แต่หากคุณหลอกคอมพิวเตอร์ได้ ก็เป็นโชคดีของเรา ของคุณ ของโลก ของลูกหลานเราในอนาคตละครับ
รถยนต์ญี่ปุ่น ให้ระยะทางต่อหน่วยเชื้อเพลิงดีกว่ารถยนต์อเมริกันทั้งหลาย แต่ก็ไม่มากนัก
ต่อให้เป็นรถยนต์ไฮบริด ที่คลานเข้ามาเงียบเงียบในลานจอดรถ เคลื่อนตัวช้าช้าผ่านคุณไปด้วยเสียงเหมือนกระซิบ แต่พอออกถึงทางหลวงระหว่างจังหวัด เวลาคุณอัดคันเร่งลงไป ก็สวาปามน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างน่าตกใจเสมอมา
ใครที่อยู่กับโลกรถยนต์มานาน อย่างน้อยก็เท่ากับผม หรือเกินกว่า คงจะจำได้ว่า รถยนต์สมัยก่อน กินน้ำมันแค่ไหน และปัจจุบัน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น ปรับขึ้น หรือลดลง
ความจริงที่น่าเจ็บปวด ก็คือลดลงครับ เกือบ 40% หากจะเทียบกับ Ford Model T
ทุกเทคโนโลยี มีแต่ความก้าวหน้า พัฒนาเรื่อยขึ้นมา ในขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถยนต์ กลับมากขึ้น
ทั้งที่ควรจะน้อยลง
หากจะบอกว่า โลกรถยนต์ที่ผมรัก และอยู่ในแวดวงนี้ กำลังประพฤติผิดทำนองคลองธรรม ก็ได้อยู่
และเมื่อทำผิดแล้ว ก็ยังทำซ้ำเติมลงไปอีกเรื่อยเรื่อย ไม่ยอมกลับตัวกลับใจมาทำสิ่งที่ถูกที่ควร แต่ยังทำผิดอยู่เช่นนั้น เพื่อจะให้เป็นบรรทัดฐาน กลายเป็นความคุ้นเคย
ดังนั้น อย่าไปหวังเลยครับ ว่าจะได้เห็นพัฒนาการของเครื่องยนต์ และรถยนต์ เดินรุดหน้าไปไกลเหมือนที่เราต้องการ
อันได้แก่ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างประหยัด นอกจากจะต้องช่วยตัวเราเอง
และนี่ ก็คือเหตุผลของการต้องหลอก O2 Sensor
————————————————
22 กันยายน 2551
วันนี้ต้องตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัว ไปขึ้นรถตู้ที่ทางโตโยต้าจัดเตรียมไว้ให้ที่ ศูนย์โตโยต้าพหลโยธิน
ศูนย์นี้อยู่ตรงข้ามโรงเรียนหอวัง ถนนพหลโยธินครับ ตอนที่ผมไปถึงนั้น คุณเปรมศักดิ์ เพียรพาณิชย์ มาถึงก่อนผมแล้ว
มีรถตู้จอดรออยู่ 2 คัน เพื่อที่จะพากลุ่มสื่อมวลชนไปเจอกันที่ โรงถ่ายเวิร์คพ๊อยท์ แถวๆรังสิต ในเวลา 8.30น.
วันนี้ผมกับ คุณโจ้ เปรมศักดิ์ พร้อมทั้งพี่ๆสื่อมวลชนจะได้ทดลองขับ”โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สมาร์ทแค็บ” กันครับ
ทางโตโยต้า ได้เตรียมรถไว้ให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับกันถึงสามรุ่น สามแบบ ได้แก่
สมาร์ท แค็บ 2.5G ขับเคลื่อนสองล้อ
สมาร์ท แค็บ 3.0E ABS ขับเคลื่อนสองล้อ ยกสูง หรือพรีรันเนอร์
สมาร์ท แค็บ 3.0G ขับเคลื่อนสี่ล้อ
หลังจากฟังบรรยายและแนะนำเส้นทางในการทดลองขับจากทางโตโยต้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก็มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันซะหน่อย ก่อนออกเดินทาง
เส้นทางในการทดลองขับในวันนี้ เป็นเส้นทางจาก โรงถ่ายเวิร์คพ๊อยท์ – พัทยา ระยะทางรวมประมาณ 200 กม.
