บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้า เต็มสูบทันที หลังเปิดตัวนาวารา คาลิเบอร์ 4 ประตูเกียร์อัตโนมัติ กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัด ทริปในการขับขี่ภายใต้ชื่อทริปว่า “Calibre Eco Driving” ซึ่งจะเน้นบทพิสูจน์แนวคิดที่ว่า Eco Power “แรงกว่า ประหยัดกว่า” โดยมีกลุ่มสื่อมวลชนหลายแขนงรวมถึงผม โอ สารฑูล สักการเวช ร่วมเดินทางบนเส้นทางกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-สัตหีบ รวมระยะทางทั้งสิ้น 242 กิโลเมตร
การเดินทาง ในครั้งนี้ออกเดินทางกันที่คริสตัล ปาร์ค อยู่เลียบทางด่วนรามอินทรา ไปทางมีนบุรีมุ่งหน้าร้านขนมเปี๊ย ตั้ง เซ่ง จั้ว ร้านขนมชื่อดังของอำเภอบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ช่วงนี้ผมเองเป็นคนขับ จะเรียกว่าโชคดีก็ว่าได้ที่ได้ขับเป็นคนแรก เนื่องจากว่าขับมาได้ไม่นานยังไม่ถึงมีนบุรีเลยด้วยซ้ำ ก็ได้ยินเสียบ่นจากคนที่นั่งด้านหลังว่า”ให้ขับดีๆหน่อย ให้หลบหลุมบ้างก็ได้ ด้านหลังกระเทือนไปหมดแล้ว ด้านหน้าไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ” ไอ้ผมที่เป็นคนขับ ก็ได้แต่ตั้งหน้า ตั้งตาขับตามรถที่อยู่ด้านหน้า เนื่องจากไม่เคยไป จ.ฉะเชิงเทรา ตามเส้นทางนี้มาก่อน ก็กลัวว่าจะหลงจากขบวน แต่จริงๆแล้วก็รู้สึกมาตั้งแต่เริ่มเดินทางแล้วว่า รู้สึกแปลกๆกับช่วงล่างของรถคันนี้ที่ดูจะแข็งและกระด้างเกินกว่าที่ควรจะเป็น จากนั้นอีกไม่นาน ก็ได้ยินเสียงบ่นมาจากวิทยุสื่อสารที่มีอยู่ประจำรถแต่ละคัน ถึงเรื่องนี้และหาสาเหตุของปัญหานี้กันเป็นการใหญ่ เรื่องแปลกก็คือ ไม่มีเสียงเจ้าหน้าที่นิสสันเลย ที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อถึงจุดจอดที่ได้ตกลงกันไว้นั้นคือ ร้านขนมเปี๊ย ตั้ง เซ่ง จั้ว เรื่องที่ถกกันนั้นก็คงไม่พ้นเรื่องช่วงล่างที่ผิดปกติ ของนิสสัน นาวารา ทั้งๆที่รุ่นก่อนหน้านี้ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยได้มีโอกาสสอบถามเรื่องนี้กับทางทีมช่างและทีมพีอาร์ของนิสสัน ได้ความว่า รถทั้งหมดที่นำมาให้สื่อมวลชนทำการทดลองขับนั้น พึ่งจะถูกส่งตรงมาจากโรงงานเมื่อคืนก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว และก็ได้รับการตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของตัวรถก่อนที่จะให้สื่อมวลชนทำการทดลองขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สื่อมวลชนหลายท่านเลยตั้งข้อสังเกตว่า รถที่พึ่งมาจากโรงงานนี่ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็เหลือเพียงเรื่องเดียว ก็คือลมยาง
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดการณ์กันไว้ หลังจากที่จอดพักรถและคนขับกันแล้ว ประมาณ 15-20 นาที ก็ได้ทำการตรวจวัดค่าของลมยาง ผลที่ได้นั้นลมยางสูงถึง 45-47 (ปอนด์/ตร.นิ้ว) ทั้งๆที่จริงควรจะประมาณ 30-35 (ปอนด์/ตร.นิ้ว)เสียด้วยซ้ำ หากไม่ได้ทำการบรรทุก ก็เป็นอันว่ารู้ถึงต้นตอของปัญหานี้ และได้ทำการแก้ไขลมยางให้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็นที่30-35 (ปอนด์/ตร.นิ้ว)
หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อ โดนที่จุดหมายต่อไปนั้น ก็จะไปรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ ไร่องุ่น Silverlake การเดินทางในช่วงนี้ ผมได้ย้ายตัวเองมาเป็นคนนั่งด้านหลัง ก็เลยได้สำรวจรถอย่างเต็มที่หน่อย
นาวารา คาลิเบอร์ รุ่นนี้เป็นรุ่นท๊อปของประเภท รถกระบะ 4 ประตูขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่ให้กำลังได้ดีพอควรในขณะวิ่งรถเปล่า แต่หากนำไปบรรทุก ก็คงต้องรอรอบหน่อย เป็นเรื่องปกติสำหรับเกียร์อัตโนมัติ
