ชื่อของยางบีเอฟนั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการตะลุยทางที่ไม่ใช่ถนนคอนกรีตหรือลาดยางดำแต่อย่างใด แต่เป็นทางที่ไม่ปกติหรือจะพูดว่าเป็นราชาแห่งยางออฟโรดก็ว่าได้ นี่เป็นอีกครั้งที่มีโอกาสได้ไปทดลองยางรุ่นใหม่ ไม่ซิเพราะยางรุ่นนี้เปิดตัวมาได้กว่าปีแล้ว และผมเองก็มีโอกาสได้ไปทดสอบมาแล้วกับทริปของสื่อมวลชนที่จังหวัดสระบุรี รายละเอียดนั้นผมได้พูดอากาศไปแล้วทาง เอฟเอ็ม89.5และเอเอ็ม 1269 เมื่อปีที่แล้ว เมื่อกลับมาถึงผมยังจำได้ลางลางถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางได้แม้จะนานไปบ้างแล้ว ครั้งนั้นที่สระบุรีจำได้ว่าเอาพวกผมเข้าไปถึงในป่าเลย รวมถึงให้ลองขับแบบสลาลอมกันบนพื้นโคลน ยังจำได้ถึงความรู้สึกนั้น มาครั้งนี้ผมยังได้รับประสบการณ์ในการขับขี่รวมถึงกิจกรรมต่างๆที่ทางบีเอฟจัดให้ กับมิตรภาพของคาร์คลับ เวปไซต์หลายแห่งที่ได้ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ นัดหมายกันในเช้าวันศุกร์ที่11 กันยายนที่ผ่านมาที่ตึกบัญชาการของมิชลิน อ้าวมาทำอะไรที่ตึกของมิชลินละ ก็บีเอฟนั้นอยู่ในเครือของมิชลินไงละครับ
อันดับแรกลงทะเบียนก่อนเลย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลครับ เดินเข้ามาหาที่นั่งสายตาเหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยกันหลายคนไม่ว่าจะเป็นพี่พิชัยที่จัดรายการกับอาหมู( คุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา )ในวันพฤหัสบดี พี่อธิติและพี่โด่งแห่งคาร์ออลสไตล์ ทั้งยังไปเจอรุ่นน้องสมัยเรียนที่ไม่เจอกันหลายปีเข้าอีก งานนี้เลย ฮาครับ แอบคิดว่าจะไม่เจอใครเลย เฮ้อ
ฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์ครับ ซึ่งผมจะไม่พูดถึงนะครับคงจะแทรกในระหว่างทดลองนะครับ นั่งฟังกันไปเรื่อยเรื่อย ระหว่างรอเพื่อนร่วมทริปจะเดินทางมาถึง วันนั้นนี่รถค่อนข้างติดครับเลยมีเพื่อนมาช้ากันหน่อยรวมทั้งผมด้วย แอบเซ็งครับออกตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า คาดการณ์ผิดนิดหน่อยนึกว่ารถไม่ติดเท่าไรเลยไม่ได้ขึ้นรถไฟฟ้า ติดไปสองชั่วโมงเต็มเต็มครับ โดนค่ารถไปเกือบสองร้อย โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เอาอีกหยิบกล้องมาจะถ่ายรูปดันลืมเอาถ่านกับที่ชาร์จมาอีก ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปซื้อเอาก็ได้ บอกก่อนนะครับรูปช่วงแรกนี่ของทางทีมงานนะครับ
ระหว่างรอลงลิฟต์มาเพื่อที่จะไปขึ้นรถบัสไปทำกิจกรรมแรก ลองทายกันดูซิครับว่าเราจะไปทำอะไรกันก่อน ทายกันดูเล่นเล่นครับไม่มีอะไรให้นอกจากภาพถ่าย เอ้า บอกให้ก็ได้ไปกินข้าวเที่ยงกันครับ ไปกินกันที่ร้านแดงอาหารทะเล สิบโมงกว่าเราเดินทางออกจากกรุงเทพไปถึงร้านประมาณก่อนเที่ยงเล็กน้อย ร้านแดงนี่ผมเคยไปกินมานานมากแล้วไม่ได้ไปอีกเลยมาคราวนี้งงเล็กน้อยเพราะไม่ใช่ร้านเดิมที่เคยไปกิน ร้านนี้อยู่ทางเข้าดอนหอยหลอด เลยทราบความมาได้ว่าร้านเก่านั้นให้น้องสาวทำ เจ๊แดงนั้นจะมาอยู่ที่ร้านใหม่แห่งนี้ เดินเข้ามาก็มีนี่เลยครับ
หลังจากนั้นนั้นครับสิ่งที่เหลืออยู่ ไม่รู้ว่าหิวหรืออร่อยกันแน่ตามภาพเลยครับ
เติมพลังกันแล้วมุ่งหน้าสู่ภารกิจแรกประจำวันที่บึงปรีดา ซึ่งอยู่เกือบถึงแก่งกระจาน ที่นี่เราจะทำกิจกรรมสองอย่างด้วยกันคือขับรถชมวิวกับการขับแบบครอสคันทรี่ มากับกับบีเอฟทั้งทีจะมาขับแบบธรรมดาได้ยังไงละครับท่าน มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เข้ามาฟังวิธีการขับขี่และเส้นทางที่จะใช้ท่านั่งต่างต่าง การจับพวงมาลัยเพื่อความปลอดภัย
วิธีการจับพวงมาลัยนั้นปกตินี่เราจะจับได้สองแบบครับ คือเอานิ้วโป้งเข้าไปอยู่ในวงพวงมาลัย หรือเอานิ้วโป้งชี้ขึ้นไปตามพวงมาลัย อธิบายยังไงดีหว่า คือกำพวงมาลัยหลวมหลวมในตำแหน่งประมาณสามนาฬิกากับหกนาฬิกา หรือสิบเอ็ดกับหนึ่งนาฬิกา อันนี้ตามสะดวกครับ แล้วเอานิ้วโป้งนี่เกี่ยวเข้าไปในวงพวงมาลัย เออกว่าจะคิดได้กับเอานิ้วโป้งวางขนานพวงมาลัย สำหรับการขับแบบออฟโรดนั้นแนะนำครับ ให้ทำแบบหลัง เพราะการขับแบบออฟโรดนั้นเราจะไม่รู้เลยว่าสถาพถนนเป็นแบบไหน หลุมบ่อลึกเท่าไร เวลาขับแล้วตกหลุมเกิดพวงมาลัยตีกลับมาเนี่ยกระดูกนิ้วจะหักได้นะครับท่าน ส่วนท่านั่งนั้นอย่างที่ผมพูดบอกหลายครั้ง ทั้งในนี้และรายการวิทยุว่า นั่งแล้วระยะห่างระหว่างพวงมาลัยนั้นแขนต้องไม่ตึงเกินไป ข้อศอกเมื่อจับพวงมาลัยแล้วต้องงอได้ ช่วงขานั้นก็ไม่ต้องห่างจากแป้นเบรกมาก ขาไม่ตึงให้มีแรงเหยียบเบรคหรือจะพูดว่ากระทืบเบรคได้ในกรณีฉุกเฉิน เอาละครับไปลองขับกันเลยดีกว่า ก่อนขับตามเคยครับแชะแชะกันก่อน
รถที่เราได้ขับในคันแรกเนี่ย เป็นโตโยต้าวีโก้สี่ประตูตัวท็อป ขับสี่ล้อ มีระบบวีเอสซีและทีอาร์ซีพร้อมครับ แน่นอนครับยางที่ใช้นั้นเป็น BFGoodrich Long Trail T/A Tour เส้นทางที่ใช้นั้นเราต้องขับขึ้นเขา ที่ใช้เกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อโดยเข้าที่โฟว์ไฮท์ สภาพถนนไม่ซิครับไม่น่าจะเรียกว่าถนนได้ มีทั้งลูกรัง กรวด ฝุ่น หญ้า ทางที่เป็นหินคมเพราะที่นี่เคยเป็นเหมืองเก่ามีการตักหน้าดินและหินไปขาย
