นิสสัน ท้าพิสูจน์ นาวาราใหม่ พร้อมสัมผัส เอ็กซ์เทรล 2.0 V ใหม่


เป็นอีกทริปที่ผมต้องฉายเดี่ยว โดยไร้เพื่อนซี้อย่างคุณโจ้ เปรมศักดิ์ ดีนะที่มีนักข่าวสายรถยนต์อีกหนึ่งท่านที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงเป็นทริปที่ไปโดยไม่รู้จักใครเลย

ทริปนี้ เป็นทริปที่ทางนิสสันต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆให้มากขึ้น โดยเชิญตัวแทนจากทั้ง X-Trail Club, Navara club และผู้สื่อข่าวแนวไลฟ์สไตล์ต่างๆ เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วย


โดยรถที่ใช้ในการทดสอบในครั้งนี้ก็จะเป็น นิสสัน นาวารา ใหม่ ที่แต่งหน้าทาปากซะใหม่ทั้งภายในและภายนอก พร้อมทั้งติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูส คอนโทรล ไว้ทั้งในระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ส่วนอีกรุ่นก็คือ นิสสัน เอ็กซ์เทรล 2.0 V ใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0ลิตร พร้อมระบบส่งกำลังแบบ Xtronic CVT


เมื่อฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และเส้นทางที่จะใช้ในการทดสอบในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมที่จะเดินทางแล้วครับ โดยเส้นทางจะเริ่มตั้งแต่หน้าตึกนันทวัน บนถนนราชดำรินั้นแหละครับ มุ่งหน้าพระราม 4 แล้วก็ขึ้นทางด่วนไปยังดาวคะนอง เส้นทางช่วงนี้ รถมากจริงๆครับ ก็เลยยังไม่ค่อยจะเป็นขบวนกันสักเท่าไหร่


จริงๆนิสสัน นาวารา ผมเองก็เคยได้ลองขับมาแล้วและได้ทำรีวิวไว้แล้วที่ http://www.caronline.net/ArticleDetail.aspx?ArticleID=428&dshow=all มาคราวนี้จะแตกต่างกันก็ที่อุปกรณ์ต่างๆที่เปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อยเท่านั้น เช่นมีราวหลังคาสปอร์ต ไฟเลี้ยวด้านข้าง จากเดิมที่จะติดอยู่ที่แก้มของรถ ก็เอาขึ้นมาไว้ที่กระจกมองข้างแบบโครเมี่ยมซะ เพิ่มระบบกันขโมยมากขึ้น และก็เครื่องเสียงแบบ 2DIN ที่รองรับ MP3 ได้ด้วย พร้อมช่องเสียบอุปกรณ์ต่อพ่วงมาให้เรียบร้อย วันแรกผมก็แค่ได้แต่นั่งสังเกตการณ์เพียงเท่านั้น


นาวาราที่ผมกับรุ่นพี่อีกคนได้รับมานั้น เป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร คอมมอนเรล 4 สูบ 16 วาล์ว VN Turbo เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังแรงม้า 144 แรงม้า ที่ 4,000รอบ/นาที เกียร์ธรรมดา 6 สปีดครับ


จากที่ได้ลองขับมาแล้ว ในครั้งก่อนที่เป็นเกียร์ออโต้ คราวนี้เป็นเกียร์ธรรมดา สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ก็คงจะเป็นเรื่องอัตราเร่ง ที่เกียร์ธรรมดา ทำได้ดีกว่า รีดกำลังออกมาได้ค่อนข้างที่จะดีกว่า ถึงแม้รอบจะหมดไปเร็วสักหน่อย ก็เลยต้องเปลี่ยนเกียร์เร็วขึ้น แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ถึงแม้จะมีถึง 6 เกียร์ เมื่ออยู่ที่เกียร์ 6 ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ความเร็วรอบอยู่ที่ 2,100 รอบ/นาที รอบสูงขนาดนี้ มีผลกับอัตราสิ้นเปลืองแน่นอนครับ


