ปอร์เช่ ประกาศผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ภายใน 5 ปี ด้วยเงินลงทุน 1 พันล้านยูโร พร้อมสร้างงานเพิ่มเติมอีก 1,000 ตำแหน่ง หลังส่งรถต้นแบบ มิชชั่น อี Mission E ความแรง 592 แรงม้า ออกแสดงในงาน แฟรงค์เฟิร์ท มอเตอร์โชว์ ปีนี้ และได้รับอนุมัติให้ขึ้นสายการผลิตได้ทันทีที่พร้อม ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ ของ ปอร์เช่ ที่ลงทุนพัฒนาเพื่อใส่ในรถแข่งไฮบริด และคว้าชัยชนะการแข่งขัน เลอมันส์ 24 ชม. มาแล้ว
การขยายสายการผลิตในการผลิตรถไฟฟ้า ปอร์เช่ ลงทุนราว 700 ล้านยูโร ในโรงงานที่สตุ๊ทการ์ด เพื่อเพิ่มสายการผลิตและโรงงานสี รวมทั้งเพิ่มสายการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน และเงินลงทุนอีกราว 300 ล้านยูโร เพื่อพัฒนาสายงานที่เกี่ยวข้อง
มิชชั่น อี พัฒนารูปร่างภายนอกมาจาก 918 ไฮเปอร์คาร์ และพานาเมร่า ความสูงจากพื้นเพียง 1,300 มม. โครงสร้างเป็นส่วนผสมระหว่าง อลูมิเนยม เหล็ก และ คาร์บอน ไฟเบอร์ แรงดึงสูง รวมทั้งกะทะล้อก็ใช้คาร์บอน ไฟเบอร์ เช่นกัน ไฟส่องสว่างหน้าทรงคณิตศาสตร์ แอลอีดี ที่ออกแบบมาใช้ในรุ่น 911 โฉมใหม่ พร้อมรูปทรงลาดลู่ลมมากที่สุด โครงสร้างเสา เอ รองรับการเปิดประตูแบบปีกนก และไม่มีเสากลาง เพื่อให้เข้าออกสะดวก
ปอร์เช่ ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาสำหรับ 919 ไฮบริด ที่ทำเป็นรถแข่ง โดยมี มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ระบบแรงดันไฟฟ้า 800 โวลต์ แบตเตอรี่ทรงพลัง ที่ปอร์เช่ คุยว่า ทรงพลังมากกว่าแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถไฟฟ้าปัจจุบันนี้ถึงสองเท่าตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ แรง 592 แรงม้า ทำความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 3.5 วินาที และใช้เวลาอีก 9 วินาที ความเร็วถึง 200 โดยใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของปอร์เช่ ที่ส่งถ่ายกำลังอัตโนมัติ เพื่อการยึดเกาะที่มั่นคง
มิชชั่น อี คันนี้สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทาง 500 กม. เพื่อให้สู้กับคู่แข่ง อย่าง เมสล่า และ ออดี้ อี-ทรอน ให้ได้ แต่สิ่งที่จะทำให้เหนือกว่าคู่แข่งก็คือ การรีชาร์จ แบตเตอรี่ ให้ได้ 80% ภายในเวลา 15 นาที ผ่านทางจุดชาร์จด้านหลังล้อหน้า ความแรง 800 โวลต์ ที่ปอร์เช่ บอกว่าสามารถทำได้ เพราะสายไฟฟ้าที่มิชชั่น อี ใช้ มีขนาดเล็ก หรืออาจชาร์จผ่านระบบไร้สาย ก็ทำได้
ภายในแผงหน้าปัด สามารถแสดงผลแบบ 3D และจะปฏิสัมพันธ์กับปฏิกริยาการเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นการแสดงผลได้ตลอดเวลา ในระดับสายตา
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…