นาวารา คาลิเบอร์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ ดีเซลคอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น ขนาด 2500 ซีซี VN Turbo เทอร์โบแปรผันที่สามารถเติมน้ำมันดีเซล B5 ได้โดยให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 356 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นผลที่เกิดจาก VN Turbo ระบบเทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์
โดยครีบภายในตัวเทอร์โบนั้นจะปรับเปลี่ยนองศาด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ควบคุมปริมาณอากาศให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ ตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบสูง ให้กำลังแรงขึ้นแม้ในรอบเครื่องที่ต่ำในขณะที่ตัวรถยังไม่ได้บรรทุกอะไร แต่หากอยู่ในสภาวะที่ต้องใช้ในงานบรรทุกหนัก จากที่เคยเปลี่ยนเกียร์กันในแบบเกียร์ธรรมดา เมื่อเป็นเกียร์อัตโนมัติแล้ว ก็ต้องใช้วิธีเหยียบคันเร่งให้มากขึ้น เพื่อที่จะเรียกรอบขึ้นมาแทนการเปลี่ยนเกียร์กันในแบบเดิมๆ
รูปลักษณ์ภายนอกของนิสสันนาวารา คาลิเบอร์ 4 ประตู เกียร์อัตโนมัตินี้ ได้ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้ดูแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน โดยจัดแต่งภายนอกให้มีสไตล์เหมือนรถกระบะอ๊อฟโรดมากขึ้น ด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่เช่นเดียวกับรถนาวารารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมใส่บันไดข้าง ล้ออัลลอยด์สไตล์ออฟโรดขนาด 16 นิ้ว กระจกมองข้างโครเมี่ยมขนาดใหญ่ ที่ปรับด้วยไฟฟ้าจากภายใน ส่วนห้องโดยสารส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม ที่จะเพิ่มให้ก็คงจะเป็นเครื่องเสียง จากเดิมที่ให้มาเป็น cd เพียง 1 แผ่นก็เปลื่ยนเป็น 6แผ่น+MP3 รวมถึงเบาะจากเดิมที่เป็นเบาะผ้า ก็เปลี่ยนมาเป็นเบาะหนังโทนสีเบจ ที่ดูหรูมากขึ้น
ระบบช่วงล่าง เป็นแบบแชชซีส์ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่สองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้ ทำให้ยึดเกาะถนนได้ดีแต่ก็ไม่นุ่มนวลมากนัก ตามนิสัยของรถกระบะที่ส่วนใหญ่จะเน้นในการบรรทุกหนัก
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ จุดหมายปลายทางนั้นคือ วิหารหลวงพ่อดำ แถวๆแสมสาร เป็นกิจกรรมดีๆที่ทางนิสสันเตรียมไว้ให้ นั้นคือการปลูกปะการังกลับคืนสู่ท้องทะเล โดยมีวิทยากรจากมูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ มาให้ความรู้ และสาธิตวิธีการในการปลูกปะการังอย่างถูกวิธี
จากนั้นเดินทางกันต่อไปยังกองทัพเรือสัตหีบ
ทีแรกคิดว่าจะได้เข้าชมความยิ่งใหญ่ของเรือรบหลวงจักรีนฤเบศ ที่เปิดให้เยี่ยมชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 9.00น.-16.30น.
แต่กลับโชคไม่ดีที่เรือรบหลวงจักรีนฤเบศนั้นติดภารกิจนอกชายฝั่ง เลยได้แต่เพียงร่วมถ่ายภาพกับเรือลำอื่นเป็นที่ระลึกเท่านั้น
เมื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อพร้อมทั้งแบกความผิดหวังที่ไม่ได้เยื่ยมชมเรือรบหลวงจักรีนฤเบศมาด้วย โดยจุดหมายสุดท้ายนั้น เป็นร้านอาหารแถวๆ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ชื่อร้าน “ครัวทะเลยจันผา” ซอยทางเข้านั้นอยู่ติด ถ.สุขุมวิท ประมาณกิโลเมตรที่ 115
หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เป็น
การเสร็จสิ้นการทดลองขับในครั้งนี้ โดยการเดินทางกลับนั้น ทางนิสสันได้จัดเตรียมรถบัสพร้อมคนขับ นำขณะสื่อมวลชนเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยความปลอดภัย
**************************************************************************
สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net