เราขับตามกันเป็นขบวนไป ความรู้สึกที่ได้รับแม้ว่าจะเป็นทางหินกรวดแต่รถนั้นยังให้รู้สึกถึงความนุ่มอยู่บ้าง เป็นเพราะแก้มยางและไหล่ยางนั้นมีการออกแบบให้มีความทนทานสูง ลายดอกยางที่ทำให้การยึดเกาะนั้นจัดยางในขั้นดีทีเดียวเราขับกันผ่านทางที่คดเคี้ยวเล็กแคบ ฝนก็ทำท่าทำทางว่าจะตกคือมืดมากแต่ยังไม่ตกจนมาถึงยอดเขาแวะถ่ายรูป พักผ่อนยืดเส้นสายกันเล็กน้อย หาอะไรเย็นเย็นทานนั้นก็คือไอศครีม
แม้ว่ายี่ห้อนี้จะอร่อยแค่ไหนก็ตาม แต่จะบอกว่าแข็งมาก ขนาดบางท่านใช้เวลาลงมาจากเขาซึ่งวิ่งไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงลงมาเปลี่ยนจุดข้างล่างแล้ว ยังละลายไม่หมดเลยอย่างไม่น่าเชื่อ เราขับรถลงมาบริเวณเหมืองเก่าซึ่งมีหินที่แหลมคมเจ้ายางตัวนี้ยังพาเราผ่านได้แบบสบายสบาย
ผ่านเหมืองเก่ามา กลับมารวมกันที่จุดนัดพบ เพื่อที่เราจะไปทำกิจกรรมต่อ นั้นคือการขับขี่แบบครอสคันทรี่ ไม่ธรรมดาอีกเหมือนกันครับ จะให้ธรรมดาแบบพื้นพื้นได้ไง อย่าลืมว่าเรามากับใคร บีเอฟเอารถแข่งจริงมาให้ลองเลย ก่อนอื่นเข้ามาฟังเส้นทางกันก่อน เสร็จแล้วก็แจกอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
ผมไม่เคยขับรถประเภทนี้มาก่อนเลย กว่าจะเข้าจะออกยากลำบากทีเดียวเพราะในรถได้มีการติดตั้งโรลบาร์และอุปกรณ์หลายอย่างที่เบาะ ที่นั่งพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบห้าจุด การขับขี่นั้นให้ขับกันคนละสองรอบ รอบแรกผมทำความคุ้นเคยกับรถและเส้นทางก่อน รอบที่สองนี่พอเริ่มคล่องก็หมดรอบแล้ว สนุกทีเดียวครับ นี่ถ้าใช้ยางแบบทั่วไปมีหวังหลุดออกแทร็คได้เหมือนกันถ้าใส่มาเต็มเต็ม
ขับกันครบทุกคนแล้ว ที่นี้ก็เป็นโชว์ครับ โดยนักขับมืออาชีพคือคุณ Akira Kano และคุณราชัน ไตรรัตน์ โดยมีผู้โชคดีขึ้นไปนั่งด้วยซึ่งเป็นการขับรอบใหญ่ทีเดียว คนที่ขึ้นไปนั่งบอกว่าสนุกมาก ส่วนผมนั้นสละสิทธิ์ให้ท่านอื่นครับ เพราะยังมีโอกาสอีกมาก ให้ท่านอื่นดีกว่า
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมที่บึงปรีดาแล้ว เรามุ่งหน้าไปสู่ที่พักในค่ำคืนนี้ที่ แฮฟเวน รีสอร์ท อยู่ก่อนถึงสนามบินหัวหิน เราขับรถกันไปคันเดิมครับ โตโยต้าวีโก้สี่ประตูเกียร์ออโต้ ระยะทางไกลพอตัว เป็นการทดสอบเรื่องเสียง การยึดเกาะถนน ความนุ่มนวล การบังคับเลี้ยว การวิ่งบนถนนทั่วไป เรื่องเสียงนั้นต้องยอมรับกันก่อน ยางประเภทนี้เสียงนี่ดังสนั่นเลยเรียกได้ว่าเสียงยางมาก่อนเห็นรถอีก แต่ BFGoodrich Long Trail T/A Tour นั้นทำได้ดีแม้จะไม่ถึงกับเงียบเลย อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้แม้จะใช้ความเร็วสูงก็ตาม ความนุ่มนั้นยางทำหน้าซับแรงได้ดี การกระเทือนมีเล็กน้อย การควบคุมก็ทำได้ดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ขับไปพักใหญ่ก็ไปถึงที่พักแล้วครับ
