บีเอ็ม จับมือกับ โตโยต้า โดย ลุงอ็อด

ค่ายบีเอ็มดับบลิว และ โตโยต้า ประกาศความร่วมมือในการพัฒนารถสปอร์ตขนาดกลาง เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกในปัจจุบัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการผลิต และเทคโนโลยี อันจะนำไปสู่การถ่ายทอดความชำนาญในแต่ละด้านของแต่ละฝ่าย

“ค่ายโตโยต้า เข้มแข็งในด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบไฮบริด และเชื้อเพลิงหลากชนิด ผมเชื่อว่า บีเอ็มดับบลิว ก็มีความเข้มแข็งในการพัฒนารถสปอร์ต” อะกิโอะ โตโยดะ ประธานโตโยต้า กล่าวไว้เมื่อเดือนมกราคม “และรู้สึกตื่นเต้นที่จะเห็นรถสปอร์ตที่พัฒนาจากความสัมพันธ์ครั้งนี้”

เมื่อพิจารณาจากสายผลิตภัณฑ์ของทั้งสองค่าย มีความเป็นไปได้ที่รุ่น ซูปร้า อาจจะกลับมา เช่นเดียวกับรถสปอร์ต แซ่ด4 ของ บีเอ็มดับบลิว หรือรถรุ่น ซีรี่ส์4 และ i8 รถสปอร์ตไฮบริดของบีเอ็มดับบลิว

แหล่งข่าวกล่าวว่า จากการประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ทั้งสองค่ายต่างได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือดังกล่าว และเริ่มต้นการพัฒนาร่วมกันไปแล้ว “เมื่อ บีเอ็ม ประกาศเมื่อเดือนธันวาคม ปีก่อน ที่จะจัดหาเครื่องยนต์คลีนดีเซล ให้กับ โตโยต้า โครงการพัฒนารถสปอร์ตร่วมกัน ก็ได้เริ่มต้นเรียบร้อยแล้ว”

ลองทายกันเล่นๆ ว่าใครเป็นคนเปิดไฟเขียวให้กับโครงการนี้

ท่านประธาน โตโยดะ ผู้ที่ชื่นชอบรถสปอร์ต ที่เคยเปิดไฟเขียวให้กับ เล็กซัส แอลเอฟเอ, โตโยต้า จีที86/ไซคอน เอฟอาร์-เอส รวมทั้ง ซูบารุ บีอาร์แซ่ด ด้วย

วิศวกรที่รับผิดชอบโครงการนี้ คือ เต็ดซึยะ ทาดะ Tetsuya Tada ที่ไปเยี่ยมเยียนค่ายบีเอ็มดับบลิวมาแล้วหลายครั้ง เล่าว่า “ผมคาดหวังผลิตภัณฑ์จากโครงการนี้ มากกว่าที่ทุกคนคาดหวัง และเชืื่อมั่นว่า จะสามารถหล่อหลอมเทคโนโลยีของทั้งสองค่าย ให้ผลออกมาเกินกว่าความคาดหวัง”

“เราไม่หวังที่จะให้รถสปอร์ต บีเอ็ม-โตโยต้า ใช้เครื่องยนต์สี่สูบ นอนยัน 2.0 ลิตร แบบใน จีที86/เอฟอาร์-เอส หรือ บีอาร์แซ่ด แต่หวังจะพัฒนาเครื่องยนต์บีเอ็มดับบลิว ไอ-4 ให้เข้ากับโครงสร้างของ จีที86/เอฟอาร์-เอส ที่อาจต้องปรับปรุงโครงสร้างบางส่วนให้ลงตัวกับเครื่องยนต์ เพราะจะต้องเตรียมพื้นที่สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น”

ตามแผนงาน รถต้นแบบจากความร่วมมือของสองค่ายนี้ จะนำออกแสดงในงาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ รอบสื่อมวลชน วันที่ 20-21 พฤศจิกายน นี้ และใช้เวลาอีกสองปี ในการปรับปรุง พัฒนาให้สามารถนำออกวางตลาดได้ โดยอาจเริ่มต้นจากประเทศญี่ปุ่นก่อน