หลังจากที่เปิดตัวไปเดือนกว่าๆกับ HONDA City CNG เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร นับว่าเป็นการใช้พลังงานทางเลือกชนิดที่ 4 ที่ฮอนด้าเลือกใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน ฮอนด้าเองก็ได้เปิดตัวทั้ง ซีวิคใหม่ที่ใช้น้ำมัน E85 ได้ รวมถึง แจ๊สไฮบริดใหม่ ที่หันมาคบกับมอเตอร์ไฟฟ้า และถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆของทางฮอนด้า ที่ไม่ใช่ 2 ตัวที่กล่าวมา ก็ยังสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งก็ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
HONDA City CNG ภายนอกนั้น ไม่ได้มีความต่างจากรุ่นปกติเท่าไหร่นักครับ คงจะแยกแยะได้จากการเห็นสัญญลักษณ์ที่แปะอยู่ด้ายหลังว่าเป็น “CNG” เท่านั้นครับ
ส่วนภายในก็ไม่ได้มีความแตกต่างเช่นกัน แต่จะมีเพิ่มขึ้นมา ก็ตรงที่มีสวิทช์เลือกชนิดของเชื้อเพลิง และแสดงปริมาณของแก๊ส ที่ติดตั้งอยู่ด้านล่างขวาของพวงมาลัยเพียงเท่านั้นครับ
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนวัสดุจากเดิม เช่น วาล์ว บ่าวาล์ว และหัวเทียน เพื่อให้เกิดความทนทานมากขึ้น ส่วนระบบ CNG นั้นเป็นระบบหัวฉีด มีอุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามาคือ กล่อง ECU, อุปกรณ์ปรับแรงดัน ,หัวเติมเชื้อเพลิง CNG ติดตั้งใกล้จุดเติมน้ำมัน พร้อมลิ้นป้องกันการไหลย้อนกลับของก๊าซ,
ถังบรรจุขนาด 65 ลิตร พร้อมแผงกั้นแบ่งพื้นที่ติดตั้งถังก๊าซในห้องสัมภาระด้านท้าย, ชุดหัวฉีดจ่ายก๊าซ,ท่อสแตนเลสนำก๊าซแรงดันสูง, ออกซิเจนเซ็นเซอร์ ตัววัดตำแหน่งปีกผีเสื้อ และ ระบบตัดการจ่ายก๊าซในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งทั้งหมดนี้เมื่อติดตั้งเข้าไปจะมีน้ำหนักเพิ่มอีกประมาณ 80 กก.
เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 80 กก.เป็นเหตุให้ต้องปรับช่วงล่างตามได้ด้วย โดยเริ่มจากการปรับจูนระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ให้มีน้ำหนักมากขึ้น โช๊คอัพกับสปริงเพิ่มความแข็งขึ้นจากตัวเก่าอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้สามารถซับแรงกระแทกได้มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการเพิ่มคานเหล็กเสริมความแข็งแกร่งแบบไขว้หรือ Cross Bar ในด้านหลังของเบาะโดยสารตอนหลัง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้อีกระดับหนึ่งด้วย
มาเรื่องสมรรถนะกันบ้างครับ อย่างแรกเลยก็คือ เรื่องเรื่ยวแรงที่คนใช้ CNG เป็นห่วงว่าจะหายไปนั้น เรื่องนี้บอกได้ว่าหายไปแน่นอนครับ เพราะตามตัวเลขที่ทางฮอนด้าให้มานั้น ในขณะที่คุณใช้น้ำมันจะมีแรงม้าจะอยู่ที่ 120 แรงม้า แต่คุณปรับโหมดมาใช้ระบบ CNG กำลังสูงสุดจะอยู่ที่ 102 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาทีเท่ากัน แรงบิดสูงสุด 127 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที หากใช้น้ำมันจะอยู่ที่ 145 นิวตัน-เมตร ซึ่งเท่ากับว่า หากเปลี่ยนมาใช้ CNG แล้วนั้น แรงม้าของรถคุณจะหายไป 18 แรงม้า และแรงบิดก็จะหายไป 18 นิวตัน-เมตร
แต่เมื่อได้สัมผัสรถจริง และการขับขี่จริงแล้วนั้น อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ช้าลงกว่าระบบเบนซินนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากตัดสลับระบบไปมาระหว่าง CNG ส่วนในความเร็วปลายนั้น ก็ยังสามารถไปแตะที่ 180 กม./ชม. ได้สบายๆทั้งก๊าซและน้ำมัน
ซึ่งในความเร็วประมาณ 175 – 180 กม./ชม.นั้นรอบเครื่องยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 5,500 – 6,500 รอบต่อนาที จะมีเสียงเตือนจากระบบ CNG ดังขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจครับ เพราะมันเป็นเพียงแค่เสียงเตือนว่า ระบบได้ตัดเข้าสู่โหมดการใช้น้ำมันให้อัตโนมัติ เพื่อเพิ่มสมรรถนะสูงสุดให้กลับคืนสู่เครื่องยนต์ แต่พอคุณถอนคันเร่งระบบจะกลับเข้ามาสู่ระบบ CNG เช่นเดิม
มาถึงช่วงล่างจากการใช้งานจริงกันบ้าง ต้องบอกก่อนนะครับการมาทดลองขับในครั้งนี้ นั่งกันแบบเต็มๆ 4ท่านรวมคนขับ ซึ่งน้ำหนักตัวรวมกันนั้นก็น่าจะมากกว่า 350 กก.เห็นจะได้ ความนิ่มนวลของการเดินทางอยู่ในเกณฑ์ดีครับ การเข้าโค้งต่างๆ ก็ทำได้ดี และยังไว้ใจได้ในความเร็วเดินทางตามกฎหมายกำหนด แต่จะมีอยู่ก็ตรงช่วงขึ้น-ลงคอสะพาน หรือทางที่เป็นลูกระนาด ท้ายรถมันจะยุบ และยืดตัวมากไปเสียหน่อย อาจทำให้คนนั่งด้านหลังอาจจะรู้สึกไม่สบายเท่าไรนักในการเดินทาง แต่โดยรวมแล้วถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับ
ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองนั้น ระยะทางที่ใช้ไป 155 กม กับความเร็วเดินทาง120 -140 กม./ชม บริโภคก๊าซ CNG ไปประมาณ 10 กก. ซึ่งถ้าคิดเป็นจำนวนเงินก็ประมาณ 105 บาท. บวกลบคูณหารออกมาแล้วนั้น กิโลเมตรละไม่ถึง 1 บาทเท่านั้นครับ
โดยรวมทั้งหมดแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวถังรถที่เสริมในเรื่องความปลอดภัยเข้าไป เครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ทนทานมากขึ้น รวมถึงยังปรับปรุงในเรื่องช่วงล่างให้อีกด้วย แถมยังมีการรับประกันคุณภาพจากฮอนด้าสูงสุด 3 ปีหรือ 100,000 กม. พร้อมรับสิทธิประโยชน์คืนภาษีรถยนต์คันแรกสูงสุด 100,000 บาท HONDA City CNG เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ หากคุณรับได้กับการต่อคิวเติมก๊าซ CNG
*********************************************************************************************************************
สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net