สวยงามทีเดียวเอากระเป๋าข้าวของไปเก็บ ล้างหน้าล้างตากันเล็กน้อยแล้วไปทำภารกิจที่ทุกคนรอคอย อาหารเย็นที่ร้านอาหารอยู่เย็น ไม่ต้องรอเรียก ถึงโต๊ะแล้วจัดการเลย กินกันเสร็จแล้วก็เดินทางไปยังตลาดหัวหิน สีสันของที่นี่เลยเดี๋ยวจะว่าเรามาไม่ถึง
เดินตลาดกันเรียบร้อยเป็นอันเสร็จสิ้นไปในวันแรก
วันที่สอง เจ็ดแปดเก้าครับ นัดหมายกัน ก่อนแยกย้ายไปนอนเมื่อคืนนี้ ตื่นมาอาบน้ำแล้วลงมากินอาหารเช้าอาหารแม้จะไม่อลังการแต่รสชาตินี่ใช้ได้ครับ ยกเว้นแต่กาแฟรับไม่ได้อย่างแรง หรืออาจเป็นเพราะได้ไปดื่มที่บ้านอาหมูบ่อยเกินไป ไปที่ไรไม่มีพลาด
รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมแรกประจำวันมาเลย รับสติกเกอร์มานำไปตกแต่งรถ โดยแต่ละทีมไอเดียบรรเจิดมาก มีอะไรเต็มที่เลย ตกแต่งกันแล้วมุ่งหน้ายังเขากะโหลก โดยคราวนี้ได้รถฟอร์จูนเนอร์ ขับไปทางถนนเพชรเกษมต่อเนื่องไปยังปากน้ำปราณ ช่วงนี้ยังไม่เท่าไร แต่จากปากน้ำปราณไปเขากะโหลกนี่ ทางธรรมดาไปไม่ได้ต้องพาเราเข้าไปยังไร่สับปะรดครับ ขับตะลุยมาเรื่อยจนไปถึงชายหาดเขากะโหลก เราจะมาขับกันบนพื้นทรายบริเวณชายหาดครับ ไม่ผิดครับอ่านไม่ผิด ขับบนพื้นทรายครับ
การขับขี่บนพื้นทรายนั้นผมยังไม่เคย ออกจะตื่นเต้นเล็กน้อยถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับครั้งนี้เลย การขับขี่นั้น เขาแนะนำการต้องใช้คันเร่งให้เหมาะสมพอดี ไม่เติมมากๆไปหรือน้อยไป เพราะถ้ามากไปยางมันจะตะกุยทรายจนทำให้ติดหล่มได้แต่ ถ้าเหยียบน้อยไปก็จะไม่ไปเพราะแรงไม่พอครับ ถือเป็นการเพิ่มทักษะในการขับขี่อีก อีกอย่างครับลมยางนี่ต้องปล่อยออกด้วยไม่งั้นแล้ววิ่งไม่ได้เช่นเดียวกัน
ว่าแล้วไปลองเลยดีกว่า เช่นเดิมครับขับกันคนละสองรอบ รอบแรกดูเส้นทางกันก่อน การขับนี่แค่ประคองพวงมาลัยโดยที่แทบจะไม่ต้องบังคับอะไรเลย ในทางตรงเพราะมันมีไลน์หรือรอยทรายซึ่งเป็นร่องอยู่แล้วพอหลังจากทางตรงก็มีการขับแบบสลาลอมเข้ามา หลุดจากสลาลอมก็มีหลุมและเนินดักก่อนเข้าที่จอด รอบสองนี่คุ้นเคยกันแล้วก็เติมคันเร่งเพิ่มความเร็วเข้าไปอีก สนุกดีครับ พอครบหมดทุกคนแล้วทีนี้แหละครับท่าน เขาให้พวกเราแข่งกันทำเวลาคันละสองแต่ไม่ขับแบบเดิมครับ มีเพิ่มการถอยหลังเข้าซองอีก โอ้ไม่พอครับชนกรวยนี้ปรับแพ้เลยไม่มีบวกเวลา โหดดีจัง
เวลาที่ได้นั้นถือว่าดีครับสำหรับทีมเรา ขึ้นอันดับหนึ่งในกลุ่ม แต่พอรวมทุกทีมแล้วไปอยู่อันดับสาม น่าเสียดายครับ
