บันทึกการเดินทางร่วมกับ โคโรลล่า อัลติส ใหม่


เมื่อวันที่ 27-28 กันยายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสทดลองขับเจ้า โคโรลล่า อัลติส ใหม่ หลังจากที่ได้ลองมาแล้วครั้งหนึ่งในสนาม Thai Bridgestone Proving Ground ซึ่งเป็นสนามใหม่ที่ อ.วังน้อย ไปแล้วนั้น(http://www.caronline.net/ArticleDetail.aspx?ArticleID=586) คราวที่แล้วเป็นการขับแบบสั้นๆภายในสนามเพียงอย่างเดียว แต่ก็ได้รับรู้ถึงสมรรถนะในด้านต่างๆมาพอสมควร คราวนี้เป็นการขับแบบยาวๆในส้นทางตั้งแต่ โรงงานโตโยต้าสำโรง – ปราณบุรี รวมระยะทางกว่า 460 กม.

จริงๆผมก็ไม่อยากเรียกหรอกนะครับว่าเป็นการทดสอบ หรือทดลองขับ เพราะไม่ได้ทดสอบหรือทดลองอะไรกับ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ในครั้งนี้เท่าไหร่นัก คราวนี้ผมเลยขอเรียกว่าเป็น ”บันทึกการเดินทางร่วมกับ โคโรลล่า อัลติส ใหม่” ก็แล้วกันนะครับ

เริ่มต้นบันทึกการเดินทางครั้งนี้กันเลยดีกว่าครับ


9:00น.คือเวลาลงทะเบียนในครั้งนี้ครับ ส่วนสถานที่ในการลงทะเบียนในครั้งนี้ไกลจากบ้านผมพอสมควรครับ นั้นคือ โรงงานโตโยต้าสำโรง ไกลอยู่ครับ แต่ก็ไปสะดวกครับ เพราะผมใช้ทางพิเศษ สายบางพลี – สุขสวัสดิ์ เรียกได้ว่าถึงเกือบหน้าโรงงานเลยทีเดียว

หลังจากที่ได้ลงทะเบียนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องนั่งฟังบรรยายสรุปเส้นทาง และจุดพักต่างๆ จากทีมPRของโตโยต้ากันเสียก่อน โดยมี คุณบุญชวน วิภูษณวนิช ผู้อำนวยการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เป็นผู้กล่าวต้อนรับ


10:00น. ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ โดยรถที่ใช้นั้น เป็นโคโรลล่า อัลติส ใหม่เครื่องยนต์ 1,800 ซีซีครับ ออกเดินทางกันด้วยสมาชิกในรถถึง 3 คน โดยที่ผมเป็นคนขับในมือแรก

กิจกรรมในครั้งนี้ของโตโยต้า มุ่งหวังว่าจะให้ท่านสื่อมวลชนทั้งหลาย ได้ขับแบบว่าหาอัตราการกินน้ำมันกันเสียหน่อย ก็น่าจะขับแบบชิวๆ รักษาความเร็วคงที่ให้มากที่สุด แต่ที่ไหนได้ ต่างคนต่างไป ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สนแต่ว่าถึงที่หมายที่เดียวกันก็พอ


เราสองสามคนภายในรถ ก็เลยตกลงกันว่า ไม่ต้องไปสนใจคันอื่น เราขับของเราอย่างนี้นี่แหละ เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าโคโรลล่า อัลติส ใหม่ที่มีทั้งระบบ DOHC Dual VVT-I หรือระบบวาล์วแบบแปรผัน ทั้งไอดี และไอเสีย รวมถึงระบบ ACIS (Acoustic Control Induction System)หรือระบบที่จะปรับเปลี่ยนความยาวท่อไอดีให้เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องยนต์เนี้ย จะบริโภคน้ำมันเข้าไปขนาดไหน ว่าแล้วมือขับมือแรกอย่างผมก็เกร็งเท้าไปซิครับ รักษาความเร็วให้คงที่ที่ประมาณ 110กม./ชม.ให้ได้มากที่สุด ที่ว่าเกร็งนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คันเร่งของเจ้าคันนี้นิ่มจริงๆครับ เผลอว่าตามสบายไปเมื่อไหร่ ความเร็วขึ้นมาทุกที่ หรือว่าผมเท้าหนักไปก็ไม่รู้ ฮ่าฮ่าฮ่า


ส่วนการออกตัวแต่ละครั้ง ก็พยายามปล่อยให้มันเป็นเป็นไปตามสเต็ปของเกียร์ Super CVT-I 7 สปีดครับ ถึงแม้ว่ารอบของเครื่องยนต์จะขึ้นไปรอความเร็วอยู่บ้างตามนิสัยของเกียร์แบบCVT แต่ก็ไม่มากมายจนน่าเกลียด พอความเร็วได้ที่ ที่ประมาณ 110กม./ชม. รอบเครื่องยนต์ก็ตกลงมาอยู่ที่ระดับ 1,800-2,000 ไม่เกินนี้ครับ

