หลังจากการเปิดตัวเดือนกว่าๆก็ถึงคิวทดสอบของฟอร์จูนเนอร์ใหม่ซะทีแต่คราวนี้ลงใต้เริ่มเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังจังหวัดกระบี่เราไปตั้งหลักกันที่นั้นก่อน
เมื่อถึงที่สนามบินกระบี่แล้วก็ขึ้นไปฟังสรุปของตัวรถก่อนโดยมีคุณบุญชวน วิภูษณวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ให้การต้อนรับอยู่
โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ใหม่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งรูปลักษณ์ภายนอกไม่ว่าด้านหน้าเริ่มจากกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า ไฟหน้า แถมยังมีที่ฉีดล้างโคมไฟหน้าใหม่อีกด้วย
ส่วนด้านหลังนั้นมีไฟท้ายใหม่ แผงเปิดประตูท้ายพร้อมป้ายสัญลักษณ์แบบใหม่
เมื่อฟังบรรยายพร้อมสรุปเส้นทางที่เราจะใช้นั้นจนไปถึงจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ก็คือเกาะสมุยนั้นเองครับ
เราลงยังลานจอดรถด้านล่างซึ่งได้รถหมายเลข 9 เป็นคันสีขาวมุกตัวท็อป 3.0v Navigator เครื่องยนต์รหัส 1KD-FTV แบบดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบแปรผัน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว มีความจุกระบอกสูบ 2,982 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 34.9 กก.-ม. ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ซึ่งการขับขี่นั้นแบ่งออกเป็นสามช่วงโดยช่วงแรกนั้นผมรับหน้าที่เป็นผู้โดยสาร
เมื่อก้าวขึ้นมายังห้องโดยสารนั้นก็เริ่มทำการสำรวจเบาะนั่งมีขนาดใหญ่นั่งสบายดีครับปรับเอนนอนยาวได้เลย เพียงแค่ถอนหมอนรองศีรษะออกแล้วเอนต่อไปยังแถวสองนอนยาวได้เลย
พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังชั่น แผงคอนโซลดีไซน์ใหม่ จอแบบทัชสกรีนที่พ่วงระบบนำทางและกล้องมองหลังมาให้ด้วย
ในช่วงแรกที่ทำหน้าที่เป็นผู้โดยสารนั้นต้องบอกว่ามีบางช่วงที่มีการซ่อมถนนอยู่เรียกว่าเป็นทางแบบoff road กลายๆไปก็ไม่ผิดนักซึ่งผ่านได้อย่างสบายๆ การกระเทือนนั้นแค่จิ๊บๆครับส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเช็ตช่วงล่างใหม่ให้มีความนิ่มนวลมากขึ้น นั่งชมวิวกันไปเรื่อยๆในเส้นSouthern Seaboard ซึ่งระหว่างทางนั้นฝนก็กระหน่ำลงมาตลอดทางวิ่งกันไปจนถึงร้านอาหารลำพู2ซึ่งเราก็จะรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่
หลังจากเรียบร้อยจากอาหารกลางวันกันแล้วผมก็รับหน้าที่เป็นผู้ขับขี่ต่อ ออกจากร้านอาหารลำพู2แล้วเราก็มุ่งหน้าไปสู่ท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อที่จะข้างฟากไปยังเกาะสมุย ขึ้นรถคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วเราก็ออกเดินทางสิ่งแรกที่รู้สึกก็คือการออกตัวที่เหมือนจะดีขึ้นที่บอกแบบนี้นั้นเพราะถ้าจะให้ชัวร์นั้นต้องเอาเครื่องมือมาวัดครับว่าดีขึ้นจริงรึเปล่า อัตราเร่งไม่ทำให้ผิดหวังเลยตอบสนองแบบทันอกทันใจเหยียบเป็นมาแบบสั่งได้ความเร็วที่ใช้นั้นวิ่งแบบเรื่อยๆเปื่อยๆไปจนกระไต่ความเร็วไปถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและยังสามารถไปต่อได้แต่ผมก็ต้องยกเท้าออกจากคันเร่งก่อนเพื่อความปลอดภัย
ช่วงล่างอยากที่บอกนิ่มนวลมากจากคราวก่อนที่ได้ไปลองวีโก้อันนี้นิ่มกว่าอีกส่วนหนึ่งมาจากช่วงล่างด้านหลังที่เป็นคอลย์สปริงต่างจากวีโก้ที่เป็นแหนบหลังแล้ว อย่างช่วงรถที่สั้นกว่ากับมีน้ำหนักกดอยู่ในช่วงด้านหลังที่ทำให้นิ่มนวลกว่าวีโก้แม้ว่าจะรถทรงค่อนข้างสูง แต่เมื่อเพิ่มความเร็วเข้าแล้วขับแบบปกติรถก็ไม่อาการโคลงให้เห็น
ระบบเบรกนั้นมีการปรับปรุงขึ้นมาและก็ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยทั้ง ABS EBD BAและยังมี VSC กับ TRC อีกด้วยซึ่งระบบเบรกเท่าที่ได้ลองนั้นไว้ใจได้ดีกว่าเดิมเยอะเลย
การเปลี่ยนเกียร์ซึ่งเป็นแบบอัตโนมัติ 4 จังหวะนั้นนิ่มนวลดีแทบจะไม่รู้สึกในจังหวะที่มีการเปลี่ยนเกียร์เลยขับไปขับมาก็มาถึงท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากแล้วก็เป็นอันหมดหน้าที่ในการขับขี่ของผมแล้วสำหรับทริปนี้
ทิ้งท้ายไว้ซะหน่อยแม้ว่าคันนี้ออกจะใหญ่อยู่พอสมควรเมื่อขึ้นไปยังเกาะสมุยแล้วที่มีถนนค่อนข้างเล็กแต่ยังให้ความคล่องตัวได้พอสมควร ส่วนเรื่องประหยัดน้ำมันเท่าไรนั้นยังไม่ได้ลองเลยบอกไม่ได้ครับ
###################################
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ toyota&jo
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…