จะแบ่งเป็นช่วงๆ 5 ช่วงด้วยกัน
ช่วงที่ 1 เวิร์คพ๊อย – โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ ระยะทาง 94.2 กม.
ออกเดินทางเวลา 10.30 น. โดยใช้ทางด่วนอุตราภิมุข มุ่งหน้าพระราม 9 จากนั้น เข้าสู่ ถ.มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ – ชลบุรี
ผ่านด่านลาดกระบัง แล้วเลี้ยวซ้ายไปทาง จ.ฉะเชิงเทรา ตามทางหลวงหมายเลข 314 ไม่นานก็ถึงครับ
มาถึงโรงงานทั้งที แต่กลับไม่ได้ดูสายการผลิตรถกระบะเสียอย่างนั้น! เสียดายครับ..เสียดาย
ก็ยังดีที่มี Dr.VIGO มาคอยตอบข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ
พี่ๆ Dr.VIGO มาอธิบายถึงโครงสร้างของตัวถังในจุดที่เพิ่มความหนาของเหล็กขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนขับและผู้โดยสาร
ภาพนี้สังเกตกันหน่อยนะครับ
คือไอ้แถบๆที่ติดอยู่ที่โครงของรถนั้น มันจะมีทั้งสี้เขียวและสีเหลืองใช่ไหมครับ
สีเขียวนั้น แสดงถึงการใช้โครงสร้างเดิมในตัวก่อนหน้านี้ครับ
ส่วนสีเหลือง แสดงถึงโครงสร้างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยการเพิ่มความหนาให้กับชิ้นงานครับ
จุดแรกเป็นคานแนวตั้งด้านซ้ายมือ เพิ่มความหนาจาก 0.8 -> 1.2 มิลลิเมตร
จุดที่สองจากซ้ายมือ เพิ่มความหนาจาก 0.65 -> 1.4 มิลลิเมตร
จุดที่สามจากทางซ้าย เพิ่มความหนาจาก 1.2 -> 1.4 มิลลิเมตร
ส่วนชิ้นนี้ เป็นส่วนของแค็บ ส่วนนี้ออกแบบใหม่ทั้งหมด
ตัวล็อคนั้น จะมีจุดยึดไว้ทั้งด้านบนและล่างนะครับดูแข็งแรงดี
———————————————————————————-
ช่วงที่ 2 โรงงานบ้านโพธิ์ – สวนเสือศรีราชา ระยะทาง 59.3 กม.
ระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากสักเท่าไหร่ แต่ทำไมดูเหมือนมันนานจังเลย
ไม่น่าแปลกครับ ที่ผมอยากจะให้ถึง สวนเสือเร็วๆ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายแก่ๆแล้ว
ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้องเลยครับ
มาสวนเสือทั้งทีก็ต้องกินเนื้อจระเข้ดูสักหน่อย รสชาติมันก็เหมือนเนื้อไก่ดีๆนี่แหละครับ
รึอาจจะเป็นเพราะ จระเข้ที่นี่กินเนื้อไก่เป็นอาหารทุกวัน
รสชาติของไก่จึงซึมเข้าไปอยู่ในเนื้อจระเข้ ก็เป็นได้….ฮ่าฮ่า
มาถึงสวนเสือ นึกว่าจะให้มาทำอะไร
ให้มาถ่ายรูปกับเสือเป็นที่…ระทึกเสียอย่างนั้น
: พี่ครับๆ เสือกินอะไรรึยังครับ
: อ้อ..ไม่เห็นรึ ครับผมกำลังป้อนเค้าอยู่เลย
เข้าใจครับว่า ทางโตโยต้าจะแสดงให้เห็นถึงความใหญ่โตของห้องโดยสาร
แต่ก็ไม่เห็นต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยครับ ผมกลัว……..
เสือทั้งตัวมันไม่เหมือนกับ สุนัขตตัวใหญ่ๆนะครับพี่คราบ……………..
ช่วงที่ 3 สวนเสือศรีราชา – สนามบินเครือสหพัฒน์ฯ (อ่าวอุดม) ระยะทาง 12.6 กม.
