ทดลองขับ LEXUS IS 250 Minorchange : ซีรีส์ 3 เอ๋ย ระวังตัวได้แล้วละ By:J!MMY


อันดับ 4 หมายเลข 38 ทิพวรรณ ภู่ระยับ ทีม โรงโม่หินสีเขียวศิลาสานนท์ ด้วยเวลารวม 24.03.448 นาที


อันดับ 5 หมายเลข 29 ภูชิษา กุลณิชกิติกร ทีม Nok Air-Top 1-TRD Asia-One Nine Team ด้วยเวลารวม 24.40.291 นาที

# # # # # # # # # #

TOYOTA ONE MAKE RACE Rd.5 แข่งขัน 10 รอบ


อันดับ 1 หมายเลข 43 จินดา ศรีแสนสุชาติ ทีม Blast Off by Phuket Srisuchart ด้วยเวลารวม 27.55.881นาที


อันดับ 2 หมายเลข 90 พิษณุ ศิริมงคลเกษม ทีม Blast Off by Phuket Srisuchart ด้วยเวลารวม 27.56.526 นาที


อันดับ 3 หมายเลข 89 ภราดร นุชนาฎ ทีม ภราพัช – Three Crowns Racing Team ด้วยเวลารวม 27.57.424 นาที


อันดับ 4 หมายเลข 68 พฤฒิพงษ์ ลีฬหนันทน์ ทีม Blast Off by Phuket Srisuchart ด้วยเวลารวม 27.57.723 นาที


อันดับ 5 หมายเลข 69 จิรายุ ห่วงทรัพย์ ทีม Target Media Team ด้วยเวลารวม 27.58.605 นาที

**********************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net


เปิดโลกสวยงามเมืองไทย ไปกับการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.
กับไฮลักซ์ วีโก้ใหม่ สมาร์ทแค็บ เทคโนโลยีเพื่อขีดสุดแห่งความสะดวกสบาย

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวกิจกรรม “สมาร์ท คาราวาน 8,800 กิโลเมตร รอบประเทศไทย” เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ศกนี้ ณ.ห้องรามเกียรติ์ สยามนิรมิต กรุงเทพฯ


นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “คาราวาน ไฮลักซ์ วีโก้ ได้สร้างประวัติศาสตร์การเดินทางโดยรถยนต์บนเส้นทางอันยาวไกล มาตั้งแต่ ปี 2547 ถึง 2550 ไปยังดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ และเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเดินทางทั่วโลก จากกรุงเทพฯ ลีเจียง ทิเบตและเส้นทางสายแพรไหมไปสิ้นสุดที่ประเทศอุซเบกิสถาน ในการเดินทางทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา ก็ได้นำเรื่องราวกลับมาถ่ายทอดให้คนไทยได้รับทราบไม่ว่าจะเป็น ความสวยงามของภูมิประเทศ ผู้คน วัฒนธรรม ประเพณี สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และในครั้งนี้ เรามองว่าเมืองไทยก็มีสิ่งที่น่าสนใจ มีเอกลักษณ์ ภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีความหลากหลายของวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ และน่านำมาเผยแผ่ให้คนไทยได้รับทราบ ประกอบกันเราได้แนะนำ ไฮลักซ์ วีโก้ใหม่ สมาร์ทแค็บ รถกระบะที่ออกแบบสำหรับลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ เข้าสู่ตลาดเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เราจึงได้จัดการเดินทางสมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.ทั่วไทย ขึ้นเพื่อถ่ายทอดความสวยงามของเมืองไทย และตอกย้ำถึงอรรถประโยชน์ใช้สอย และความสะดวกสบายในการขับขี่ ของ ไฮลักซ์ วีโก้ สมาร์ทแค็บ ตลอดการเดินทาง”

“สมาร์ท คาราวาน จะเป็นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง ของไฮลักซ์ วีโก้ โดยมีระยะเวลาในการเดินทางตั้งแต่วันที่ 3 – 25 ธันวาคม เป็นเวลา 23 วัน รอบประเทศไทย จากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ภาคใต้ ชมความสวยงามของทะเลอ่าวไทย ผ่านใต้สุดของสยาม และทะเลสีครามของอันดามัน จากนั้นขับผ่านผืนป่าตะวันตกของประเทศ เข้าสู่ภาคเหนือ เลียบแม่น้ำโขง เข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สู่ตะวันออกสุดของสยาม ผ่านชายฝั่งทะเลตะวันออก สิ้นสุดการเดินทางที่ กรุงเทพมาหานคร รวมระยะทาง 8,800 กิโลเมตร โดยตลอดการเดินทาง จะสัมผัสความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม ประเพณี ความสวยงามของสถานที่ ตลอดจนพบปะบุคคลที่น่าสนใจ พร้อมได้นำเสนอประสบการณ์อันล้ำค่า ในการเดินทางมาถ่ายทอดให้ชาวไทย ได้รับรู้ นับเป็นการเดินทางที่น่าจดจำครั้งหนึ่ง” นายวุฒิกรกล่าว


สมาร์ท คาราวาน ประกอบด้วย ลูกค้า ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ท แค็บ จากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ร่วมกัยสื่อมวลชน กว่า 50 ชีวิต ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการเดินทางตลอด 23 วัน รอบประเทศไทย นับเป็นคาราวานครั้งประวัติศาสตร์ ครั้งหนึ่งของประเทศไทย ที่จะมีผู้ร่วมเดินทางมากที่สุดโดย รถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ท แค็บ นอกจากจะเป็นการทดสอบสมรรถนะของรถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ท แค็บ แล้ว ยังเป็นการเปิดโลกการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และส่งเสริมเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง

“สิ่งที่เป็นพิเศษของการเดินทางครั้งนี้ โตโยต้า ได้เชิญนักวิชาการที่มีความรู้ ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์กับคาราวาน ในเรื่องราวต่างๆทั้งด้านวิถีชีวิต ผู้คน สถานที่สำคัญ และประเพณีท้องถิ่น ตลอดการเดินทาง ทำให้การเดินทางมีเรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน มีชีวิตชีวา อาทิอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ, อาจารย์ทรงยศ แววหงษ์, อาจารย์สมฤทธิ์ ลือชัย, ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, อาจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ หรือนักเดินทางอย่างคุณธีรภาพ โลหิตกุล”

“สมาร์ท คาราวาน จะร่วมงานสำคัญๆ ของจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ และนำสิ่งดีงามไปมอบให้กับเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลน โดยจะนำอุปกรณ์การศึกษา เสื้อผ้ากันหนาวและผ้าห่ม ไปมอบให้นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 2 แห่ง ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดสุรินทร์ ชมงานแสงสีเสียง สะพานข้ามแม่น้ำแคว พร้อมเงินสมทบทุนบูรณะสะพานข้ามแม่น้ำแคว ร่วมศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ที่บางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดยจะนำภาพการเดินทาง ออกอากาศให้คนไทยได้เห็นความสวยงาม และความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศทุกวัน ทางรายการ สยามทูเดย์ ทาง ททบ.5 เราเชื่อมั่นว่า สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม. จะเป็นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ ที่เปิดโลกสวยงามของไทย และทำให้คนไทย รักประเทศไทยมากขึ้น” นายวุฒิกร กล่าวในที่สุด

# # # # # #

ขอเชิญลูกค้า ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ท แค็บ ที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.
สอบถามได้ที่ 1800-238-44 หรือ เว็บไซต์ http://www.vigosmartcaravan.com

ร่วมสัมผัสประสบการณ์กับการเดินทาง
ในรายการ สยามทูเดย์ ทาง ททบ.5
ทุกวัน เวลา 18.00 น. ตั้งแต่ 3-25 ธันวาคม 2551

**************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net


มาสด้าส่ง บีที-50 เขย่ามอเตอร์สปอร์ตสนามบางแสน
บทพิสูจน์ช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S ทั้งแรงและหนึบ

กรุงเทพ – ประเทศไทย – 13 พฤศจิกายน 2551 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสร้างประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยเป็นปีที่ 2 ด้วยการส่งรถปิคอัพสายพันธุ์สปอร์ตมาสด้า บีที-50 เครื่องยนต์ MZR-WLC 2500 ซีซี. เพาเวอร์คอมมอนเรล พร้อมด้วยรถสปอร์ตพลังแรง มาสด้า อาร์เอ็กซ์-7 เครื่องยนต์โรตารี่ เอกสิทธิ์เฉพาะมาสด้า ร่วมชิงชัยในการแข่งขันมหกรรมรถยนต์ทางเรียบรายการใหญ่สุดแห่งปี “Bangsaen Thailand Speed Festival 2008” ซึ่งรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ลงแข่งขันในรุ่น “Super Pick-Up Commonrail 2.5L” ในนามทีม “MAZDA TEAM” ขับขี่โดย คุณธนภณ ทองเจือ หรือ พีท ทองเจือ ดารานักแข่งชื่อดัง เร่งเครื่องในสนามสุดท้ายขึ้นโพเดียม ประสบความสำเร็จเกินคาด ก่อนเบียดคว้าอันดับที่ 5 ของคะแนนสะสมทั้งปี สร้างความประทับใจ แรงเชียร์ และเสียงปรบมือจากผู้ชมรอบๆ สนาม กับลีลาการขับขี่ของนักแข่ง และเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งเร้าอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ออกจากจุดสตาร์ทก็ทะยานขึ้นมาอยู่แถวหน้า จนสุดทางตรง ทุกช่วงจังหวะการเข้าโค้ง การเร่งแซง ทุกวินาทีที่ มาสด้า บีที-50 อยู่ในสนาม ผ่านโค้งแล้วโค้งเล่า เสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม ทำให้การแข่งขันสนุกสนานตื่นเต้น เรียกเสียงฮือฮาตลอดการแข่งขัน


นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดการแข่งขันทั้ง 8 สนามของปีนี้ รถปิคอัพมาสด้า บีที-50 เครื่องยนต์คอมมอนเรล สีเหลือง หมายเลข 71 ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในสนาม ปีนี้สร้างความฮือฮามากที่สุด ทะยานเข้าสู่เส้นชัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสนามที่ 5 และ 6 ซึ่งทำการแข่งขันที่สนามพีระฯ เซอร์กิต สามารถคว้าชัยอันดับ 3 และยังแรงไม่หยุดขยับขึ้นมาคว้าอันดับ 2 เป็นครั้งแรกตั้งแต่ลงทำการแข่งขัน ทำให้มาสด้า บีที-50 ถูกจับตามองอย่างมาก ในบรรดานักแข่งทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าทำให้อันดับคะแนนสะสมของทั้งปีขึ้นมาอยู่ที่ 4 ในรุ่น มีลุ้นคว้าแชมป์ประเทศไทยทันที


นอกจากนี้แล้วในรุ่นใหญ่สุดอย่าง ซูเปอร์ คาร์ มาสด้ายังส่งรถสปอร์ตพลังโรตารี่ Mazda RX-7 สีเหลือง หมายเลข 17 เข้าร่วมประลองความเร็วขับและเคี่ยวกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง นับว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับมาสด้าที่มีโอกาสเข้าร่วมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย โดยเฉพาะการแข่งรถยนต์ในสนามบางแสนแห่งนี้ และอีกรายการที่มาสด้าให้การสนับสนุนส่งรถเข้าร่วมการแข่งขัน คือ ประเภทครอสคันทรี มาสด้าส่งรถสปอร์ตปิคอัพ มาสด้า บีที-50 เครื่องยนต์ 3000 ซีซี. ซึ่งขับขี่โดยคุณพีท ทองเจือ และสามารถคว้าชัยชนะมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถแชมป์ประเทศไทยเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน


นายธนภณ ทองเจือ หรือ พีท ทองเจือ ผู้จัดการทีม และนักแข่งสังกัดทีม “Mazda Team PTT” กล่าวว่า มาสด้าในมอเตอร์ สปอร์ต ปีนี้ โดดเด่นมากทั้งทางเรียบและทางฝุ่น หลายสนามที่ผ่านมาเราสู้ได้อย่างสูสี สนามนี้รถมาสด้าของเราค่อนข้างสมบูรณ์มาก และสนามแข่งขันก็เป็นสิ่งที่ท้าทาย นักขับทุกท่านล้วนเป็นยอดฝีมือกันทั้งนั้น ผลการแข่งขันที่ออกมาถือว่าน่าพอใจอย่างยิ่ง อย่างน้อยสิ่งที่เราได้จากมอเตอร์สปอร์ตคือทุกคนที่นี่เชียร์เรา ทุกคนรับรู้ว่ารถมาสด้าเป็นรถที่แรงมาก ช่วงล่างเกาะถนนดี และสุดท้ายก็ฝากขอบคุณแฟนพันธุ์แท้จากมาสด้าที่ร่วมเชียร์ตลอดการแข่งขันปีหน้าเราจะกลับมาคว้าชัยชนะที่สนามแห่งนี้ให้ได้ และก็อย่าลืมติดตามพร้อมส่งแรงเชียร์ในประเภทครอสคันทรี ซึ่งมาลุ้นกันว่าปีนี้จะสามารถป้องกันแชมป์ได้อีกหรือไม่


การแข่งขันในวันเสาร์ซึ่งเป็นสนามที่ 7 ของรุ่นซูเปอร์ คอมมอนเรล ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายเย็นฉ่ำตลอดการแข่งขัน บรรดารถกระบะทุกคันเรียงหน้าเข้าจุดสตาร์ทกันอย่างพร้อมเพียง ทั้งหมด 24 คัน แต่สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องไปที่หมายเลข 71 สีเหลือง นั่นคือมาสด้า บีที-50 หนึ่งเดียวในสนามที่อาจหาญเข้าร่วมชิงเจ้าความเร็ว ทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ สู้ สู้ ทันทีที่ไฟสัญญาณดับลง รถทุกคันก็กระโจนไปข้างหน้าอย่างเมามันส์ ทุกคนต่างใจจดใจจ่อ ลุ้นกันมันส์หยดว่าคันแรกที่วิ่งผ่านโค้งมาเป็นเบอร์อะไร ทันใดนั้นเจ้า มาสด้า บีที-50 สีเหลือง ก็พรวดขึ้นมาอยู่แถวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงกองเชียร์ตะโกน ไป ไป ไป ไป ผ่านโค้งแรกจากจุดออกสตาร์ทอันดับที่ 9 พีท ทองเจือ กดคันเร่งช่วงออกสตาร์ทขึ้นมาอยู่อันดับ 7 ทันที ก่อนที่จะประคองเจ้า บีที-50 เข้าเส้นชัยไปอย่างสนุกสนาน


สนามที่ 8 สนามสุดท้ายของการแข่งขัน ซูเปอร์ คอมมอลเรล 2500 ซีซี. เริ่มระเบิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้ต้องมีทีเด็ดกว่าเมื่อวาน ใครมีฝีมือเท่าไหร่ต้องงัดออกมาโชว์อย่างเต็มที่ จากผลการแข่งขันเมื่อวันเสาร์นำมาเป็นจุดสตาร์ทในสนามสุดท้ายมาสด้า บีที-50 ออกสตาร์ทอันดับที่ 6 พอออกจากจุดสตาร์ทมา กองเชียร์มาสด้ากำลังรอคอยว่าจะเห็นคันไหนโผล่โค้งออกมาก่อน เสียงเครื่องยนต์มาก่อนตามด้วย รถคันที่ 1 2 อ้าวนั้น บีที-50 ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ได้ไงเนี่ย รถทุกคันทะยานออกมาพร้อมๆกันเพื่อชิงการเข้าโค้งแรก มาสด้า บีที-50 ยังคงเกาะกลุ่มผู้นำอยู่ พร้อมที่จะเสียบทันทีได้ที่ใครเปิดช่อง ผ่านโค้งแล้วโค้งเล่ารถทุกคันยังอยู่กับครบ มาสด้า บีที-50 ควบเข้าเส้นชัยตามเคยสนามสุดท้ายนี้ทำได้ดีทีเดียวจบที่อันดับ 5 ขึ้นโพเดียมเป็นผลสำเร็จ ท่ามกลางปรบมือกันขอบคุณบรรดานักแข่งทั้งหลายที่มอบความสุขและความประทับใจที่ครั้งนึงได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นกับวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย คาดว่าปีถัดไปคงดุเดือดมากขึ้นกว่าเดิม

และนี่คือหนึ่งบทพิสูจน์ในสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของมาสด้า บีที-50 ด้วยเครื่องยนต์แรงเต็มพิกัด ที่มาพร้อมระบบช่วงล่างอัจฉริยะDE-S หนึบเหนือคู่แข่ง และนี่คืออีกหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมการตลาดของมาสด้าในปีนี้ เพื่อนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้ลูกค้ามาสด้าได้ร่วมสัมผัสความรู้สึก ซูม- ซูม กับมาสด้าอย่างต่อเนื่อง

แหละนี้คือการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย พร้อมกับจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสามารถก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ หรือระดับโลกที่วงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยกำลังพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงสุดจากผู้ที่หลงไหลในความเร็ว


รายละเอียดรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้าบีที-50
ด้วยหน้าตารูปร่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นสปอร์ตปิคอัพอย่างแท้จริง มาเติมเต็มความเป็นรถแข่งมาสด้า บีที-50 คันนี้จะทรงพลังได้มากแค่ไหนมาดูกับเลย เครื่องยนต์ MZR-WLC 2500 cc. เพาเวอร์คอมมอนเรล ความจุกระบอกสูบ 2500 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุดที่ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ให้พลังมากกว่ารถกระบะในระดับเดียวกัน มาพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบแปรผัน VGT ให้พลังต่อเนื่อง อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ระบบจ่ายน้ำมันแรงดันสูง กล่องคอมพิวเตอร์สมองกลอัจฉริยะ 32 บิท ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ด้วยการคำนวณการฉีดเชื้อเพลิง การจุดระเบิดที่ละเอียดแม่นยำ ให้รอบเครื่องยนต์รีดพลังได้เต็มประสิทธิภาพ

