หลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวมาระยะหนึ่ง จากกรณีที่ค่ายมิตซูบิชิ ออกมายอมรับว่า ได้ปกปิดหรือบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการประหยัดน้ำมัน ของรถยนต์ที่ผลิตในญี่ปุ่น นับแต่ปี 2534 ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ร่วงลงอย่างหนัก และยังมองไม่เห็นทางออกว่าจะแก้ไขเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร
ล่าสุด ค่ายนิสสัน ออกมายืนยันว่า จะเข้าเป็นผู้ซื้อหุ้น 1 ใน 3 ของมิตซูบิชิ ในตลาดหลักทรัพย์ หรือ 34% มูลค่าราว 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเข้าจัดระบบการทำงานให้สอดคล้องกับปัจจุบันมากขึ้น
ที่จริง นิสสัน เองก็เกือบจะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับมิตซูบิชิ อยู่แล้ว เพราะเคยว่าจ้างให้มิตซูบิชิ ผลิตรถขนาดเล็ก หรือ เค คาร์ ในญี่ปุ่น ติดยี่ห้อนิสสัน ซึ่งแทบจะเป็นสาเหตุให้ความลับเกี่ยวกับการปกปิดหรือบิดเบือนข้อมูลอัตราการประหยัดนำ้มัน รั่วไหลออกมา เมื่อ นิสสัน พบว่า ไม่สามารถทดสอบให้ได้อัตราการประหยัดน้ำมันตามที่มิตซูบิชิ แจ้งไว้ได้ ขณะที่ นิสสัน เอง ก็ถือหุ้นอยู่ใน เรโนลต์ ผู้ผลิตจากฝรั่งเศสที่ประสบบัญหาทางการเงินอยู่ 15% เช่นกัน
หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ค ไทม์ รายงานข่าวว่า มร.โอซามุ มาซูโกะ Osamu Masuko ประธานมิตซูบิชิ ระบุว่า การควบรวมหรือซื้อหุ้นในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ ขณะที่ มร.คาร์ลอส โกสท์ Carlos Ghosn ประธานค่ายนิสสัน-เรโนลต์ ก็บอกว่า มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเข้าไปกอบกู้สถานการณ์ในครั้งนี้ ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะเคยร่วมงานกันมาก่อน อันจะช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทั้งสามค่าย เพื่อจำหน่ายในระดับโลก จะสามารถประหยัดเงินไปได้เป็นจำนวนมาก
ตามหลักการของตลาดหลักทรัพย์ ทั้งสองฝ่ายจะต้องประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัท เพื่อแจ้งการดำเนินงานในครั้งนี้ เมื่อผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัท อนุมัติให้ดำเนินการได้ การซื้อขายก็จะกระทำต่อไปทันที
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…