12:00น. ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันกันสักที หลังจากที่ได้ขับกันมาตั้งแต่ที่โรงงานโตโยต้าที่สำโรง คราวนี้เราแวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ อิมพิเรียล เลควิว โฮเต็ล ตั้งอยู่บนถนนบายพาสไป อ.ปราณบุรี นั่นแหละครับเป็นโฮเต็ลพร้อมสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุมมาตรฐานครับ วันที่เราเดินทางไปกัน ค่อนข้างเงียบเหงาครับ หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นวันธรรมดาก็เป็นได้ ส่วนอาหารที่รับประทานกันนั้น ก็เป็นอาหารไทยๆนี่แหละครับ แต่หน้าตาสวยน่ารับประทานดีครับ กะว่าจะถ่ายรูปมาให้ชมกัน แต่เนื่องด้วยไปถึงช้ากว่าคันอื่นๆ ก็เลยอดไปครับ ส่วนเรื่องรสชาติก็ธรรมดา พอกินกันได้ แต่ไม่ถึงกับอร่อยมากนักครับ

14:00น. หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันไปเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินทางกันต่ออีกไม่นานก็ถึงที่พักแล้วครับ คืนนี้เราจะพักกันที่ LA A Natu อ่านว่า ลา เอ นาตู นะครับ อย่าอ่านเป็นอย่างอื่น ส่วนชื่อเต็มๆของเค้านั้นก็คือ la a natu bed & bakery อ่านไม่ผิดครับ ที่นี่มีเบเกอรี่ทำเองที่อร่อยมากๆครับ แต่ราคานั้นก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ


ลา เอ นาตู เป็นรีสอร์ทเล็กๆริมทะเลครับ ตั้งอยู่บนชายหาดปราณบุรี-สามร้อยยอด ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 230 กม. ครับ ตัวรีสอร์ทและห้องพัก มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองโดยออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติครับ ใครอยากเปลี่ยนแนวมาพักแบบนี้บ้างก็ลองดูนะครับ ผมแนะนำว่าควรจะพักห้องที่ติดทะเลนะครับ หากไปพักห้องที่อยู่ด้านใน ท่านอาจลืมไปว่าอยู่ริมทะเลก็เป็นได้ครับ


18:00น. ได้เวลารับประทานอาหารค่ำครับ เป็นอาหารที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ครับ ส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย และก็อาหารทะเลครับ ที่นี่อาหารทะเลสดและอร่อยมากครับ อาหารอื่นๆก็รสชาติดี ผิดกับที่กินไปเมื่อตอนกลางวันเลยครับ นั่งกินกันไป พูดคุยกันไปตามประสาพี่ๆน้องสื่อด้วยกัน สนุกดีครับ อ้อ..เกือบลืม ใครจะมาที่นี่เตรียมยาทากันยุงมาด้วยนะครับ ยุงที่นี่ดุและกัดเจ็บมากครับ นี่แผลที่โดนกันมายังไม่หายเลยครับ

จากนี้ใครใคร่จะทำอะไรก็ตามสบายครับ จะนั่งชิวต่อหรือจะกลับไปนอนที่ห้องก็แล้วแต่ครับ ไม่ได้บังคับอะไร เอาไว้เจอกันตอนเช้าเลยทีเดียวครับ

10:00น. ได้เวลาเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทแล้วหลังจากได้รับประทานอาหารของทางรีสอร์ท ถึงแม้ว่าจะมีให้เลือกน้อยไปสักหน่อย แต่รสชาติและคุณภาพนั้นไม่ได้น้อยลงไปตามจำนวนเลยครับ ยิ่งเบเกอรี่ของที่นี่นะครับ เค้าทำเองทุกอย่าง ก่อนออกเดินทางกลับก็เลยต้องขอลองท้องไปอีกสักชิ้น

ขากลับนี่ผมได้ย้ายตัวเองไปนั่งด้านหลัง เพราะอยากรู้ว่าด้านหลังนั่งแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะตัวผมเองจะเจอปัญหาเสมอๆ เวลาไปนั่งด้านหลัง เพราะด้วยความสูง 183ซม.ของผม ทำให้ศีรษะของผมใกล้กับบริเวณหลังคามากๆ หากวันไหนทำผมแบบตั้งๆหน่อย ก็จะโดนเพดานเลยก็มี


แล้วก็จริงอย่างที่บอกครับ ศีรษะใกล้กับเพดานมาก จนต้องเลื่อนตัวไปด้านหน้าหน่อย แบบว่าหลังไม่ติดเบาะนิดนึง ถึงจะออกห่างจากเพดานได้หน่อยครับ นี่แหละครับปัญหาของคนตัวสูง ผมถึงได้บอกในรายการ ”กลับให้ได้ ไปให้ถึง” อยู่บ่อยๆว่า ”เวลาจะซื้อรถ ให้ไปลองนั่งลองขับดูก่อนครับ” อย่ารีบร้อน ศูนย์ไหนไม่มีให้ลองก็ไปศูนย์อื่นครับ จะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลังครับ

12:00น.นัดกันรับประทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านแดง จ.สมุทรสงคราม ตรงแถวแม่น้ำแม่กลองนั้นแหละครับ ไปง่ายดีครับ อาหารก็อร่อยครับ ใครที่ชอบกินปูทะเลตัวใหญ่ๆ กับปลาทูหน้างอคอหักด้วยแล้วหล่ะก็ พลาดไม่ได้ครับร้านนี้

จากนั้นเราก็เดินทางกลับกันครับ จากร้านแดงถึงโรงงานโตโยต้าที่สำโรง ตอนนี้ไม่มีใครขับแบบช้าๆชิวๆกันแล้วครับ เพราะเนื่องจากหนังท้องตึง หนังตาหย่อน ขืนขับแบบประหยัดน้ำมัน มีหวังได้หลับในกันบ้างแหละครับ

14:00น.ถึงปั้มน้ำมันปตท.สำโรง หน้าโรงงานโตโยต้าเป็นที่เรียบร้อยครับ ทีมงานก็นำรถไปเติมน้ำมันให้เรียบร้อย ทีแรกเห็นว่าจะมาสรุปผลการบริโภคน้ำมันกันที่โรงงานก่อน แต่เนื่องจากหลายท่านได้กลับไปแล้ว ก็เลยเป็นเหตุที่ว่า จะต้องให้ทางทีม PR ของโตโยต้าส่งผลการกินน้ำมันของเจ้าโคโรลล่า อัลติส ใหม่เครื่องยนต์ 1,800 ซีซี นี้มาให้ในภายหลัง ซึ่งกว่าผมจะได้ ก็นานอยู่ครับ


ผลที่ได้ออกมาน่าแปลกใจอยู่เหมือนกันครับ ก็อย่างที่เห็น เอาตั้งแต่เรื่องระยะทางเลยนะครับ คันที่ในระยะทางน้อยที่สุด คือคันที่ 2 ซึ่งเป็นคันที่ผมขับ ต่างจากคันใช้ระยะทางมากสุดคือคันที่ 6 ถึง 68กม. แต่ใช้เวลาในการขับขี่ต่างกันแค่ 3 นาทีเองเหรอครับ ทั้งๆที่คันที่ผมขับ ถึงจุดจับเวลาในแต่ละครั้ง เป็นคันสุดท้ายเกือบทุกครั้ง แถมครั้งก่อนสุดท้าย ที่นัดกันที่ร้านแดง ก็โดนโทรตามด้วยซ้ำครับว่า คันอื่นเค้ามาถึงและกินกันจนจะอิ่มอยู่แล้ว แต่ผมยังไม่ถึงเลย

ต่อด้วยผลการกินน้ำมัน ก็อย่างที่เห็นครับ ต่างกันมากในจำนวน 6 คัน คันผมปั้นแล้วปั้นอีกกว่าจะได้เป็นคันที่กินน้ำมันน้อยที่สุด ผลที่ได้กลับกลายเป็นอย่างที่เห็นครับ

กิจกรรมของโตโยต้าในครั้งนี้ ผมถึงได้เรียกมันว่า “บันทึกการเดิน” ยังไงหล่ะครับ เพราะทดลองขับก็ทำมาแล้วในครั้งก่อน ครั้งนี้กะว่าจะได้ทดสอบอัตราการกินน้ำมัน แต่ผลที่ได้ออกมา มีข้อสงสัยเยอะไปหน่อยสำหรับผม หากได้รถมาขับเอง ทดสอบเอง คงจะได้ค่าที่แน่นอนกว่านี้มาเล่าสู่กันฟังครับ

แต่ผมก็ยังเชื่อว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆของโคโรลล่า อัลติสไม่ว่าจะเป็นระบบ DOHC Dual VVT-I หรือระบบวาล์วแบบแปรผัน ทั้งไอดี และไอเสีย รวมถึงระบบ ACIS (Acoustic Control Induction System) หรือระบบที่จะปรับเปลี่ยนความยาวท่อไอดีให้เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องยนต์ แถมยังมีเกียร์ Super CVT-I 7 สปีดนั้น จะสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอนครับ

**************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net

Facebook Comments