ผลการแข่งขันรุ่น Super Commonrail 2500 cc. ประจำปี 2008 ทั้ง 8 สนาม
1. ขจรศักดิ์ ณ สงขลา หมายเลข 4 สังกัดทีม PTT Dynamic – อู่หนุ่มทีม
2. จรัส แจ้งกมลกุลชัย หมายเลข 29 สังกัดทีมเชฟวี่มอเตอร์สปอร์ต-พีคเพาเวอร์ช็อฟ
4. ทนงศักดิ์ กรศิริสืบสกุล หมายเลข 92 สังกัดทีมเชฟวี่มอเตอร์สปอร์ต-พีคเพาเวอร์ช็อฟ
4. หทัย ไชยวัณณ์ หมายเลข 4 สังกัดทีม PTT Dynamic – อู่หนุ่มทีม
5. ธนภณ ทองเจือ หมายเลข 71 สังกัดทีมมาสด้า

###

Zoom-Zoom เราใส่ความเป็นสปอร์ตลงไปในรถทุกคันที่เราผลิต
http://www.mazda.co.th


นิตยสาร aCar ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและขอนำเสนอเล่มที่ 068 เดือนพฤศจิกายน 2551 ขึ้นแท่นประจำการบนแผงหนังสือทั่วประเทศ

เล่มนี้นำเสนอความสดใหม่สไตล์ยานยนต์อเนกประสงค์ “มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต” พร้อมด้วยรายละเอียดครบครัน

ขณะที่เนื้อหาในเล่มพบกับรายงานพิเศษ “GPS เพื่อนแท้นักเดินทาง” รวบรวมรายละเอียดแต่ละแง่มุมของจีพีเอส นักนำทางตัวน้อย

ตามด้วยคอลัมน์รายงานพิเศษบรรยากาศสดๆ จากขอบสนามริมหาด รายการ “บางแสน ไทยแลนด์ สปีด เฟสติวัล” พร้อมการแข่งขันรายการโตโยต้า มอเตอร์สปอร์ตสนาม 5 โดย วชิระ เรืองมาลัย บรรณาธิการอำนวยการ อะ คาร์

สำหรับคอลัมน์ทดสอบรถใหม่ พบกับ “มาสด้า 3 ใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ 2008” และ “ฟอร์ด นิวโฟกัส เกียร์ 6 สปีดจากแดนฟิลิปปินส์” รวมถึง “ทีอาร์ ออลโรดเดอร์” รถอเนกประสงค์เชฟวี่ดัดแปลง พร้อมพรั่งด้วยคอลัมน์ที่หลากหลายครันไม่เคยลดคุณค่า

นอกจากนี้สำหรับท่านที่ตอบแบบสอบถามและส่งมายังนิตยสาร อะ คาร์ ทางทีมงานพร้อมมอบบัตรชม “มอเตอร์เอ็กซ์โป” จำนวน 2 ใบให้ฟรีทันที

พิเศษสุดสำหรับสมัครสมาชิกรายปีเพียง 1,080 บาทเท่านั้น รับฟรี ! น้ำยาขัดและลบรอยขีดข่วน AUTOGLYM มูลค่า 1,080 บาทโดยไม่มีเงื่อนไข เท่ากับว่า “ไม่ต้องเสียค่าสมาชิกแม้แต่บาทเดียว”

สอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายสมาชิก โทร.0-2933-5670-3 ด่วนนะครับมีจำนวนจำกัด

—————————–


ฟอร์ด มอบแคมเปญสุดเร้าใจก่อนใคร ลดสูงสุด 100,000 บาท

กรุงเทพฯ – ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศอัดแคมเปญส่งท้ายปี บุกตลาดก่อนงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ด้วยขอเสนอสุดพิเศษสำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ ด้วยส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ ผ่อนเริ่มต้นเพียง 6,800 บาท และฟอร์ด โฟกัส รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือผ่อนสบาย ๆ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน และแคมเปญสุดเร้าสำหรับรุ่นอื่น ๆ อีกมากมาย

นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ฟอร์ดได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษส่งท้ายปีไว้ให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ลูกค้า และช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องรอไปถึงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เพียงแค่คุณไปที่โชว์รูมฟอร์ด คุณก็จะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษก็ใคร สำหรับในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 นี้ ฟอร์ดยังได้เตรียม “เรนเจอร์ แม็กซ์” ผู้สร้างกระแสใหม่ด้าน “ดีไซน์แกร่ง” รถต้นแบบของฟอร์ด เรนเจอร์ ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย อีกทั้งยังมีฟอร์ด โฟกัส TDCi PowerShift 6-Speed DualClutch ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน มาพร้อมรูปลักษณ์สปอร์ต แฝงความหรูหรา ด้วยกลิ่นอายด้านการออกแบบของ “เคเนอติก ดีไซน์” ฟอร์ด เอสเคป ใหม่ ที่เพิ่มเอกลักษณ์ความดุดันในสไตล์เอสยูวีสายพันธุ์แท้ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ รถครอบครัวเอนกประสงค์ครบเครื่อง”

สำหรับข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์ฟอร์ดทุกรุ่น มีดังนี้
• ฟอร์ด เรนเจอร์ รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ ผ่อนเริ่มต้นต่ำสุดเพียง 6,800 บาท
• ฟอร์ด โฟกัส รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
• ฟอร์ด เอสเคป ดอกเบี้ยต่ำ 2.99% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
• ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี

สนใจสอบถามเพิ่มเติมที่ฟอร์ด คอลเซ็นเตอร์ 0 2686 5899 ในกรุงเทพฯ หรือ 1 800 293 333 (ต่างจังหวัดโทร. ฟรี)
# # #


**************************************************************************

FORD OFFERS UP TO BT100,000 DISCOUNT NOW!
No need to wait for the Motor Expo 2008

BANGKOK, Thailand, 14 November 2008 – Ford Thailand introduced now a range of new and not-to-be-missed special offers to customers placing booking orders now. The offers include Bt100,000 discount or monthly installation payment starting from Bt6,800 for Ford Ranger; and Bt100,000 discount or 0 percent interest rate for 48 installment payment period, plus attractive promotions for other models.

Saroj Kiatfuengfoo, senior vice president of Ford Thailand, said,” The promotion is a special New Year gift from Ford. With these offers, you don’t need to wait until the Motor Expo 2008 to buy a new quality vehicle. Call or visit any Ford showroom now to receive special offer right away.

“Also at the Motor Expo 2008, in addition to the special offers, Ford prepares a lot of exciting products to wow our customers. Among them is the “Ranger Max” which will make its debut in Thailand. The show truck extends Ranger’s reputation as the best all-around compact truck on the market. Another model to excite you is Focus TDCi PowerShift 6-speed Dual Clutch, the latest diesel passenger car that offers impressive performance without compromising fuel efficiency. The sedan comes in more modern styling with the trendy kinetic design accent. Other models participating in the event are the new Ford Escape with more modern look and the Ford Everest, the SUV for any family.”

The special offers are:
• Ford Ranger: Up to Bt100,000 discount; or low instalment payment starting from Bt6,800 per month
• Ford Focus: Up to Bt100,000 discount; or zero percent interest rate for 48 month instalment and one-year free first-class insurance
• Ford Escape: 2.99 percent interest, 48 month installment payment, free one-year first-class insurance
• Ford Everest: zero percent interest, 48 month installment payment, free one-year first-class insurance

For more information, call Ford Call Center Te. 0 2683 5899 in Bangkok or Tel. 1 800 293 333 (free call for other provinces)

# # #


กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 18 พฤศจิกายน 2551 – บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานประชุม ผู้จำหน่ายทาทา ประจำปี 2551 โดยมีผู้จำหน่าย 33 แห่งจากทั่วประเทศ เข้าร่วมการประชุม เพื่อสรุปแผน และเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ ปิดยอดปลายปี และทิศทางของทาทา ในปีหน้า ย้ำความมั่นใจศักยภาพพื้นฐานของไทย ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังเดินหน้าต่อไปได้

นายอาจิต เวนคาทารามัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจยานยนต์ เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การปรับตัวให้ทันกับสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างสะดวกราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสิ้นปีนี้ และปีหน้าอีกทั้งปี ยังคงมีหลากหลายปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก และยังต่อเนื่องมาถึงประเทศไทยอีกด้วย การประชุมผู้จำหน่ายทาทาในครั้งนี้ จึงเป็นตอกย้ำความเชื่อมั่น และเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานะการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งทาทามั่นใจว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยมีความเข้มแข็ง และมีศักยภาพที่จะปรับตัวรับกับความผันผวนที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ทั้งในแง่แหล่งเงินทุน ผู้ผลิตชิ้นส่วน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การส่งเสริมการลงทุน ซึ่งยังรวมถึงนโยบายโดยรวมของภาครัฐในระยะยาวที่ยังคงเอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์”

ทาทา มีเป้าหมายในการแต่งตั้งผู้จำหน่ายให้ครับ 45 แห่งทั่วประเทศ ภายในสิ้นปีนี้ โดยปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมธุรกิจกว่า 100 ราย ผ่านการคัดเลือกตามมาตรฐานของทาทา และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จำหน่ายแล้ว 33 รายทั่วประเทศ ครอบคลุมจังหวัดใหญ่ ที่เป็นหัวเมือง ในแต่ละภูมิภาค อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ เป็นต้น