เมื่อลงทางด่วนที่ดาวคะนองแล้วนั้น ก็ใช้เส้นทางถนน ธนบุรี-ปากท่อ จนถึง กม. 71 ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 2021 ผ่าน สภ.อ.ยี่สาร เลี้ยวซ้ายเข้า บางตะบูน และแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ ครัวบางตะบูน ซึ่งเป็นร้านริมน้ำ บรรยากาศดี รสชาติใช้ได้เลยทีเดียวครับ


หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันต่อไปที่ไร่องุ่น Hua Hin Hills Vineyard กันครับ โดยเส้นทางที่ใช้เป็นเส้นทางที่ลัดเลาะกลับเข้าสู่ถนนเพชรเกษม ช่วงนี้ถนนก็ไม่ได้เรียบอะไรมากนัก แถมยังเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวอีกต่างหาก ก็เลยได้ทดสอบช่วงล่างไปในตัว


จากที่เคยลองขับมาแล้วในครั้งก่อน พอไมเนอร์เชนท์ช่วงล่างก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร ยังคงใช้ช่วงล่างแบบเดิมที่ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่สองชั้น พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อน พร้อมโช้คอัพไขว้ ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากครั้งก่อน นั้นคือกระแทกกระทั้นช่วงล่างและช่วงท้องของผมพอควรครับ คราวนี้ไม่ได้ตรวจดูลมยางเหมือนคราวก่อนด้วย แต่พอมีผู้โดยสารมาเพิ่ม ความกระด้างก็ลดลงอย่างรู้สึกได้ครับ


ช่วงก่อนเข้าไปชมไร่องุ่นก็ต้องใช้ทางเลี่ยงเมืองหัวหิน ช่วงนี้ก็ได้ลองระบบ ครูส คอนโทรล หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ในเกียร์ธรรมดา 6 สปีดซะหน่อย จริงๆการทำงานมันก็เหมือนครูส คอนโทรล ทั่วๆไปนั้นแหละครับ เพียงแต่ว่า ระบบจะไม่เปลี่ยนเกียร์ให้เราเองหากต้องการความเร็วที่สูงขึ้นเหมือนในเกียร์ออโต้ เมื่อเราจะเปลี่ยนเกียร์ก็ต้องเหยียบคลัทช์ ระบบครูส คอนโทรลก็จะปิดตัวเองโดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับการเหยียบเบรกของเกียร์ออโต้ ระบบก็จะปิดตัวเองเช่นกัน


หลังจากเยี่ยมชมบรรยากาศไร่องุ่น Hua Hin Hills ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเข้าที่พักกันแล้วครับ โดยที่พักสำหรับทริปก็คือ YaiYa (ยายย่า)หัวหิน ครับ อยู่ติดกับ เชอราตันนั่นแหละครับ หากจะมาก็มองหาป้าย เชอราตัน แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยก่อนถึงทางเข้าเชอราตันครับ ห้องพักที่นี่สวยแบบเรียบง่ายครับ มีทั้งห้องพักที่เป็นตึก และเป็นวิลล่า ส่วนราคานี่ก็ เงินเดือนน้อยๆอย่างผมก็คงพักได้แค่คืนเดียวแหละครับ


หลังจากเช็คอินและเก็บของเข้าที่พักกันเป็นที่เรียบร้อย ก็พร้อมสำหรับอาหารเย็นกันครับ โดยร้านที่เราจะไปกันนั้นก็คือ ร้านลุงบังหัวปลาหม้อไฟ ครับ เป็นร้านเล็กๆอยู่ภายในซอยหัวหิน 51 ครับ เข้าซอยมาประมาณ 100เมตร ร้านก็จะอยู่ซ้ายมือครับ


หลังจากรับประทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยัง “เพลินวาน” นับเป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ได้มาเหยียบที่นี่….


เพลินวาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของคนที่มาเที่ยวหัวหินไปแล้วครับ เพราะถ้าหาก อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปก็คงจะได้รำลึกความหลังกันได้ไม่มากก็น้อยครับ และการมาเยี่ยมชมในครั้งนี้ก็เป็นวันที่ “เพลินวาน” เปิดให้บริการครบ 1 ปีพอดิบพอดี ก็เลยมีภาพจากมินิคอนเสิร์ตของศิลปินต่างๆมาฝากกันด้วยครับ


เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย 11โมงก็ได้เวลาล้อหมุนกลับกทม.กันแล้วครับ สำหรับวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของผมในทริปนี้ก็ว่าได้ครับ เพราะจะได้ทดลองขับ เอ็กซ์เทรล 2.0 V ใหม่ของนิสสันเค้าครับ


นิสสัน เอ็กซ์เทรล 2.0 V ใหม่ก็เป็นตัวที่ไมเนอร์เชนต์มาจากตัวเดิมอีกเช่นกันครับ ที่เห็นชัดๆก็คงจะเป็นไฟหน้า ที่เปลี่ยนจากแบบฮาโลเจน มาเป็นแบบ Bi-Xenon และ Projector Lens พร้อมระบบทำความสะอาดไฟหน้า


เมื่อพูดถึงไฟหน้าแบบ Xenon แล้วก็เกิดอาการคันปากขึ้นมาเลยครับ เมื่อก่อนไฟซีนอน มักจะมีการติดตั้งกันในเฉพาะ รถยนต์หรูๆแพงๆ แต่ปัจจุบัน ซีนอน หรือ HID แทบจะมีติดตั้งกันในเกือบทุกยี่ห้อของรถที่มีขายกันในประเทศแล้วครับ หรือหากรถที่ซื้อมาไม่มี ก็สามารถซื้อมาติดตั้งกับชุดไฟแบบเดิมๆของรถคันนั้นๆได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แต่การติดตั้งเองนั้น ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วยนะครับ เพราะหากเป็นชุดที่ไม่ได้มีตัวบังหลอด หรือบังแสงแล้วนั้น เมื่อนำมาติดตั้งกับโคมเดิมๆที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อไฟซีนอน แสงที่ออกมาจะฟุ้ง ไม่ได้ออกมาเป็นลำแสง ทำให้ไปแยงตากับรถที่สวนมา หรือรถคันหน้าได้ครับ อีกข้อที่อยากจะให้คำนึงกัน สำหรับคนที่ซื้อมาติดตั้งเอง เนื่องจากไฟซีนอนดังกล่าว สามารถเลือกสีที่ออกมาได้ หรือจะเรียกให้ถูก ก็ต้องบอกว่าเลือกค่าอุณหภูมิของสี ที่มีหน่วยเป็นเควินได้ สีที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆในเวลากลางคืนได้ดีที่สุดก็คงจะอยู่ที่ประมาณ 5,000k-8,000k นะครับ หากมากหรือน้อยกว่านี้ อาจจะทำให้ทัศนวิสัยลดลงแทนที่จะดีขึ้นได้ครับ


กลับมาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า นิสสัน เอ็กซ์เทรล จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกกันว่า SUV หรือ Sport Utility Vehicle นั่นหมายถึงรถยนต์อเนกประสงค์ สมรรถนะสูง เอ็กซ์เทรล เป็นรถอเนกประสงค์แน่ๆครับ แต่สมรรถนะไม่ได้สูงมากอย่างที่ได้ชื่อมาครับ เพราะด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0L (MR20DE) 136 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที พร้อมด้วยระบบส่งกำลังแบบ Xtronic CVT เหมือนรถหรูอย่างเทียน่า ที่จะต้องแบกน้ำหนักของตัวถังขนาดนี้ ทำให้อัตราเร่ง ไม่ได้ปรูดปราดอะไรมากนัก


ภายนอกออกแบบดูเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก แต่อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบของแต่ละคนนะครับ ไม่ขอวิจารณ์ดีกว่าครับ แต่ที่เห็นจะต้องพูดถึงก็คงเป็นภายในที่อเนกประสงค์มากๆ ทั้งช่องเก็บของต่างๆ ที่มีให้เก็บได้อย่างมากมาย ไหนจะที่วางแก้วในตอนหน้าและตอนหลังที่มีลมจากช่องแอร์มาช่วยรักษาความเย็นให้ด้วย และยังมีรูปแบบในการพับเบาะหลังที่หลากหลาย ทำให้เก็บสัมภาระได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีลิ้นชักใส่ของด้านหลังพร้อมช่องที่สามารถใส่โต๊ะแบบพับได้อีกด้วย สมชื่อจริงๆครับสำหรับ SUV คันนี้


ส่วนการขับขี่นั้น อัตราเร่งก็อย่างที่บอกมาครับ ไม่ได้ปรูดปราดมากนัก เพราะด้วยตัวถังที่ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อืดอะไร การเปลี่ยนเกียร์ก็เป็นไปอย่างราบรื่น เพราะเป็นระบบเกียร์ Xtronic CVT แต่หากจะเปลี่ยนเกียร์เองก็สามารถทำได้ โดยผลักคันเกียร์มาอยู่ในโหมด M ครับ ในโหมดนี้ก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 6 สปีดด้วยกันครับ


ช่วงล่าง หลังออกจากโรงแรมที่พักกันแล้วก็วิ่งตามเส้นทางปกติ เพื่อจะเข้ากรุงเทพ ซึ่งถนนก็ไม่ได้ขรุขระอะไรมากนัก แต่ก็พอจะมีคอสะพาน ที่ทำให้รู้สึกถึงช่วงล่างที่นิ่มนวล ซับแรงกระแทกได้ค่อนข้างดีครับ แต่ก็อาจจะเป็นที่ขากลับนั่งกันมา 4 คนด้วยกระมังครับ ส่วนการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ทำได้ดีพอควรเลยครับ หากวิ่งกันไม่เกิน 130 กม./ชม. หากมากกว่านั้นก็จะเริ่มได้ยินเสียลมบ้างแล้วครับ ที่ว่าดี ก็คงจะเป็นคำชมจากเพื่อนร่วมทางที่นั่งมาด้วยกันนั้นแหละครับ ที่เค้าจะต้องโทรศัพท์ไปจัดรายการด้วย ประมาณ20 นาทีเห็นจะได้ ความเร็วในขณะนั้นก็ประมาณ 100-120 กม./ชม.เห็นจะได้ครับ เพราะไม่เห็นเค้าบ่นอะไร ก็แสดงว่าดีแล้วแหละครับ


โดยรวมแล้ว นิสสัน เอ็กซ์เทรล 2.0 V ใหม่ ด้วยราคาค่าตัวที่ 1,140,000 บาทเป็นตัวเลือกที่แน่สนใจเลยทีเดียวครับ หากจะมองกันที่การใช้งานมากกว่ามองกันที่ภายนอกเพียงอย่างเดียว เพราะรถบางคัน สวยแต่ภายนอก แต่ภายในแย่ก็มีครับ อุปกรณ์ที่ออกแบบมาก็ใช้งานได้ไม่ค่อยดีก็มี เพราะฉะนั้นจะซื้อรถทั้งที ก็ควรมองให้รอบด้านนะครับ ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงกิจวัตรประจําวันของเราด้วยนะครับ และอีกอย่าง ควรไปลองนั่งลองขับดูด้วยนะครับ เงินเรารถเรา เราก็ต้องได้ลองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อครับ หากศูนย์ไหนไม่มีรถให้ลองก็เปลี่ยนศูนย์ครับ ยังมีอีกหลายที่ที่อยากขายรถครับ

**************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net

ภาพบางส่วนจาก นิสสัน

Facebook Comments