หลังจากที่ได้ทดลองขับ Triton Double Cab Plus/4WD กันไปเมื่อช่วงหลังการเปิดตัวมาวันนี้ มิตซูบิชิ ได้ปล่อยTriton รุ่นย่อยอย่าง Single Cab 4WD, Mega Cab, Mega cab Plus, Double Cab, Double Cab Plus มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกันครับในครั้งนี้โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-ไทรโยค เป็นเส้นทางในการทดสอบขับกัน
เรามาเริ่มต้นงานครั้งนี้เข้าที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อฟังข้อมูลของตัวรถและเส้นทางที่เราจะใช้กันในครั้งนี้ เมื่อฟังเสร็จเราก็เริ่มออกเดินทางกันซึ่งรถที่ได้ขับคันแรกนั้นคือรุ่น Mega Cab Plus เกียร์ธรรมดา ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.4 Mivec Clean Diesel รุ่นใหม่ การเดินทางออกจากสำนักงานใหญ่ สัมผัสแรกนั้นคือ คลัทช์ แบบเดิมที่คุ้นเคยจากเมื่อครั้งก่อที่ไม่หนักมาก จึงไม่ทำให้เมื่อยล้าในการขับขี่ เดินทางด้วยความเร็วใช้งานทั่วไปอยู่ระหว่าง 100-120 กม./ชม. รอบการทำงานอยู่ที่ 1,600-2,000 ต่อนาที เมื่อเดินทางเข้ากาญจนบุรี จะพบกับเส้นทางที่มีทางขึ้นเขาและทางโค้งมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงขึ้นเขารถนั้นสามารถตอบสนองได้ดีแม้จะอยู่ในรอบเต่ำก็ไม่ต้องพะวงเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ต่ำกำลังยังเหลือ และช่วงอัตราเร่งแซงสามารถเติมคันเร่งแบบต่อเนื่องได้ทันที ซึ่งเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 4D56 Diesel Turbo Intercooler ให้สมรรถนะสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที
สำหรับรุ่น Mega Cab นั้นมาพร้อม Cab แบบเปิดได้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออก และการขนของ รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารแบบ 2 ชั้น ด้วยโครงสร้างแบบ Rise Body ด้วยโครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า Super Frame ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงสูงที่หนาถึง 2 ชั้น ไร้รอยต่อตลอดความยาวจึงช่วยป้องกันการโค้งงอและการบิดตัวเพิ่มขึ้นทำให้สามารถตอบสนองทุกสภาวะเส้นทางและรองรับน้ำหนักการบรรทุกได้เป็นอย่างดี มาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครันช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจตลอดการขับขี่
ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยสีทูโทนสปอร์ตหรูและห้องโดยสารที่เงียบด้วยเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนตลอดการเดินทาง นั่งสบายและระบบความบันเทิงครบครันทั้งหน้าจอมัลติฟังก์ชั่น, วิทยุ, เครื่องเล่น MP3, กล้องมองหลัง, ระบบนำทางและระบบปรับอากาศอัตโนมัติและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีกมากมาย
จากนั้นสลับมาขับในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ อัตราเร่งเป็นรองในรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่บ้าง ช่วงเร่งแซงต้องมีการเผื่อระยะแซงอยู่บ้างครับ ถ้าแลกกับความสบายที่ไม่ต้องมาเหยียบคลัทช์เปลี่ยนเกียร์กันบ่อยๆก็ถือว่าทดแทนกันได้ครับ
จากนั้นตามมาด้วยรุ่น Single Cab 4×4 มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS ทุกรุ่น สะดวกสบายในการขับขี่ด้วยกระจกปรับไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเล่นวิทยุ, ซีดี, MP3, ช่อง AUX รวมทั้งการออกแบบให้กระบะท้ายมีพื้นที่ใหญ่พร้อมผนังกระบะ 2 ชั้น ขอบกระบะหนาพิเศษ ซุ้มล้อขนาดเล็กเพิ่มพื้นที่การบรรทุกมากขึ้น คล่องตัวในทุกการขับขี่ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.7 เมตร(ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ) และ 5.9 เมตร (ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ขุมพลังในรุ่น Single cab (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 4D56 Diesel Turbo Intercooler ให้สมรรถนะสูงสุด 128 แรงม้า ส่วนรุ่น Single Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร VG Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที
ทางด้านช่วงล่างของในรุ่น Mega Cab Plus ทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ เซ็ทช่วงล่างออกมาในสไตล์เดียวกันคือนุ่มนวล เพราะได้รับการออกแบบใหม่ ไม่แข็งกระด้างให้ความมั่นใจตลอดการขับขี่ ซึ่งในตอนแรกที่รับรถ คิดว่าช่วงล่างน่าจะกระด้างมากกว่ารุ่น Double Cab Plus ที่เคยขับมาก่อนหน้านี้ พอมาได้ขับจริง ช่วงล่างต่างกันไม่มากนัก ซับแรงกระแทกได้ดี บึกบึน หนึบและแน่น
จากการทดลองขับ Triton ใหม่ กว่า 200 กิโลเมตร ถือว่า Mega Cab Plus สอบผ่านและประทับใจในการขับขี่เพราะให้การตอบสนองที่ดีกับการใช้งานทุกประเภทไม่ว่าคุณจะใช้งานเพื่อการบรรทุกหรือใช้ในครอบครัวก็ตาม ทั้งช่วงล่างที่เฟิร์ม ไม่มีอาการโคลง หรือโยนตัวเวลาเปลี่ยนเลน ทางด้านเครื่องยต์ที่เปลี่ยนมาเป็นขุมพลังใหม่ 2.4 ลิตร บล็อกใหม่ถือว่าเป็นจุดเด่นเลยของตลาดรถกระบะในขณะนี้ หากใครสนใจก็แวะเวียนไปเยี่อมชมได้ที่โชว์รูมใกล้บ้านท่านเลยครับ
##########################################################
บริษัท โตโยต้า …
มาเซราติ FUORIS…