“การแต่งตั้งผู้จำหน่ายนับเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด ในการต่อยอดความสำเร็จของธุรกิจยานยนต์ เนื่องจากลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีของสินค้าผ่านผู้จำหน่ายของเรา ทาทาจึงให้ความสำคัญและเข้มงวดพอสมควรในการแต่งตั้งผู้จำหน่ายแต่ละราย ซึ่งจุดเด่นของผู้จำหน่ายทาทา คือเป็นผู้มีประสพ- การณ์ยาวนานในการทำธุรกิจในท้องถิ่นของตน อยู่ในแวดวงสังคมของจังหวัดนั้นๆ แต่ละจังหวัดต่างก็ทำธุรกิจที่แตกต่างกัน อาทิธุรกิจแทรคเตอร์ วัสดุก่อสร้าง โทรคมนาคม มอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์อีกด้วย ซึ่งมุมมองทางธุรกิจที่หลากหลาย ของผู้จำหน่ายที่มีศักยภาค ทำให้ทาทามีความแตกต่าง และได้แนวคิดใหม่ๆ ที่ต่างจากบริษัทรถยนต์รายอื่นในประเทศไทย ที่ทำธุรกิจมาเป็นระยะเวลายาวนาน”

“ทาทารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ร่วมธุรกิจ กับนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะเติบโตไปกับธุรกิจ ทาทาในประเทศไทย เป้าหมายตัวเลขผู้จำหน่าย 45 แห่งภายในสิ้นปีนี้ มีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูง อย่างไร ก็ตาม คุณภาพของผู้จำหน่าย การให้บริการที่ดี และความพร้อมในทุกด้านเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าทาทาได้รับความประทับใจ และพึงพอใจสูงสุด” นายอาจิต กล่าวสรุป
# # #


ทาทา มอบโล่ห์เกียรติยศ

นายอาจิต เวนคาทารามัน (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ทำพิธีมอบโล่ห์เกียรติยศผู้นำหุ้นส่วนธุรกิจ ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างธุรกิจทาทาในประเทศไทย ให้กับ คุณสุวรรณา ศิริรัตน์ บริษัทชนะศิลป์ มอเตอร์ จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ และผู้จำหน่ายทาทาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 33 ราย

**************************************************************************

Tata shows confidence in Thai auto industry
at dealers’ meeting

Bangkok, 18 November 2008 – Tata Motors (Thailand) recently held the annual meeting of its 33 Thai dealerships to discuss the business plans going forward. The company expressed confidence in the country’s automobile industry, thanks to the strong foundation on which it is built.

“The automobile industry is highly competitive, and timely response to the changing business environment is very important,” said Ajit Venkataraman, Chief Executive Officer of Tata Motors (Thailand) Co Ltd.

“Many factors are likely to affect the global economy as well as the Thai economy over the next one year . So, our dealer meeting was aimed at strengthening the confidence and readiness to handle the coming situations. We firmly believe in Thailand’s economic foundation and potential. The government’s long-term policy is favourable for the automobile industry’s growth.”

Tata plans to increase its nationwide dealerships to 45 by the end of this financial year. Thirty-three out of more than 100 applicants have already been appointed as the company’s dealers in major cities of each region, including Chiang Mai, Hadyai and Khon Kaen.

“Tata is very selective about appointing each dealer. The dealership is critical in building a successful automotive business; they are the channel through which our customers receive a positive product experience,” said Mr Venkataraman.

“The distinctive point of our dealers is that they are experienced in the local businesses and play a significant role in their provincial society. The diverse business perspective of our dealers differentiates Tata from the competition who have been in the business here long before us.

“We are very pleased to join forces with the Thai business people who are willing to grow along with us. Our objective to have 45 dealers this year is achievable, and we will focus on the quality of the dealers, good service availability and preparedness in all aspects, which are essential to ensure maximum customer satisfaction.”

# # #


มาสด้าโชว์คอนเซ็ปต์คาร์กระหึ่มงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป
พร้อมอัดแคมเปญฟรีน้ำมัน 100,000 บาท ดอกเบี้ย0%

• เตรียมเปิดตัวแนะนำมาสด้า บีที-50 รุ่นพิเศษ Sport Series พร้อมด้วยขบวนยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตมาสด้าครบทุกรุ่น

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 28 พฤศจิกายน 2551 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ภายใต้แนวคิด ซูม ซูม แบบยั่งยืนของมาสด้า หรือ Sustainable Zoom-Zoom รองรับสุดยอดคอนเซ็ปต์คาร์แห่งอนาคต ครั้งแรกและครั้งเดียวกับกับเทคโนโลยีรถต้นแบบและการดีไซน์อันล้ำยุค MAZDA TAIKI ที่พร้อมอวดโฉมให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในงานมหกรรมยานยนต์ 2008 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นอกจากนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้ามาสด้าที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์มาสด้ามาโดยตลอด 57 ปี มาสด้าขอมอบแคมเปญสุดพิเศษฟรีค่าน้ำมัน 100,000 บาท หรือรับดอกเบี้ย 0% หรือผ่อนชำระเพียง 5,999 บาทต่อเดือน เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตทุกรุ่นได้ง่ายขึ้น


นอกจากนี้มาสด้ายังนำรถสปอร์ตปิคอัพ มาสด้า บีที-50 มาตกแต่งพิเศษภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sport Series” ด้วยดีไซน์สไตล์สปอร์ตเหนือชั้น เร้าใจทุกการขับขี่ ซึ่งผลิตจำนวนจำกัด เฉพาะงานนี้เท่านั้น ราคาเริ่มต้นเพียง 659,000 บาท ในรุ่นฟรีสไตล์แค็บ และราคา 730,000 ในรุ่น 4 ประตู หรือดับเบิ้ลแค็บ สำหรับรุ่นพิเศษนี้จะมีเฉพาะสีขาวกับสีฟ้าเท่านั้น ซึ่งตกแต่งพิเศษเสริมความเป็นสปอร์ตรอบคัน พร้อมด้วยด้วยเครื่องยนต์เพาเวอร์คอมมอนเรล 2500 ซีซี. เสริมอุปกรณ์ตกแต่งแท้จากมาสด้าสุดพิเศษกว่า 10 รายการ และเพิ่มความโดดเด่นแบบสปอร์ตด้วยสติ๊กเกอร์ลายสปอร์ตสวยงามโดดเด่นสะดุดทุกสายตา


มร. จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้า ไทกิ สะท้อนให้เห็นทิศทางที่ชัดเจนของรถสปอร์ตมาสด้าในอนาคต เพื่อช่วยเสริมสร้างสังคมที่ยั่งยืน โดยเป็นรถต้นแบบ รุ่นที่ 4 ในดีไซน์ของ นากาเระ ซีรี่ ซึ่งนำธีมเกี่ยวกับ “ความเคลื่อนไหว” มาขยายผลเพื่อสร้างรูปลักษณ์ใหม่ที่ชวนตื่นตาและเกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์โรตารี่อันลือชื่อเอกสิทธิ์เฉพาะมาสด้าที่มาพร้อมเทคโนโลยี RENESIS อันล้ำสมัย ความเป็นนวัตกรรมไม่ได้ปรากฏเพียงที่การออกแบบรูปลักษณ์ แต่ยังรวมไปถึงความสวยงามที่แฝงประโยชน์ใช้สอยที่เหนือกว่าเดิม และประสิทธิภาพในด้านแอโรไดนามิกที่โดดเด่น ความเพลิดเพลินในการขับขี่ภายในห้องโดยสารที่เป็นเสมือนงานศิลปะนั้นเป็นการสร้างสมดุลระหว่างประสบการณ์แบบในการขับขี่แบบ ซูม ซูม และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มาสด้าไทกิ คือรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของรถสปอร์ตในอนาคตของมาสด้า ซึ่งสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านประสิทธิภาพการขับขี่และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ห้องโดยสารจัดวางในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ สร้างความรู้สึกโปร่งเบายิ่งขึ้นให้กับตัวรถ ผลลัพธ์จากแนวคิดในการดีไซน์ยังช่วยเสริมสร้างความคล่องตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างเหนือชั้นสามารถสัมผัสถึงความล้ำยุคแห่งโลกอนาคตเพียงแรกเห็น

แนวคิดอันล้ำยุคที่ไม่เหมือนใครของมาสด้าไทกิ ไม่ว่าจะเป็นโค้งล้อรูปปีกนก ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ความโค้งมน ต่างเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งที่ทำให้มาสด้าคว้ารางวัล “Grand Prix De Design” ได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นสุดยอดรางวัลด้านการออกแบบยานยนต์ที่เน้นความเป็นเลิศในด้านความคิดสร้างสรรค์และดีไซน์ของรถยนต์รุ่นต่างๆที่เผยโฉมออกมาในรอบปี


สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2551 นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี มาสด้าเตรียมพื้นที่บูธจัดแสดงไว้ถึง 1,200 ตารางเมตร เพื่อรองรับคลื่นมหาชนที่ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตทุกรุ่นจากมาสด้า ทั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าชาวไทยจะได้สัมผัสรถคอนเซ็ปต์คาร์ MAZDA TAIKI รถต้นแบบแห่งอนาคตจากมาสด้าอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ภายในบูธมาสด้ายังเตรียมการแสดงสุดอลังการสไตล์มาสด้าเพื่อสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินตลอดงาน

โปรโมชั่นสุดพิเศษที่ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์จากมาสด้าได้ง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขพิเศษสุดๆ สำหรับรถปิคอัพมาสด้า บีที-50 รุ่น FSC VCD ฟรีสไตล์แค็บ หรือบานแค็บเปิดได้ เงินดาวน์ต่ำ รับดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้น 1 หรือรับคูปองน้ำมันมูลค่าสูงสุดถึง 100,000 บาท หรือเริ่มผ่อนชำระเพียงเดือนละ 5,999 บาท และ รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ใหม่ เงินดาวน์ต่ำเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ดอกเบี้ยต่ำสุด 2.99% พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานานถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้วมาสด้ายังเอาใจใส่บริการหลังการขาย ด้วยการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่ให้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ด้วยบริการตรวจเช็คฟรี 4 ระบบ ได้แก่ ระบบเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง ระบบส่งกำลังและระบบเบรก มอบส่วนลดสูงสุด 30% สำหรับแพ็คเกจเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และส่วนลดค่าอะไหล่อีก 10% สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของเงื่อนไขแคมเปญพิเศษนี้ได้ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั้ง 95 แห่งทั่วประเทศ

ดังนั้นลูกค้ามาสด้าทุกท่านไม่ควรพลาดโอกาสการในการเป็นเจ้าของยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เร้าใจ แบบ ซูม-ซูม ด้วยสมรรถนะเป็นเยี่ยม ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย อบอุ่นใจตลอดการเดินทาง พร้อมทดลองขับก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ และรับข้อเสนอสุดพิเศษจากมาสด้าได้แล้ววันนี้

นับถอยหลังเข้าสู่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” รถยนต์ 41 ยี่ห้อ พาเหรดเข้าร่วมงาน
29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2551 ณ อาคาร ชาลเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” หรือ “The 25th Thailand International Motor Expo 2008” ซึ่งจะมีขึ้น ณ อาคาร ชาลเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 10 ธันวาคม 2551 นี้ ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 41 ยี่ห้อ ยิ่งไปกว่านั้นภายในงานยังคงกิจกรรมต่างๆ ไว้เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา และพิเศษสุดเริ่มปีนี้เป็นปีแรก มอเตอร์ เอกซ์โป อินฟอร์เมชัน เซนเตอร์ จุดบริการข้อมูลด้านรถยนต์ สำหรับผู้เข้าชมงาน ไม่ว่าจะเปรียบเทียบราคา ขอทราบรุ่นรถ หรือแม้แต่มีงบประมาณเท่านี้มีรถอะไรอยู่บ้าง ก็สามารถทำได้


นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน เปิดเผยว่า “นับเป็นความสำเร็จของการจัดงานอย่างต่อเนื่องตลอด 25 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่ภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกต่างๆ ของบ้านเราส่งผลให้เกิดผลกระทบในหลายๆ ด้าน แต่งานมหกรรมยานยนต์ยังคงได้รับความไว้วางใจจากรถยนต์แต่ละยี่ห้อ ที่พร้อมใจเข้าร่วมแสดงนวัตกรรมอย่างพร้อมเพรียงถึง 41 ยี่ห้อ ยืนยันถึงความสำเร็จในการจัดงานได้เป็นอย่างดี”

รายชื่อของรถยนต์ที่เข้าร่วมงาน ”มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” เรียงตามลำดับตัวอักษร มีดังนี้
ASTON MARTIN, AUDI, BENTLEY, BMW, CHEVROLET, CHRYSLER, CITROEN, COBRA SCUDERIA BIZZARRINI, DFM, FERRARI, FIAT, FORD, GEELY, GRAND CARRYBOY, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JAGUAR, KIA, LAND ROVER, LAMBORGHINI, LEXUS, LONDON TAXI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MITSUBISHI, MITSUOKA, MTM, NAZA, NISSAN, PEUGEOT, POLARSUN, PORSCHE, PROTON, SSANGYONG, SUBARU, SUZUKI, TATA, TOYOTA, VOLKSWAGEN, VOLVO

นอกจากนั้น ยังมีการนำรถต้นแบบที่สอดคล้องกับแนวคิดการจัดงานมาแสดงในงานอีกหลายคัน อาทิ เช่น FORD RANGER MAX รถแนวคิด สไตล์ กระบะ ออกแบบใหม่ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร , COBRA INTERNATIONAL SCUDERIA BIZZARRINI P538 (คอบรา อินเตอร์เนชันแนล เผยโฉม สกูเดรีอา บิตซ์ซารีนี พี 538) ปลุกตำนานซูเพอร์คาร์โลก ที่โด่งดังในอดีต โดยได้รับการ “รีดีไซจ์น” ใหม่หมด ล้ำยุค วางโครงสร้างของรถรุ่นนี้ให้เป็นแบบ คาร์บอนไฟเบอร์ โมโนคอค เครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ 7.0 ลิตร กำลังสูงสุด 500 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ , CHEVROLET VOLT ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ พลัก-อิน (PLUG-IN) โพรดัคชันคาร์ คันแรก ที่มีพิสัยการใช้งานใกล้เคียงรถยนต์ทั่วไป ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า , HYUNDAI I 10 SUPER BLUE CNG เครื่องยนต์ขนาดเล็ก มลพิษต่ำ , MAZDA TAIKI รถสปอร์ทในอนาคตของค่ายมาซดา โดยนำทีมเกี่ยวกับ “ความเคลื่อนไหว” มาขยายผลเพื่อสร้างรูปลักษณ์ใหม่ที่ชวนตื่นตา สะท้อนให้เห็นภาพของชั้นบรรยากาศผู้แสนดีที่ห่อหุ้มโลกเอาไว้ , MITSUBISHI I-MIEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด แม้มีขนาดตัวรถเล็กจิ๋วแต่ห้องโดยสารกว้างขวางเพียงพอ , PEUGEOT SPIDER 207 รถต้นแบบ 3 ล้อ โครงสร้างแบบท่อ (TUBULAR CHASSIS) พร้อมแป้นควบคุมเกียร์บนพวงมาลัย , SUZUKI KIZASHI 2 ซีดานขนาดกลาง ต้นแบบของยนตรกรรมอนาคตภายใต้นิยาม “ไม่มีถนนสายใดที่ไกลเกินจะไปถึง” แนวคิดเพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และชะลอการเกิดภาวะโลกร้อน ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด

ส่วนกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน มีความหลากหลายและน่าสนใจไม่แพ้กัน มีรายละเอียดดังนี้

• MOTOR EXPO INFORMATION CENTER
ผู้จัดงานได้ตั้งคีออสของศูนย์ข้อมูล 3 แห่ง ที่จะเป็น “กูรู” รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” กระจายตามหน้าทางเข้าฮอลล์ 2 และ 3 เพื่อตอบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ เช่น บูธที่ต้องการไปตั้งอยู่ที่ไหน บูธใดมีโพรโมชันเด็ดสุด ฯลฯ สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ประจำบูธ กับอุปกรณ์ทันสมัย เขาพร้อมตอบข้อสงสัยของคุณได้ทันที!

• MOTOR EXPO SMART PRETTY 2008
การประกวดตัวแทนพริททีจากบริษัทรถยนต์ที่เข้าร่วมงาน เปิดให้ผู้เข้าชมงานโหวททางแผ่นพับ โดยจะเริ่มการโหวทตั้งแต่วันเริ่มจนวันสุดท้ายของการจัดงาน สำหรับพริททีที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะได้รับทองคำหนัก 5 บาท และ FREE TREATMENT จาก SLIM UP มูลค่า 45,000 บาท ส่วนผู้ที่โหวทเข้ามาคะแนนสูงสุด จะได้รับทองคำหนัก 2 บาท 1 รางวัล ทองคำหนัก 1 บาท 1 รางวัล จีพีเอส รุ่น เอนวี 100 มูลค่า 9,900 บาท 3 รางวัล และ บัตรของขวัญ จาก SLIM UP มูลค่า 8,000 บาท 10 รางวัล

• ฝึกทักษะ และลองนั่งรถ 4×4
นอกเหนือจากการแสดงรถยนต์แล้ว ยังมีกิจกรรมของโรงเรียนสอนทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ SPIRIT OF THE 4×4 DRIVING SCHOOL โดยจัดหลักสูตรอบรมแบบเร่งรัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้สนใจ นอกจากนี้ บริษัทรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถขับเคลื่อน 4 ล้อภายในงาน ได้มาทดลองนั่งเพื่อทราบสมรรถนะของรถ ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยตั้งบูธลงทะเบียน ไว้บริเวณ CHALLENGER 1 หลังบูธรถยนต์มาซดา

• THE 9th MOTOR EXPO DESIGN AWARD 2008
ผู้จัดงาน ร่วมกับ ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ภาควิชาอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง และภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประกวดออกแบบยานยนต์ ครั้งที่ 9 หรือ “THE 9th MOTOR EXPO DESIGN AWARD 2008” ในหัวข้อ “ยานยนต์หยุดโลกร้อน” ชิงโล่เกียรติยศ พร้อมทุนการศึกษานับแสนบาท โดยการสนับสนุนจาก ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และบริษัท เน็ควอซ์ก อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

