่า เป็นในช่วงใดบ้าง
แต่เผอิญคุณบอกผมชัดเจนว่า เกิดอาการนี้ในวันที่ฝนตก อากาศชื้น ก็เป็นอันว่า โปร่งเลยครับ
อาการนี้ เกิดจากความชื้นในฝาจานจ่าย ในตัวจานจ่ายเองนั่นแหละ ทำให้ไฟแรงสูงลัดวงจร เพราะไฟแรงสูงเป็นไฟฟ้าสลับ ที่เดินผ่านน้ำหรือความชื้นเข้มข้นได้ หากจะป้องกัน ก็ต้องเอาจานจ่ายออกมาทำให้แห้ง หรือไม่เอาออกมาก็ได้ แต่ฉีดน้ำยาไล่ความชื้นเข้าไปในตัวจานจ่ายหลังเปิดฝา แล้วเอาฝามาตากแดดให้ร้อน ไล่ความชื้น กับไล่ความชื้นที่สายไฟแรงสูงและปลั๊กหัวเทียนให้หมด อาการก็จะหายไปจนกว่าจะเกิดความชื้นอีกเท่านั้นแหละครับ
อาการที่สอง ขับออกถนนได้ไม่ไกล เร่งไม่ขึ้นอีก เหมือนจะดับ ก็จอดแล้วดับเครื่อง สตาร์ทใหม่ก็ติด อันนี้หินหน่อย เพราะต้องดูอาการข้างเคียง ที่คุณไม่ได้บอกอะไรมา ก็ต้องคาดเอาเองว่า ไม่แสดงอาการอะไรอีก ตอนที่ทำท่าจะดับ ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร เช่นสะอึก ซึ่งจะบอกว่า น้ำมันเข้าไม่พอได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้บอกไป
ก็ต้องเดาว่า ไม่มีอะไร แต่เป็นสาเหตจากความชื้นในจานจ่ายอย่างที่บอกแต่แรกเอาไว้ก่อน แก้ไขเรื่องจานจ่ายเรียบร้อยแล้ว หากมีอาการเกิดขึ้นอีก ค่อยจับให้ออกว่า อาการเป็นอย่างไรแน่ชัด แล้วบอกไปใหม่อีกครั้ง ดูให้ดีด้วยครับ ว่ามีควันดำออกปลายท่อไอเสีย หลังติดเครื่องยนต์ได้ใหม่อีกครั้งหรือเปล่า ข้อมูลพวกนี้สำคัญสำหรับผู้วิเคราะห์ครับ
อาการที่สาม เกจ์ความร้อนตกเมื่อวิ่งบนทางโล่ง ความเร็วสูง หากคุณบอกกับศูนย์บริการ และช่างที่ศูนย์บริการเป็นช่างชั้นดีหน่อย ไม่ใช่ช่างเปลี่ยน ก็จะยังไม่เปลี่ยนตัวจับสัญญาณอุณหภูมิเครื่องยนต์ แต่จะตรวจดูก่อนว่า วาล์วน้ำของคุณยังติดตั้งอยู่หรือถูกถอดออกไปโดยช่างที่อื่นแล้ว และหากยังติดตั้งอยู่ ก็จะต้องตรวจดูว่า วาล์วน้ำทำงานปกติหรือไม่
หรือวาล์วน้ำเปิดค้างตลอดเวลา ที่อาจจะถามคุณก็ได้ว่า ตอนแรกติดเครื่องยนต์จากเครื่องเย็นนั้น ใช้เวลานานประมาณใด เข็มวัดความร้อนจึงขึ้นมาอยู่ในระดับ แบบนี้ก็พอจะมองเห็นปัญหาที่แท้จริงได้ใกล้เคียงบ้าง
แต่นี่ รีบเปลี่ยนอะไหล่เสียเหลือเกิน แล้วก็ผิด เพราะช่างใหม่ใหม่ มักจะมองอะไรในสิ่งแพงแพงเสมอครับ ยังไม่เปลี่ยนนิสัยกันสักที เกือบสี่สิบปีมานี่แล้ว ที่ผมต้องเคี่ยวเข็ญพวกนี้ให้คิด คิด และคิด ก่อนจะลงมือซ่อม
เอาละ เปลี่ยนแล้วก็แล้วกันไป ศูนย์รวยขึ้นไม่เท่าไร ช่างก็ไม่ได้ดีอะไรขึ้นมา
เอาเป็นว่า ตอนคุณติดเครื่องยนต์ช่วงเช้า เปิดฝาครอบเครื่อง ปล่อยให้เครื่องยนต์ติดไปสักสองนาที แล้วเอามืออังดูที่ท่อน้ำตัวบน จับความร้อนดูครับ จากนั้น ก็เอามือไปอังที่เครื่องยนต์ ว่าอะไรร้อนกว่ากัน ระหว่างเครื่องยนต์กับท่อน้ำ
คุณอาจจะพบว่า เครื่องยนต์กับท่อน้ำร้อนพอพอกัน ก็แสดงว่า วาล์วน้ำเปิดค้างอยู่ หรือไม่มีวาล์วน้ำ ก็ไปใส่วาล์วน้ำเสียเท่านั้น ก็จะหมดเรื่องกันไป
หรือหากพบว่า เครื่องยนต์ร้อน แต่ท่อยังเย็นอยู่ ก็แสดงว่า วาล์วน้ำปิด และยังดีอยู่ คราวนี้ ก็ต้องไปดูที่มาตรวัดความร้อนของคุณกันละครับ
ลองดูครับ ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนมาตรวัด บอกผมอีกทีอย่างละเอียด ถึงการตรวจสอบแบบที่ว่าข้างบน จะได้แนะนำกันได้อย่างถูกต้องต่อไปครับ-ธเนศร์
อีซูซุส่งเครื่อ…