“อนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังมีความไม่แน่นอน ไม่สามารถคาดเดาได้” อูชิดะ ระบุ หลังผู้สื่อข่าวขอให้ประเมินสถานการณ์ หรือเป้าหมายในการดำเนินงานในปีงบประมาณหน้า พร้อมระบุว่า จะแถลงให้ทราบอีกครั้ง
แผนการฟื้นฟูนิสสัน คือการลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการบริหารงานเพื่อให้สามารถกลับมาทำกำไรให้ได้ หลังจากปีงบประมาณที่ผ่านมา 2019-2020 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ขาดทุนไปถึง 671.2 พันล้านเยน ราว 194 พันล้านบาท
อูชิดะ ระบุว่า นิสสัน จะยังคงดำเนินการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า ลีฟ, รถสปอร์ต ยูติลิตี้ เอ็กซ์-เทรล และรถระดับหรู อินฟินิตี้ ต่อไป ซึ่งถือเป็นสินค้าหลักของบริษัท และจะลดจำนวนรุ่นของรถยนต์ลง โดยเจาะจงตลาดเป้าหมาย อาทิ ญี่ปุ่น, จีน และ สหรัฐอเมริกา เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำกำไรได้
“เรายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต แต่จะก้าวเข้าไปหาอนาคต ในวิธีการที่ถูกต้อง โดยปราศจากความพรั่นพรึง” อูชิดะ กล่าว
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสเปน ก็ร้องขอให้ นิสสัน พิจารณาแผนงานปิดโรงงานในบาร์เซโลน่า อีกครั้ง พร้อมระบุว่า จะทำให้มีผู้ตกงานทันทีถึง 3,000 ตำแหน่ง รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกราว 20,000 คน และทำให้บรรดาพนักงานที่โกรธแค้น ทำการประท้วงดวยการนำยางมาจุดไฟเผาบริเวณหน้าโรงงาน
และในวันพฤหัสบดี พันธมิตรของนิสสัน คือ เรโนลต์ และ มิตซูบิชิ ก็ประกาศแผนงานที่จะร่วมมือกันในการจัดซื้อ, พัฒนา และเทคโนโลยี เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น
การบริหารงานในปีงบประมาณ 2019-2020 เป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ ในรอบ 11 ปี ของ นิสสัน โดยสามารถขายรถยนต์ในปีงบประมาณได้ลดลง 15% คิดเป็นเงินเพียง 9.9 ล้านล้านเยน ราว 2 ล้านล้านบาท เท่านั้น