• ซื้อรถ ชิงรถ / ซื้อบัตร ชิงรถ / SMS ชิงรถ / ซื้อสินค้า ชิงเรือ NAVIGATOR
ในงานยังคงจัดรายการมอบโชคเพื่อคืนกำไรให้แก่ผู้ชมงานเหมือนเช่นเคย โดยจัดโพรโมชัน “ซื้อรถ ชิงรถ” “ซื้อบัตร ชิงรถ” และ “SMS ชิงรถ” แจกรถยนต์รวม 3 คัน ให้ผู้ชมงานที่โชคดีในรายการต่างๆดังนี้ ผู้จองหรือซื้อรถในงาน รับสิทธิ์รายการ “ซื้อรถ ชิงรถ” ลุ้น ซูบารุ อิมพเรซา ใหม่ 4 ประตู สีขาว มูลค่า 1,120,000 บาท ผู้ซื้อบัตรชมงาน รับคูปองร่วมชิงโชครายการ “ซื้อบัตร ชิงรถ” ลุ้น เชฟโรเลต์ อาวีโอ 1.4 เบส (A/T) มูลค่า 545,000 บาท ส่วน
ผู้ชมงานที่ร่วมสนุกส่ง SMS จากโทรศัพท์มือถือ ได้สิทธิ์ร่วมลุ้นในรายการ “SMS ชิงรถ” ชิง ฮอนดา แจซซ์ มูลค่า 597,000 บาท นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อสินค้าภายในงานตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ชิงรางวัลรายการ “ซื้อสินค้าชิงเรือ NAVIGATOR” โดยลุ้นรับเรือ NAVIGATOR มูลค่า 15,000 บาท ทุกวัน วันละ 3 ลำ รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านบาท”

• สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย
สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ส่งรถโบราณที่หายากเข้าร่วมจัดแสดงหลากหลายรุ่นทั้งก่อนสงคราม หลังสงคราม และรถคลาสสิค อาทิ Austin Seven ปี 1932 Triumph Roadster 1800 ปี 1948 Jaguar E-Type Series I ปี 1964 นอกจากนี้ ยังจัดวิทยากร เพื่อบรรยายความรู้ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถโบราณแต่ละคันอีกด้วย

• MOTOR SPORT 2008
กิจกรรมเอาใจคนรักความแรง รวมรถจากทีมแข่งต่างๆ ทั้งทางเรียบ และทางฝุ่น รถแข่งดริฟท์ ระดับหัวแถวของวงการ ที่ผ่านการตกแต่งมาอย่างสุดขั้ว ทั้งยังมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับรถแข่งเข้ามาแสดงกันคึกคัก นอกจากจะได้ชมรถแข่งแล้ว ยังสามารถหาซื้ออุปกรณ์สำหรับรถแข่งภายในงานได้อีกด้วย

• ลานแสดงศิลปวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทย
สมาคมศิลปวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทย จัดแสดงศิลปะดนตรีไทย ศิลปะประยุกต์ ต่างๆ โดยนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่ออนุรักษ์ สืบสาน และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยทุกวันของการจัดงาน ตั้งแต่เวลา 15.00-17.00 น

• ศิลปินน้อย MOTOR EXPO
พื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปกรรมสร้างสรรค์ของศิลปินน้อยวัย 6-12 ปี ที่กล้าคิด กล้าแสดงออก ในรูปแบบการประกวดแข่งขัน รวมทั้งเป็นการจัดแสดงผลงานของเด็กๆ เพื่อให้ใช้ความคิดในทางสร้างสรรค์ ตามแนวคิด “พันธกิจมนุษย์ หยุดโลกร้อน”

• มหกรรมรถมือสอง
TOYOTA SURE / BMW PREMIUM SELECTION / CHEVY OK/BENZ ID1 และ MINI NEXT นำรถมือสองคุณภาพดีมาร่วมจำหน่ายภายในงาน ทั้งยังให้บริการประเมินราคารถเก่าทันที สำหรับผู้ต้องการซื้อรถ (มือสอง) คันใหม่ ภายในงาน

• CAR STEREO ALLEY & ACTIVITIES
รวมพลรถพลังเสียงที่ยิ่งใหญ่ บนลานกว้าง 8,000 ตรม. มีบริษัทเครื่องเสียงชั้นนำ ผนึกกำลังสร้างความบันเทิง ได้แก่ AUDIO ACCESS/MA AUDIO/CAR AUDIO & ACCESSORIES และ บริษัท แทมเซ่น จำกัด ระดมรถที่ติดตั้งเครื่องเสียงระดับ ไฮ-เอนด์ มากกว่า 100 คัน พร้อมการแสดงจากศิลปิน ดารา นักร้อง ชั้นนำ และ แดนเซอร์ มืออาชีพ นอกจากนี้จะมีการให้ความรู้ โดยนักวิชาการด้านเครื่องเสียงอีกด้วย

• วันละคลับ สำหรับคนรักรถ
การรวมตัวของสมาชิก กลุ่มผู้รักรถชมรมต่างๆ (CAR CLUB) อาทิ SUBARU CLUB , MITSUBISHI CLUB , HONDA JAZZ CLUB , VOLVO CLUB , HYUNDAI H-1 CLUB , SSANGYONG CLUB ,TOYOTA CLUB และ NEW MINI SOCIETY เพื่อพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้สนใจ ณ บริเวณ ดรอพ ออฟ ชั้น 2 หน้าอาคาร ชาลเลนเจอร์ กิจกรรมจัดวันละ 2 รอบ 11.30-15.00 น. และ 17.30 -21.00 น.โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2551

ยลโฉมนวัตกรรมยานยนต์และร่วมกิจกรรมต่างๆ กันแบบจุใจในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2551 ณ อาคาร ชาลเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และในวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2551 ดู๋ สัญญา คุณากร และ หนูแหวน ปวริศา เพ็ญชาติ จะพาคุณผู้ชมทางบ้านไปพบกับรถเด่นๆและกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” กับรายการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ตั้งแต่เวลา 13.45 – 15.40 น.

# # # # # #


Volkswagen The New Caravelle 2.5 TDI
4 Motion All wheel drive

บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้ารถโฟล์คสวาเกนอย่างเป็นทางการแต่ผู้เดียวในประเทศไทย มีความภูมิใจที่สุดในการนำเสนอ Volkswagen The New Caravelle 2.5 TDI 4 Motion All wheel drive ซึ่งเป็นนวัตกรรมลิขสิทธิ์เฉพาะของ Volkswagen ที่เลื่องชื่อ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็น on road หรือ off road ไม่ว่าจะใช้งานในธุรกิจประจำวันหรือวันพักผ่อนที่เร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์ 2.5 TDI ความแรงที่มาพร้อมกับความประหยัด ทั้งยังได้รับมาตรฐาน Euro4 จึงมั่นใจได้ในเรื่องรักษาสภาพแวดล้อมและปกป้องภาวะโลกร้อน

พร้อมกันนี้ได้นำเสนอ Promotion สุดพิเศษ 4×4 เฉพาะในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้

1. ฟรี… รับประกันตลอด 4 ปี *
2. ฟรี… บำรุงรักษาตลอด 4 ปี *
3. ฟรี… ค่าซ่อมและอะไหล่ตลอด 4 ปี *
4. ฟรี… บริการช่วยเหลือ 24 ชม. ตลอด 4 ปี *

* หรือ 90,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งที่ถึงก่อน และภายในเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด


รายละเอียดของรถยนต์

1.The New Caravelle Touring มาพร้อมอิสระภาพในการเดินทางด้วยภายในที่ตอบสนองการใช้งานได้สูงสุด ในแบบ 11 ที่นั่ง พร้อมเบาะนั่ง VIP 2 ตัว และรางเลื่อนนิรภัยที่ช่วยให้จัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการเหมือนรุ่นอื่นบนมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมือนกัน

2. The New Caravelle Business Line ในรูปแบบอัครยานยนต์แบบ 11 ที่นั่ง สไตล์นักธุรกิจชั้นนำ ที่กว้างขวางสะดวกสบายด้วยอุปกรณ์ตกแต่งภายในที่หรูหรา ทันสมัย และอุปกรณ์ความบันเทิงครบครัน ไม่ว่าจะเป็น คอนโซลใหม่หรูหรา ที่นั่ง 3 แถวปรับตำแหน่งได้ ที่พักเท้าปรับไฟฟ้า กระจกกั้นห้อง 2 ชั้น แบบ double glassing เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด จอ LCD แบบ wide screen ขนาด 19 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD ระบบเสียงสมบูรณ์แบบ Dolby 5.1 surround วิทยุหน้า 2 Din พร้อมบลูทูธตำแหน่งคนขับ เบาะหนังแท้ที่ตกแต่งพิเศษเพื่อความเหนือระดับ ประตูเลื่อนไฟฟ้า 2 ด้าน ระบบรางเลื่อนนิรภัย และเบาะนั่งแบบ VIP ที่ผ่านมาตรฐานยุโรป