หลังจากหวาดเสียวกับการถ่ายรูปกับเสือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกันต่อ จุดหมายนั้นคือสนามบินเครือสหพัฒน์ฯ
เพื่อที่จะทดสอบรถกันจริงๆจังๆซะที เพราะที่ผ่านมาเหมือนจะไปเที่ยวกันเสียมากกว่า….ฮ่าฮ่า
เมื่อมาถึงก็นั่งฟังคำแนะนำในการทดสอบครั้งนี้กันสักเล็กน้อย
การทดลองขับในช่วงนี้เป็นการขับรถแบบสลาลอม ที่ความเร็ว 70-80 กม./ชม. เพื่อดูการทรงตัวของรถ
หลุดจากสลาลอม ก็เร่งเครื่องขึ้นไปให้ถึง 100กม./ชม โดยประมาณ แล้วเหยียบเบรกลงไปจนรถหยุดสนิท เพื่อดูระยะของการเบรก
ช่วงล่างของ วีโก้ ทำได้ดีทีเดียวครับ อาจจะแข็งไปหน่อย แต่เมื่อมาขับแบบนี้แล้วเอาอยู่เลยครับ
ที่แรกคิดว่ารถสูง น่าจะโครงมากกว่านี้ ผลออกมาดีเกินคาดครับ
พอหลุดจากสลาลอมได้ ก็ต้องเหยียบคันเร่งให้สุด เพื่อจะให้ความเร็วขึ้นไปถึง 100กม./ชม.
แล้วเหยียบเบรกลงไปสุดแรงแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดถึงพ่อแก้ว แม่แก้วไว้ครับ
ผลที่ออกมาน่าชื่นชมครับ ระยะเบรกที่ทำได้ จาก100-0กม./ชม ประมาณ 38-42 เมตร
ไม่มีอาการแถไปซ้ายไปขวาแต่อย่างใด ได้ระยะประมาณนี้ถือว่าดีทีเดียวครับ ไม่รู้ว่าตอนบรรทุกแล้วจะทำได้ดีอย่านี้
ช่วงที่ 4 สนามบินเครือสหพัฒน์ฯ (อ่าวอุดม) – ปั๊มน้ำมัน ปตท. พัทยา ระยะทาง 33.5 กม.
เสร็จจากการทดลองขับในแบบต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เดินทางกันต่อ
คราวนี้จะไปเติมน้ำมันกัน แอบแข่งกันเล็กน้อยว่าคันไหนจะใช้น้ำมันน้อยที่สุด
โดยสื่อมวลชนที่ไปนั้นจะถูกแบ่งเป็นกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มก็จะต้องเลือกรถคันที่คิดว่าจะใช้น้ำมันน้อยที่สุดออกมากลุ่มละ 1 คัน
ผลที่ออกมาก็อย่างที่เห็น คันที่ใช้น้ำมันน้อยที่สุดนั้น ใช้น้ำมันไป 9.58 ลิตร เมื่อนำมาหารกับระยะทางที่วิ่งมา 199.6 กม.
ก็จะได้ 20.83 กม./ลิตร ก็ถือว่าดีทีเดียว เพราะเนื่องจากเราไม่ได้ใช้ความเร็วคงที่ แถมมีบางครั้งที่ใช้ความเร็วสูงกันเสียด้วย
ผลออกมาได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วครับ
รถกระบะที่เอาเครื่องดีเซลออก แล้วเอาเครื่องเบนซินติดแก๊สมาใส่แทน ต้องเหลียวหลังกันบ้างแหละครับที่นี้
ส่วนคันอื่นๆที่นำมาแข่งขันกันนั้น ก็ไม่ได้หนีกันมากมายอะไรนัก อยู่ในช่วง 10.45 – 11 ลิตรกว่าเห็นจะได้
แต่มีอยู่คันหนึ่ง ทะลุขึ้นไปถึง 12 ลิตรสงสัยคันนี้คงไม่ได้จะคิดแข่งประหยัดน้ำมันอะไร…
รถที่ผมขับนั้นเป็นตัว 2.5G พยายามขับให้ความเร็วคงที่ที่สุดแล้ว เกร็งขาที่เหยียบคันเร่งจนปวด กลับใช้น้ำมันไป 10.75 ลิตร
ไม่รู้ว่าคันที่ชนะเค้าทำกันอย่างไร
———————————————————————–
ช่วงที่ 5 ปั๊มน้ำมัน ปตท.พัทยา – โรงแรมดุสิตธานี พัทยา ระยะทาง 2.5 กม.
ช่วงนี้เป็นช่วงสั้นๆครับ ไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแต่ขับผ่านการจราจรอันวุ่นวายในตัวเมืองพัทยาเท่านั้น
คนที่เคยไปโรงแรมนี้คงจะพอนึกออก ทางเข้าของโรงแรมนั้น ก็อยู่ตรงวงเวียนพอดี ต้องใช้ฝีมือกันหน่อย
จอดรถในบริเวณโรงแรมเสร็จ นึกว่าจะได้พักผ่อนเลย แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ยังไม่วายมีเกมส์มาให้ปวดหัวกันอีก
เกมนี้เหมือนเกมส์ อัจฉริยะข้ามคืนครับ ให้ถอดรหัสจากที่เป็นข้อความออกมาเป็นตัวเลข 4 ตัวเพื่อเปิดเซฟ
ข้อความมีอยู่ว่า โทรคู่”SMARTCAB”
ถอดกันออกไหมครับ ไม่ออกคืนนี้ไม่ต้องนอน….ล้อเล่นนะครับ
เดี๋ยวจะเฉลยให้ในตอนท้ายนะครับ
——————————————————————-
23 กันยายน 2551
นาฬิกาปลุกตั้งแต่ 8 โมงเช้า ยังไม่อยากตื่นเลยครับ คงเป็นเพราะหมอนกับที่นอนที่นี่ นอนหลับสบายจริงๆครับ
แต่ไม่ได้ เดี๋ยวอดกินอาหารเช้า ว่าแล้วก็ถีบตัวเองออกจากเตียง ไปอาบน้ำ แต่งตัว เก็บของเตรียมออกเดินทางต่อ
วันนี้เป็นวันฟรีเดย์ครับ คือเค้าจะให้รถเราขับกลับกรุงเทพฯเอง ต่างคนต่างไป ไม่ต้องเป็นขบวนเหมือนตอนมา
เลยได้ขับกันตามใจชอบสักหน่อย
ออกจากโรงแรมตอนประมาณ 10.30น.เห็นจะได้ ให้คุณโจ้เป็นคนขับ
ก็คิดกันว่า จะกลับกรุงเทพกันทางไหนดี เอาเป็นว่า ออกบายพาสแล้วขึ้นทางด่วนบูรพาวิถีแล้วกัน ง่ายดี
มาว่ากันที่เรื่องทัศนวิสัยกันก่อนเลย
ด้วยความที่เป็นรถกระบะ ตัวรถจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่ารถเก๋งอยู่แล้ว ทำให้มองอะไรๆได้สะดวก
หันซ้ายมองกระจกมองข้างได้สะดวก ไม่มีอะไรมาบดบัง
กระจกมองข้างใหญ่ดีครับ ชอบอยู่เหมือนกัน เพราะปกติผมเองก็ขับแต่รถซีดานธรรมดา กระจกมันไม่ใหญ่ขนาดนี้
ถึงกระจกจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ดูไม่เทอะทะนะครับ
เมื่อเข้าบายพาสได้ คุณโจ้ ก็บดคันเร่งลงไปเต็มที่ หลังจากที่อัดอั้นมาจากเมื่อวาน ที่ต้องพยายามเลี้ยงความเร็วให้คงที่
เพื่อที่จะได้ประหยัดน้ำมัน
แต่ทางเส้นนี้ก็ขับไม่ได้สบายเลยครับ ถนนปูนแท้ๆ แต่กับไม่มีความเรียบเอาเสียเลย
หากหลับตาคงนึกว่าเป็นถนนลูกรังเป็นแน่ เก่งจริงๆครับคนทำถนนเนี้ย
มีผู้เชี่ยวชาญบอกผมมาว่า เวลาดูว่าช่วงล่างของรถคันที่เรานั่งเป็นอย่างไร ให้ทำตามนี้
หากเป็นคนขับ ให้เอาความรู้สึกที่บริเวณน่องด้านซ้ายมาเป็นหลัก หากสั่นบริเวณน่องไม่มาก ถือว่าช่วงล่างดี
แต่หากสั่นมาก แต่ไม่สั่นมาถึงช่องท้อง แสดงว่าเก้าอี้ดี รับแรงสั่นจากช่วงล่างได้ดี
แต่หากสั่นมาถึงช่องท้อง แสดงว่าช่วงล่างของรถคันนี้แข็งเอาเรื่อง
แต่ความรู้สึกผมในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเอาความรู้สึกสั่นมาจากไหนดี เพราะตอนนี้ ผมสั่นไปทั้งตัวแล้วครับ…
อาหารเช้าที่รับประทานมา มันกำลังจะออกมาทางปากแล้วครับ
หากจะโทษถนนอย่างเดียวก็คงจะไม่ถูก คงเป็นเพราะช่วงล่างของเจ้า สมาร์ท แค็บ คันนี้ด้วย
ทางโรงงานคงจะเซ็ตช่วงล่างไว้ค่อนข้างแข็ง เอาไว้เผื่อตอนบรรทุกกระมัง
หากนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน คงจะต้องนวดกันนานหน่อย กว่าจะเข้าที่
แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้ต้องบอกให้ คุณโจ้ เบาๆหน่อย ไม่อย่างนั้นคงจะมีรถเลอะกันบ้าง
อีกอย่างเส้นนี้เป็นที่รู้กันดีว่า ของแรง ไม่อยากมีปัญหา เลยให้เบาๆไว้หน่อยดีกว่า แต่ก็ยังวิ่งขวาอยู่
ไม่นานก็โดนเข้าจนได้ ออกมายืนขวางกลางถนนในเลนส์ขวาเลย ไม่กลัวรถชนกันบ้างรึไงครับ คุณตำรวจ!!
