Brand: MITSUBISHI Model: Lancer
Year: 1995 Miles: 5001-20000
From: Guest

1 คุณอาครับปรกติน้ำมันเบรก น้ำมันครัทเนี่ยมีอายุการใช้งานประมาณเท่าไหร่ครับ อ่านดูจากหนังสือรถยนต์เค้าว่า2ปีถึงเปลี่ยนทีเท่ากับ5หมื่นกิโลได้ไหม แล้วเค้าว่าไม่ควรเติมน้ำมันเบรกต่างยี่ห้อกันเพราะจะทำให้ลูกยางเสื่อมไว ปัญหาของผมก็คือรถผมใช้น้ำมันเบรกมา1ปีเต็มตอนนี้มันพร่องลงไปบ้าง(ทั้งเบรกและครัท)ก็เลยอยากจะเติมให้เต็มขีดmax(จำเป็นไหม) แต่ไม่รู้ว่าของเก่าที่เติมมันของยี่ห้ออะไรและเกรดอะไรหนะสิครับ คราวก่อนเปลี่ยนพ่อเปลี่ยนให้ที่ร้านต่างจังหวัด ถ้าซื้อน้ำมันเบรกเชลล์dot3มาเติมจะมีปัญหาไหมครับ
2น้ำมันเกียร์ เฟืองท้าย รถเกียร์รรมดาอายุการใช้งานประมาณเท่าไหร่ครับ3หมื่นกิโลได้ไหมครับ
3ปรกติผมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่5-7พันกิโลแล้วเปลี่ยนกรองด้วย แต่เพื่อนบางคนบอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนหรอก1หมื่นโลค่อยเปลี่ยน คุณอาว่าไหวไหมครับ1หมื่นโล
4รถุผมวิ่งมาเกือ150000กิโลแล้วหนังสือรถบางเล่มเค้าว่า(อีกแล้ว)รถเก่าเกิน1แสนกิโลควรใช้น้ำมันเครื่องเบอร์20w50แต่ผมใช้เบอร์10w40ตลอดแหละครับ ก็เลยอยากถามความเห็นคุณอาอีกที
รบกวนถามแค่นี้แหละครับ ขอบคุณครับ