3. Volkswagen The New Caravelle Highline ที่สุดของความหรูหราของอัครยานยนต์ อีกระดับของความหรูหราและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการตกแต่งภายในที่เหนือระดับ ด้วยเบาะหนังแท้ชั้นดีเพื่อความมีบุคลิกเฉพาะตัว และพื้นที่ส่วนตัวที่กว้างขวางสะดวกสบายกว่าเดิม ลายไม้สีเข้มสุขุมและเคร่งขรึมในสไตล์ dark wall nut จอภาพระบบ LCD ขนาด 19 นิ้ว แบบพับเก็บได้บนคอนโซลเปิดขึ้นลงด้วยไฟฟ้า ใหม่ล่าสุดเพื่อความบันเทิงอีกระดับ เครื่องเล่น DVD ระบบเสียง surround ชมภาพยนตร์แบบ Dolby 5.1 surround ให้ความกระหึ่มและเสียงที่สมจริง ฉากกระจกกั้นระหว่างห้องโดยสารและห้องคนขับ แบบ double glassing เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด ช่องเสียบ USB port สำหรับรับเล่นเพลงจาก iPod และอุปกรณ์ความบันเทิงส่วนตัวต่างๆ ระบบเซ็นเซอร์ถอยหลัง พร้อมกล้องรับภาพและจอแสดงผลที่คอนโซลคนขับ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากความโดดเด่นที่เหนือระดับดังที่กล่าวมาแล้ว Volkswagen the New Caravelle ทั้ง 3 เวอร์ชั่น ที่นำเข้าโดยไทยยานยนต์ยังได้รับการคัดสรรอุปกรณ์ที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นมาอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

– รถยนต์ที่นำเข้ามาเป็นรถยนต์ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสบกับการใช้งานในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทยอย่างแท้จริง จึงมีความทนทานในการใช้งานระยะยาว

– ระบบเครื่องปรับอากาศได้รับการพัฒนาขึ้นมาร่วมกับโฟล์คสวาเกน เอจี เพื่อให้รองรับการใช้งานที่แตกต่างของประเทศไทยไทยโดยเฉพาะ

– เบาะนั่ง VIP นิรภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรปโดยผ่านการทดสอบจากสถาบันทดสอบชั้นนำไมร่า ซึ่งไทยยานยนต์เป็นรายเดียวในประเทศไทยที่เบาะนั่งในรถตู้ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานชั้นสูง

– รางเลื่อนนิรภัยเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะจากโฟล์คสวาเกน ที่ บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งเป็นรายเดียวในประเทศไทย

– การดูแลและให้บริการตามมาตรฐานสูงสุดในฐานะผู้เข้าและจัดจำหน่ายโฟล์คสวาเกนอย่างเป็นทางการแต่ผู้เดียวในประเทศไทย

– อุปกรณ์พิเศษต่างๆให้เลือก มาพร้อมมาตรฐานโรงงานโฟล์คสวาเกน อาทิ เช่น กระจังหน้าโครเมี่ยม ที่บ่งบอกถึงความเหนือระดับของบุคคลที่ต้องการความแตกต่าง

เครื่องยนต์มีให้เลือกตามความต้องการทั้งในแบบ ด้วยเครื่องยนต์ 2.5 TDI เทอร์โบดีเซล ไดเร็คอินเจ็คชั่น แบบ 5 สูบ ขนาด 2,460 ซีซี ผลิตแรงม้าสูงสุดที่ 174 bhp ที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ 3.2 V6 เบนซินแบบ V6 สูบ 3,189 ซีซี ผลิตแรงม้าสูงสุดได้ถึง 235 bhp ที่ 6,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 315 นิวตันเมตร ที่ 2,950 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบ ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ พร้อมทิปโทรนิค 6 สปีด ดิสก์เบรก 4 ล้อ และระบบป้องกันล้อล็อกตาย (ABS) พร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) ช่วยรักษาการทรงตัวของรถได้ดีเยี่ยมยามขับขี่บนผิวถนนที่ลื่น

# # # # #



1 ปีเศษแล้ว ที่ผมได้มีโอกาสลองขับ น้องเล็กสุดท้องของตระกูล เล็กซัส
แต่ ก็ไม่คาดคิดว่า ปีนี้ จะได้กลับมาขับรถรุ่นนี้อีกครั้ง

แถมยังฉับไวไล่หลังการเปิดตัว เพียงไม่กี่สัปดาห์ด้วยซ้ำ

เรื่องราวมันต่อเนื่องมาจาก รีวิว ของพี่ชายร่างยักษ์
LEXUS LS 460 L คันละ 11 ล้านกว่า เหยียบ 12 ล้านบาท
ด้วยเหตุที่ คุณผู้อ่าน ช่วยกันอุดหนุน จนอุ่นหนาฝาคั่ง
คลิกเข้ามาอ่านมาดูมาเซฟรูปไปฟอร์เวิร์ดเมล์กันต่อ
เยอะมาก 14,000 กว่าราย

เกินกว่าที่คาดคิดไว้ สำหรับรถใหญ่ที่ไกลเกินจะเอื้อมถึง



ใครบางคนที่คุ้นเคย ในบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่ง ที่ไม่ใช่โตโยต้า นั้น
ตั้งข้อสังเกตให้ผมฟังเล่นๆ เมื่อราวๆ กันยายนที่ผ่านมา
ในวันที่ผมอ่อนล้าหัวใจ จนแทบจะหมดแรงว่า
เมื่อบทความ รีวิว BMW 320d ที่ผมทำนั้น
อัพโหลดขึ้นโพสต์ใน Caronline.net แห่งนี้
ในเดือนต่อมา ยอดขายของ 320d
มันพุ่งขึ้นมาจนผิดจากที่เจ้าตัวเขาสังเกต

และเขาบอกว่า ส่วนหนึ่ง มันเป็นเพราะ รีวิวที่ผมทำ….

ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่ารีวิวที่ผมทำจะมีผลกับยอดขายของรถรุ่นใดรุ่นหนึ่งมากขนาดนั้น
แม้หลายคนที่เคยพบปะหน้ากันกับผม จะเคยเข้ามาทักทาย แล้วบอกว่า ซื้อรถรุ่นนั้นรุ่นนี้
เพราะรีวิวของผม

แต่ เรียนตามตรงว่า ผมไม่ค่อยอยากเชื่อ เพราะท้ายที่สุด
การตัดสินใจของใครสักคนที่จะซื้อรถสักคัน
มันควรจะไปจบลงตรงที่ว่า ได้ทดลองขับแล้ว ชอบใจ
เห็นแจ้งกระจ่างจริงกับตน จึงค่อยเซ็นเอกสารสั่งซื้อ สั่งจอง

รีวิวที่ผมทำ มันควรจะทำหน้าที่แค่ ข้อมูลเบื้องต้น เชิงลึก
ในการพิจารณา ไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดสินใจซื้อของคุณ

ถึงผมจะไม่ค่อยอยากเชื่อ
แต่ผมก็ไม่รู้ว่า พี่แข พี่สาวร่างใหญ่ผู้มีความไม่ธรรมดา แห่งฝ่ายพีอาร์ ของโตโยต้า
จะเชื่อ เหมือนเช่นที่ ใครบางคน คนหนึ่งข้างบนนั้น จะตั้งข้อสังเกตเอาไว้
ในฐานะเพื่อนฝูงกัน หรือไม่

แต่ด้วยเหตุที่ ตอนนี้ โตโยต้า กำลังอยู่ในระหว่าง
โปรโมท IS 250 ไมเนอร์เชนจ์ ที่เพิ่งปรับโฉมในไทย
ตามติดตลาดโลกกันกระชั้นชิด

พี่แข ก็เลยใจดี หยิบกุญแจ IS 250 ไมเนอร์เชนจ์ ส่งมาให้ลองกันอีกครั้งอย่างง่ายดาย

ซึ่ง สารภาพตามตรงว่า ผมไม่คาดคิดมาก่อน ว่าจะได้ขับรถรุ่นนี้ อีกครั้ง
ตอนที่ติดต่อขอยืม LS 460L ไป ก็มิได้นึกถึง IS 250 ใหม่นี้เอาไว้เลย
และคิดว่า คราวก่อน ก็เคยลองขับไปแล้ว คงไม่ต้องทำอะไรอีก

แต่เมื่อมาคิดดูอีกที ในเมื่อคราวที่แล้ว รุ่นดั้งเดิมของ IS 250 คันที่ผมได้รับมาลองนั้น
สภาพของมัน ผ่านมือมาค่อนข้างหลากหลาย คล้ายกับน้องนางในตู้กระจก

ดังนั้น ถ้าจะลองกันอีกครั้ง ในสภาพของรถรุ่นใหม่ คันใหม่ สดใหม่กว่าเดิม
แถมยังเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาอีกเล็กน้อย

มันก็ดูน่าจะยุติธรรมกว่า



ที่สำคัญ คราวที่แล้ว ลองได้สั้นๆ 3 วันก็ต้องคืน
แต่คราวนี้ ยืมกันยาวต่อเนื่องได้แถมเพิ่มอีก 1 วัน
เรียนรู้จักกันได้มากขึ้น

ว่าการที่ ราคา ของ IS 250 ใหม่ แพงขึ้นจากเดิม
– Luxury Package 3,050,000 บาท
– Premium Package 3,450,000 บาท
– Premium Package พร้อมหลังคาซันรูฟ 3,550,000 บาท

ซึ่งงานนี้ โตโยต้า ก็เพิ่มการรับประกันคุณภาพตัวรถ 4 ปี แถมยังไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย
โดยไม่ต้องไปซื้อ โปรแกรมการบำรุงดูแลรักษาอะไรให้วุ่นวาย

