หลังจากที่ บีเอ็มดับเบิลยู พัฒนารถมินิ มาแล้ว 3 เจเนอเรชั่น หลังซื้อยี่ห้อ มินิ มาจาก โรเวอร์ กรุ๊พ เมื่อปี 2537 โดยรุ่นล่าสุดมีเวลาอยู่ในตลาดมาแล้ว 6 ปี โฆษกของ บีเอ็มดับเบิลยู แม็กซิมิเลียน ชูเบิร์ล Maximilian Schoeberl กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “ถึงกำหนดอายุของโครงสร้างพื้นฐาน ยูเคแอล 1 UKL1 แล้ว” เขากล่าว “แต่เนื่องมาจากการประหยัดค่าใช้จ่าย และความไม่แน่นอนทางการเมือง”
ขณะเดียวกัน ความนิยมของเทคโนโลยี ก็เริ่มเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน มาเป็นรถยนต์พลังงานไฮบริด หรือไฟฟ้า และปลอดมลภาวะ รวมทั้งระบบการเชื่อมต่อ สมัยใหม่ด้วย
ส่วนข้อกำหนดทางด้านมลภาวะ ที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับรถครอสโอเวอร์ และ เอสยูวี ก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับค่ายรถยนต์ ท่ีจะต้องใช้จ่ายเงินในการค้นคว้าและพัฒนาจำนวนมาก
ในปี 2562 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ยอดขายรถยนต์ มินิ ลดลง 17% เหลือเพียง 36,092 คัน ขณะที่ยอดขายรวมทั่วโลก ก็ตกลง 4.1% เหลอเพียง 346,639 คัน
นับแต่เดือนมีนาคม บีเอ็มดับเบิลยู ประกาศตัดค่าใช้จ่ายให้ได้ 12 พันล้านยูโร โดยต้องทำให้ได้ภายในสิ้นปี 2565 อันทำให้ต้องลดจำนวนเครื่องยนต์ และ ระบบเกียร์ ลง 50% รวมทั้งลดงบประมาณในการพัฒนาลงด้วย
นักวิเคราะห์ระบุว่า การพัฒนาโครงสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ จะต้องใช้เงินในการค้นคว้าและพัฒามากกว่า 1 พันล้านเหรียญ และจะสามารถใช้งานได้ราว 6 ปี ทำให้บรรดาค่ายรถยนต์ เลือกใช้วิธีการใช้ชิ้นส่วนเดิม ในการพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ อาทิ ค่ายโฟล์ค ใช้ชิ้นส่วนดั้งเดิมของ กอล์ฟ 7 ในรุ่น กอล์ฟ 8
ปัญหาของการออกจากสหภาพยุโรปของ สหราชอาณาจักร ก็ยังคงต้องการต่อรองข้อแม้ต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2563 นี้ ทำให้ยังไม่มีความแน่นอนเพื่อการวางแผนงานระยะยาวใดๆ ทำให้ บีเอ็มดับเบิลยู ไม่กล้าที่จะทุ่มเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อการพัฒนา
“ถ้าอัตราภาษีอยู่ระหว่าง 0-5% ข้อแม้ทางธุรกิจก็ไม่ค่อยแตกต่างอะไรมากนัก” ซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู โอลิเวอร์ ซิพเซ่ Oliver Zipse ให้สัมภาษณ์เมื่อปีที่แล้ว ถึงสถานะของการผลิตและการส่งออกจากโรงงาน ในอังกฤษ ของ มินิ แต่หากอัตราภาษีทั้งเพื่อการส่งออกและนำเข้าจากอังกฤษ สูงมาก อาจทำให้ บีเอ็มดับเบิลยู ต้องย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ เนเธอร์แลนด์
บีเอ็มดับเบิลยู ผลิตรถยนต์ในเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2561 211,660 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 39%
มาสด้า เซลส์ ปร…
“มหกรรมยานยนต์ …