ที่ชารร์จรถไฟฟ้า

ในสหรัฐอเมริกา ความนิยมของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น สถานที่ทำงานหลายแห่ง ยอมลงทุนติดตั้งที่ชาร์จสำหรับรถไฟฟ้า ในสถานที่จอดรถของสำนักงาน เพื่อบริการชาร์จรถให้พนักงาน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ระหว่างที่พนักงานนำรถมาจอด โดยมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สถานที่ทำงานติดตั้งจุดชาร์จรถเพิ่มขึ้นมากเป็นสองเท่า ขณะผลสำรวจการใช้งานของจุดชาร์จรถ มีผู้ใช้งานตลอดวันมากกว่า 90%

ยิ่งมีผู้ใช้รถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น พนักงานเหล่านั้นต่างพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการใช้รถ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่ต้องชาร์จรถยนต์ของตนเองอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น แม้ว่ากลุ่ม ปลั๊กอินอเมริกา Plug-In America ซึ่งสนับสนุนให้ผู้คนหันมาใช้รถไฟฟ้า นำเสนอในบล็อกของกลุ่ม ว่าการแก้ปัญหาด้วยการติดตั้งจุดชาร์จรถไฟฟ้า ในที่จอดรถของสถานที่ทำงาน อาจไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เพราะระบบปลั๊กสำหรับชาร์จไฟของรถแต่ละยี่ห้อ คนละระบบกัน ใช้แทนกันไม่ได้ โดยกลุ่ม ปลั๊กอินอเมริกา หวังว่า จะสามารถหาข้อสรุปพื้นฐานสำหรับบริษัท ที่จะสนับสนุนให้พนักงานเลือกใช้รถไฟฟ้าในอนาคต ด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

จุดชาร์จรถไฟฟ้า เม็ทไลฟ์ สำหรับพนักงาน ในเมืองจอห์นทาวน์ รัฐเพนซิลวาเนีย
ปลั๊กอินอเมริกา นำเสนอว่า การชักชวนให้คนใช้รถไฟฟ้า โดยเอื้อเฟื้อให้สามารถชาร์จรถได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง โดยระบุว่า รายจ่ายค่าไฟฟ้า ไม่ใช่เรื่องที่ขวางกั้นผู้ใช้รถไฟฟ้า เพราะเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายต่อระยะทางกันแล้ว ยังถูกกว่าใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั้งสองแบบ
นอกจากนั้น การนำเสนอจุดชาร์จไฟของบริษัท โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาจสร้างความต้องการเทียมขึ้นมา นำไปสู่ผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของบริษัทที่เพิ่มมากขึ้น และเสนอให้คิดค่าไฟในราคาที่สูงกว่าราคาในท้องตลาดเล็กน้อย เพื่อชักจูงให้ผู้ใช้รถ ชาร์จไฟด้วยตนเองที่บ้าน ในช่วงเวลาที่ค่าไฟฟ้าถูก จะเป็นสิ่งที่ดีกว่า

หลังคาโซล่าร์ จุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ ฟอร์ด สำนักงานใหญ่ ในเดียบอร์น, รัฐมิชิแกน
ขณะเดียวกัน อุปกรณ์ที่ติดตั้งก็ต้องได้รับการพิจารณา ว่าจะใช้ระดับแรก ระบบไฟ 120 โวลต์ หรือระดับสอง ระบบไฟ 240 โวลต์ ซึ่งหากใช้ระบบสอง ก็จะมีความยุ่งยากมากกว่าในชุมชนปกติไปบ้าง เพราะจะต้องเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมทั้งเจ้าของรถก็จะต้องเสียค่าไฟเพิ่มขึ้นอีกด้วย