มันเป็นเพราะอะไร

เพราะเมื่อเห็นใบราคาแล้ว ผมได้แต่นึกในใจ…

ชักอยากรู้ขึ้นมาเล่นๆเสียแล้วว่า ใครเป็นคนทำราคารถรุ่นนี้

ตามด้วยคำถามที่ว่า แล้วรถรุ่นใหม่ มันมีอะไรให้ต้องขึ้นราคากันอย่างนี้บ้าง

และนั่นคือที่มา ของรีวิว ครั้งนี้



บอกไว้ก่อนกันเก้อว่า
ใครอยากจะอ่านรีวิวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ให้เต็มอิ่มนั้น
เห็นทีจะเข้าเป้าประสงค์ เพียงแค่ระดับหนึ่ง
เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูรีวิวเก่า ของ IS 250 ที่เคยทำไว้
เมื่อปีที่แล้ว ใน ( http://www.caronline.net/ArticleDetail.aspx?ArticleID=109 )
ก็พบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเขียนเอาไว้ ยังคงอ้างอิงใช้ได้เหมือนเดิม
บุคลิกหลักของรถ ก็ยังคงเหมือนเดิม
ยกเว้น ในบางประเด็น ที่มันเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งก็ไม่เยอะนัก

ดังนั้น ผมจึงอยากพุ่งประเด็นไปที่ว่า
สิ่งที่เคยเขียนคอมเมนท์เอาไว้ ในรถรุ่นเดิมคันนั้น
มาวันนี้ รุ่นปรับโฉมใหม่ มันแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่ และอย่างไร มากกว่า

เชิญทุกท่าน รจนา…เอ้ย ทัศนา



คราวนี้ ไม่ต้องอารัมภบทกันให้เวิ่นเว้อวุ่นวาย
เพราะนับตั้งแต่ IS 250 เจเนอเรชัน 2 เปิดตัวในตลาดโลก เมื่อเดือนสิงหาคม 2005
และเข้ามาเปิดตัวในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2006
เราก็ได้เห็นสปอร์ตซีดาน ขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นนี้
บนท้องถนนเมืองไทยมากขึ้นอย่าง หนาหูหนาตา กว่าในอดีตที่เคยเป็น

ลูกค้ากลุ่มอายุ 25-35 ปี ทื่มีฐานะการเงินดี และมีรสนิยมไปในแนวหรู
แต่รู้สึกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสรุ่นเก่า ก็ยังดูหรูไม่พอ
ขณะที่ BMW ซีรีส์ 3 ก็สปอร์ต ขับแล้วแข็งกระด้างไปสักหน่อย
พากันเทใจให้ IS 250 มากขึ้น

จนปริมาณของรถบนถนนในกรุงเทพฯ นั้น
เริ่มใกล้เคียงกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง BMW ซีรีส์ 3 E90 เข้าไปทุกที

แต่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่ เวอร์ชันตลาดโลก ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์พร้อมกั
เมื่อเดือนสิงหาคม – กันยายน 2008 ที่ผ่านมา

28 ตุลาคม 2008 เลยกลายเป็นวันเปิดตัว รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ในเมืองไทย ที่เห็นอยู่นี้



ถ้าถามว่า มีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นเดิมบ้าง
หากดูจากภายนอกเผินๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรถแล้ว
พวกเขาจะแยกความแตกต่างไม่ออกเลย

ผมเองก็ยังต้องเพ่งอยู่พักใหญ่ ถึงจะรู้ว่า
มีกระจังหน้า ดีไซน์ครึ่งท่อนล่างใหม่
เปลือกกันชนหน้า ออกแบบให้สอดรับกัน
โดยยึดแนวเส้นสายคล้ายของเดิมที่ดุดันอยู่แล้ว

เฉพาะรุ่น Premium Package
ชุดไฟหน้า แบบ HID มาพ้อมระบบปรับเปลี่ยนมุมองศาจานฉายอัตโนมัติ
ตามการเข้าโค้ง AFS (Adaptive Front Lightningt System)
พร้อม ที่ฉีดน้ำล้างชุดไฟหน้า ด้วยสวิชต์ ที่แผงหน้าปัด
และระบบปรับไฟหน้า สูง-ต่ำอัตโนมัติ Auto Leveling มาให้

ส่วนรุ่น Luxury มีแค่ระบบปรับไฟหน้าด้วยสวิชต์ธรรมดาทดแทนไป



ส่วนบั้นท้ายนั้น ถ้าไม่เห็นชุดไฟท้ายลายใหม่ มีไฟถอยหลัง
ที่ชวนให้นึกถึง สัญลักษณ์ของ เครื่องกีฬายี่ห้อ NIKE เป็นอันมาก

ไฟท้ายนั้น ในแค็ตตาล็อกระบุว่า เป็นแบบ LED
แต่ ผมก็เพ่งแล้วเพ่งอีก ด้วยความไม่แน่ใจว่า มันใช่แน่เหรอ?

นอกนั้น ถ้าไม่สังเกตจริงๆ ก็แทบจะดูไม่รู้เลยว่า เป็นการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ (แล้วนะ)

สีตัวถังมีให้เลือกมากถึง 6 สี
ได้แก่ Silver Mica Metallic / Dark Grey Mica /
Bluish Pearl Crystal Shine / White Pearl Crystal Shine /
Black และสีใหม่ Blonde Mica Metallic

รายละเอียดหลักๆ ดูเผินๆ ทุกอย่างก็แทบเรียกได้ว่าเหมือนเดิม



ไล่กันตั้งแต่กุญแจรีโมทคอนโทรล แบบ KEYLESS ENTRY
ซึ่งยังคงมีสารรูป เหมือนรีโมทระบบกันขโมยแบบย้อนไปสักเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
ไม่มีผิด



แค่เอาชุดกุญแจรีคโมท เข้าใกล้ประตู
ระบบไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ในตัว
จะติดสว่างขึ้นเอง เพื่อส่องพื้นรอบๆตัว ในยามค่ำคืน



เปิดประตูเข้ามา ก็เจอบรรยากาศที่คุ้นเคย

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุชั้นดี ใช้ลายอะลูมีเนียม ตัดสลับกับ ลายไม้เมเปิล ตามจุดต่างๆ
มี 2 สี คือ สีน้ำตาล และสีเทาเข้ม ที่เห็นอยู่นี้ มีเฉพาะรุ่น Premium Package
ดีที่เปลี่ยนจากลายไม้แบบเดิม ซึ่งดูแก่หง่อม เพราะสีเข้มเกินไป

ย้อนไปก่อนหน้านั้น 3 วัน
คืนวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน รายการทีวี Dara Party ของ RS
กำลังออกอากาศ ที่ช่อง 3 น่าจะจำไม่ผิด ผมไม่ค่อยสนใจรายการประเภทนี้เท่าไหร่
แต่ในเมื่อ ทีวี เปิดทิ้งไว้ หูอันซุกซนก็เลยฟังไปเรื่อยๆ ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ได้ดู

จู่ๆ มี Celebrity คนหนึ่ง เห็นว่าชื่อคุณเก๋ รุ่งนภา
นามสกุลอะไร ผมไม่อาจจำได้ถนัด เพราะว่า ยาว

เธอบอกว่า เธอได้ชมรถคันนี้ ในงานเปิดตัวแล้ว
ชอบเลย ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาก

คนที่นั่ง “ฟัง” ทีวีทางบ้านอย่างผม
อยากจะลุกจากเก้าอี้ทำงาน
เดินไปแหวกจอทีวีที่บ้าน เข้าไปบอก She ว่า

มันกว้างตรงหนายยยยยย
ไม่เห็นจะกว้างเล้ยยยยยยยย

สู้ LS 460 L ก็ไม่ได้ ชิส์!

(รู้น่า ว่ารถคนละประเภท)



เบาะนั่งคู่หน้า นั่งสบาย
ทั้งคู่ ปรับระดับสูงต่ำ เลื่อนขึ้นหน้า-ถอยหลัง ปรับพนักพิงเอนลงได้
แถมยังมีระบบดันหลังมาให้ ทั้งหมดนี้ ใช้งานด้วยสวิชต์ไฟฟ้า
พร้อมระบบจำตำแหน่งเบาะ 3 ตำแหน่ง ซึ่งจะจำตำแหน่งพวงมาลัย
ที่ปรับระดับสูงต่ำได้ และปรับระยะใกล้-ไกล เข้าหาตัวผู้ขับได้ด้วยสวิชต์ไฟฟ้า
หน้าตาเหมือนที่พบใน LS 460 L นั่นละ
แถมยังมีระบบพัดลมทำความเย็นใต้เบาะ และฮีตเตอร์ในตัว
สวิชต์ควบคุมอยู่เหนือคันเกียร์ขึ้นไปนั่นละครับ

นั่งสบาย และมีตำแหน่งเบาะในระดับต่ำสุด สูงกว่า ตำแหน่งต่ำสุดของเบาะนั่ง BMW ซีรีส์ 3 เล็กน้อย

พื้นที่เหนือศีรษะ แน่นอน มีเหลือ แต่อาจดูเหมือนไม่มากนัก



ทางเข้า-ออกประตู คู่หลัง
ก็ยังคงเข้าออกได้ ไม่ต่างอะไรกับทั้ง BMW ซีรีส์ 3 และ มาสด้า 3
คือ พอเข้าออกได้ แต่ก็หาใช่จะกว้างสบาย ชนิดเอาคนร่างอ้วนขึ้นไปนั่งได้
ในจังหวะเดียวแต่อย่างใด

Facebook Comments