เรียกให้จอดข้างทางเสียอย่างนั้น แล้วบอกกับเราว่า ”น้องๆ น้องวิ่งขวามาตลอดอย่างนี้ไม่ได้นะ ขอดูใบอนุญาตขับขี่หน่อย”
คุณโจ้ ก็ให้ไปโดยมิได้ขัดขืนอะไร พอดีในมือผมมีกล้องตัวโตอยู่ คุณตำรวจก็ถามผมว่า ”น้องมาทำอะไร มาถ่ายรูปกันเหรอ”
ผมก็ตอบไปว่า ”รถคันนี้เป็นของ บ.โตโยต้า ไม่ใช้รถของเราเองหลอก เค้าให้เรามาทดลองขับครับ
ผมก็เลยต้องถ่ายรูปเอาไว้เพื่อทำรีวิวครับ” แล้วก็ให้กล้องพร้อมเปิดรูปให้คุณตำรวจดู ดูไปก็ถามโน่นถามนี่ไปด้วย
หลังจากนั้น คุณตำรวจก็บอกว่า ”แต่ถึงอย่างไร น้องก็ผิดนะ อยู่เลนส์ขวาตลอดอย่างนี้ไม่ได้
แต่คราวนี้พี่จะแค่ตักเตือนนะ คราวหน้าก็ระวังด้วย เอ้า…เอาใบขับขี่คืนไป”
จากนั้นเราก็ขับรถออกมาด้วยความงง นี่เราขับรถผิดกฎข้อไหนหว่า แทนที่จะโดนจับความเร็ว
แต่กลับโดนจบเพราะอยู่เลนส์มากเกินไปอย่างนั้นเหรอ……งงจริงๆครับ
แต่ก็เอาเถอะ เค้าก็ทำงานของเค้า เราก็ทำงานของเรา ไม่ว่ากัน
ขับมาเลื่อยๆก็ขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี ค่อยหายใจหายคอสะดวกหน่อย
ไม่ต้องนั่งสั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนตอนอยู่บายพาส แต่ก็ยังไม่วาย ยังรู้สึกถึงช่วงล่างที่แข็งอยู่ดี
ขึ้นทางด่วนมาได้ไม่นาน เห็นรถแปลกๆอยู่สองคัน ทำไมรถคันนี้เอาเทปกาวสีดำมาปิดยี่ห้อกับรุ่นไว้อย่างนั้นหล่ะ
หากไม่ชอบ แล้วซื้อมาทำไม…บ้ารึเปล่า …อิอิ
ที่ไหนได้เป็น Ford Focus Minor Change
เลยถ่ายมาเป็น Spy Shot มาให้ชมกันเล่นๆก่อน
คาดว่า Ford ตัวนี้ หน้าจะเปิดตัวไม่เกินปีนี้แน่ อีกไม่นานเกินรอครับ
มาว่ากันถึง วีโก้ กันต่อ
ภายนอกนั้น หน้าตาคล้ายของเดิมครับ อาจจะเปลี่ยนที่รายละเอียดนิดหน่อยเช่น
กระจังหน้าลายใหม่ ที่ดูดุขึ้น
ไฟหน้าพร้อมไฟตัดหมอก
ล้ออัลลอยลายใหม่ พร้อมยางขนาด 215/65R16 (นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถกระด้างขึ้น)
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…