เสร็จจากขับบนทรายแล้วเราไปขับรถเอทีวีต่อ กิจกรรมสนุกสนุกอีกอย่างก่อนรับประทานอาหารเที่ยงกัน
เมื่อกิจกรรมในช่วงเช้าทั้งสองกลุ่มเสร็จ เรามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารสุนีย์
เสร็จจากอาหารเที่ยงกันแล้ว เรามุ่งหน้าไปยังศาลกรมหลวงชุมพรฯเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันก่อน
ไหว้พระกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว มาถึงกิจกรรมต่อไปกันเลย นั้นคือการแข่งขันแรลลี่กลับสู่โรงแรมที่พัก ไม่ใช่ในแบบธรรมดาแน่แน่ครับ แจกแผนที่ อธิบาย กฏ ระเบียบ กติกา กันก่อนปล่อยตัว
ระหว่างการแข่งขันหานั้นจะมีจุดเช็คเวลาสามจุด และยังมีเกมเล่นระหว่างทางด้วย สนุกสนานแก่ทุกทีมเป็นอย่างมาก
เส้นทางนั้นมีทั้งออฟโรดและออนโรด แต่ละทีมช่วยกันหาอาร์ซีกันอย่างสนุก แม้บางช่วงจะมีการขับหลงกันไปบ้าง แต่ไม่มีการต่อว่ากันแต่อย่างไร จะเรียกได้ว่าแข่งเอาฮาก็ไม่ผิดนัก
จนแล้วจนรอดเราก็กลับมายังโรงแรมที่พักได้อย่างสวัสดิภาพ แยกย้ายกันพักผ่อนก่อนที่จะร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนั้นบรรยากาศภายในงานนั้นเป็นแบบกันเองสนุกสนาน พร้อมการขับกล่อมจากวง แสงระวี ที่ร้องเพลงแนวบอสซิโนว่า
แล้วก็มีการมอบรางวัลจากกิจกรรมต่างต่างที่มีการจัดแข็งขันขึ้น ทีมของเรานั้นได้รับรางวัลโฟโต้คอนเทส บอกก่อนนะครับไม่ใช่ฝีมือผม ผมอาศัยเขาครับเพราะผมเป็นพลขับครับ
และแล้วงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราครับ เสร็จงานเลี้ยงแล้วเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางกลับกันในวันรุ่งขึ้นและแล้ววันสุดท้ายที่เราจะต้องเดินทางกลับก็มาถึง แม้ว่าจะไม่อยากกลับกันเลย แต่ด้วยภาระและหน้าที่ที่แต่ละคนนั้นต้องรับผิดชอบจำต้องกลับไปทำหน้าที่นั้น
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ได้ทำให้ได้รับมิตรภาพ ความเป็นเพื่อน ความรู้สึกดีดีที่แต่ละคนที่มีให้ ไม่ว่าจะเป็นคาร์คลับ ผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน ทีมงานของ BFGoodrichเอง คนที่จัดเส้นทางให้เราได้ขับกัน ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรเราจะได้มาเจอกันแบบนี้อีก เป็นสิ่งที่น่าจดจำสำหรับทริปนี้ ก็ความสนุกจะไม่หยุดอยู่แค่บนทางหลวงนี่ครับใช่ป่าว
รายละเอียดและข้อมูลของยาง BFGoodrich Long Trail T/A Tour
http://www.bfgoodrich-thai.com/suv/longtrailTa.jsp
เรื่องโดย; เปรมศักดิ์ เพียรพานิชย์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…