1-ครับ ผมยังเห็นด้วยกับข้อมูลที่เขาว่าไว้ คือประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี แต่จำนวนปีนี่ ผมยังไม่ค่อยคิดว่า จำเป็นเท่าไรนัก
คือปกติแล้ว สำหรับน้ำมันเบรกนั้น เรามักจะทิ้งเอาไว้หลังเติมเต็มแล้ว ไม่ต้อง Top-up อีก เนื่องจากเมื่อผ้าเบรกสึกลงไป น้ำมันจะลดระดับลง ทำให้เราเห็นได้ง่ายว่า ขณะนี้ผ้าเบรกสึกลงไปมากน้อยเพียงไร หากเปลี่ยนตามระยะเวลา 2 ปี โดยยังไม่ถึง 50,000 กิโลเมตร ก็อาจจะไม่ทราบเลยว่า ผ้าเบรกสึกลงไปหรือไม่ พูดอย่างนี้ คงเข้าใจ
ทีนี้ ปกติอีกเหมือนกัน ที่ผ้าเบรกมักจะอยู่ทนนานไม่น่าจะเกิน 40,000 กิโลเมตรไปเท่าไรนัก โดยเฉพาะรถที่ใช้ในเมือง ที่การจราจรบังคับให้ต้องเบรกกันบ่อย หลายชุด 20,000 กว่ากิโลเมตรก็หมดแล้ว ผมจึงเห็นว่า หากจะยืดระยะออกไปถึง 3 ปีหรือ 50,000 กิโลเมตร หรือผ้าเบรกหมดครั้งหนึ่ง ก็เปลี่ยนกันที แล้วแต่อย่างไหนจะถึงก่อน น่าจะดีที่สุด
ที่ผมยังให้เปลี่ยนที่ห้าหมื่นหรือสามปี ก็เพราะบ้านเรานั้น บรรยากาศค่อนข้างชื้น ดังนั้น โอกาสที่น้ำมันเบรกจะชื้น มีน้ำเข้าไปผสมอยู่ จึงเป็นได้สูงกว่าแถบประเทศผู้ผลิตน้ำมันเบรกทั่วไป แม้ว่า ขณะนี้ น้ำมันเบรกก็พัฒนาขึ้นมาอยู่ในมาตรฐานสูงกว่าเดิมแล้ว แค่นั้นเอง
น้ำมันเบรกลดลง ยังไม่ต้องเติมหรอกครับ หากเป็นการลดลงแบบปกติ
น้ำมันคลัทช์ระดับลดลง ควรเติม และควรใช้น้ำมันยี่ห้อเดิม ชนิดเดิม หากไม่ทราบ ผมแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ไปเลย กระป๋องละไม่เท่าไร ปัจจุบัน เรามีถึง Dot 4 และ 5 ใช้กันแล้วไม่ใช่หรือ ควรจะใช้ Dot 4 ครับ เพราะ Dot 5 ดูเหมือนจะสำหรับรถแข่ง ไม่จำเป็นสำหรับรถใช้งานอย่างเราหรอก นี่จำได้คลับคล้ายคลับคลานะครับ ขี้เกียจลุกไปเปิดตำราอ่านอีกครั้ง อย่าเพิ่งเชื่อผมนัก เอาเป็นว่า ใช้ DOT 4 ก็แล้วกันครับ ยี่ห้อไหนก็ได้ หาซื้อไว้ใช้สักกระป๋อง ยังไม่ต้องเติมน้ำมันเบรกหรอก ผิดท่านัก ก็ค่อยเปลี่ยนไปใหม่ ใช้อย่างที่เรารู้จักเลยดีกว่าครับ
2-ผู้คนในประเทศเรายังถือว่า ประมาณ 20,000 ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และเฟืองท้ายแล้ว แต่ผมกลับเห็นว่า ขณะนี้เรามีถึง GL-5 สูงกว่า GL-1 หรือ 2 และ 3 ที่เคยใช้กันมาตั้งแยะ จึงเห็นด้วยกับคุณ คือสักสามหมื่นก็น่าจะได้ และที่จริง ผมว่า ผมเปลี่ยนที่ห้าหมื่นกิโลเมตรไปเลยดีกว่า
ผมเลือกใช้ของวาโวลีนครับ เงียบดีกว่าอย่างอื่น
3-ผมพูดมานานหนักหนา ดูเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว และก็บอกเรื่อยมา ว่าน้ำมันเครื่อง ระดับ SJ ที่มีขายมาตั้งแต่ปีนั้น ควรจะใช้งานไม่น้อยกว่าหมื่นกิโลเมตร โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นน้ำมันซินเทค หรือสังเคราะห์หรือไม่ น้ำมันเครื่องธรรมดาก็ใช้ได้ เพราะเขาใช้กันทั่วโลก มีเมืองไทยนี่แหละ ที่ใช้กันเปลืองมาก
แล้วผมก็โดนด่ายับเยินจากพวกหัวเก่า กล่าวหาว่าผมเป็นดอนกีโฮเต้หลงยุคบ้าง เป็นไดโนเสาร์ บ้าง เต่าล้านปีบ้าง ทั้งทั้งที่ผมแนะนำใหม่ ใหม่กว่าพวกเขาที่ยังแนะนำให้เปลี่ยนทุกสามพันห้าพันกิโลเมตรทั้งนั้น
จนในบัดนี้ บริษัทรถยนต์คงทนไม่ไหว ต้องออกมาบอกว่า ให้ใช้ถึงหมื่นกิโลเมตรก่อน แล้วค่อยเปลี่ยน ทั้งที่เป็นน้ำมันเกรดเดียวกับที่ผมแนะนำมาตั้งแต่ปี 1994 โน่นแล้ว
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์นะครับ ที่บอก บริษัทน้ำมันเครื่องก็มีบางจากนี่แหละ ที่ออกมาบอก ให้เปลี่ยนน้ำมันซินเทคที่สูงถึงสามหมื่นหรือห้าหมื่นกิโลเมตร
แล้วที่นี้ ใครผิดละครับ
ไม่มีหรอก ใครผิดน่ะ
แต่ใครละ ที่เป็นดอนกีโฮเต้หลงยุค ใครที่เป็นไดโนเสาร์ หรือเต่าล้านปี
แน่นอน ไม่ใช่ผม
4-หากรถของคุณ ยังไม่กินน้ำมันเครื่องแบบเผาไหม้หายออกไปแล้วละก็ ผมแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องระดับ 10 หรือ 5W-30 น่าจะเหมาะกว่า สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยกว่า ลื่นกว่า ใช้ได้ทนทานเหมือนกัน ไม่เห็นจะต้องใช้เบอร์ 40 แบบเก่าล้าสมัยไปเลย
ยิ่ง 50 ยิ่งแล้วใหญ๋
เพราะน้ำมันเครื่องข้นมาก จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติครับ-ธเนศร์

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts