และแล้วการเดินของผมก็เริ่มขึ้นอีกครั้งแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นัดหมายกันที่สนามบินสุวรรณภูมิแต่ก็อาจจะเรียกได้นัดเช้ามากคือหกโมงเช้านัดเจอกันที่สนามบินเอาแล้วไงนั่นคือสิ่งที่ผมกังวลมากถึงมากที่สุดในการนัดหมายแล้วยิ่งเดินทางโดยเครื่องบินแล้วห้ามพลาดโดยเด็ดขาดมิฉะนั้นอาจตกเครื่องได้ทำให้ผมนั้นต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่กันเลยทีเดียว แล้วก็ไปถึงสนามบินเป็นคนแรกก่อนทีมงานของเชพโรเลตจะไปถึงอีก ก็เลยไปเดินเล่นหาอะไรใส่ท้องซะหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจกะว่าจะเข้าไปกินแฮมเบอร์เกอร์ข้างในซะหน่อยเดินกลับมาก็เจอทีมงานมากันแล้วพร้อมๆกับพี่ๆน้องๆผู้สื่อข่าว ต่างก็ทะยอยกันมาเช็คชื่อส่งบัตรประชาชนให้ไปเพื่อเช็คอินรับตั๋วโดยสาร กลับมาพร้อมบัตรคล้องคอแล้วก็แยกย้ายกันเข้าภายในอาคารรอเครื่องบินออกเดินทาง ระบบรักษาความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องดูแปลกไป ทำงานได้ไวขึ้นแต่มีข้อสงสัยอยู่นั่นคือ เมื่อเดินทางเครื่องตรวจวัตถุโลหะนั้นคราวนี้มันไม่ดังแม้ว่าจะใส่เข็มขัดเส้นเดิมรวมถึงมีเศษเหรียญติดอยู่ก็ไม่มีเสียงเตือนให้ต้องไปขึ้นแท่นกางแขนตรวจซ้ำไม่ทราบว่าเพราะอะไร
เอาละครับเมื่อเดินเข้าข้างในแล้วตั้งใจว่าจะไปกินเบอร์เกอร์ชื่อดังแต่ต้องชะงักหยุดกลางครัน เพราะเจอราคาเข้าไปทำให้กินไม่ลงกันเลยทีเดียว ไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ ชุดละสามร้อยกว่าบาททั้งที่ข้างนอกทั่วไปชุดละร้อยกว่าบาทเอง หิ้วท้องไปกินของว่างบนเครื่องก็ได้ รอรอเวลาประตูขึ้นเครื่องเปิดผู้โดยสารเยอะมาก อ้อลืมบอกไปครับว่าไปเชียงใหม่เพื่อทดสอบเจ้าเชพโรเลต”ครูซ” เราต้องนั่งรถบัสต่อไปยังลานจอดเครื่องบินไม่ได้เดินผ่านงวงครับ ขึ้นเครื่องปั๊บได้ที่นั่งปุ๊บคาดเข็มขัดเรียบร้อบรอเครื่องเทคออฟ การจราจรทางอากาศคงจะหนาแน่น เพราะแท็กซี่นานมากเกือบครึ่งชั่วโมงได้ พอเครื่องขึ้นแล้วผมก็ไม่สนอะไรแล้วหลับยาวเลยจนเวลาหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาทีผ่านไป อันช่วงเวลาที่เครื่องจะร่อนลงก็ตื่นขึ้นมา คณะของเรากว่าสามสิบชีวิตก็เดินถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ
ออกมารับกระเป๋าเรียบร้อยเดินทางด้วยรถบัสไปยังออฟฟิศพลัสซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินมากเพื่อรับประทานอาหารเช้า รับเอกสารแล้วก็ฟังบรรยายในเรื่องต่างๆของตัวรถและเส้นทางที่จะใช้กันในทริปนี้
ทางทีมงานเชพโรเลตเตรียมรถไว้18คัน สองรุ่นคือ 2.0 vcdi เครื่องยนต์ดีเซล แล้วก็1.8เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทั้งสองรุ่น โดยแบ่งคณะออกเป็นสองกลุ่มแล้วก็สองเส้นทางสี่ช่วง สลับกันขับหนึ่งคันนั่งสองคน
ผมได้อยู่กลุ่มแรกขับเจ้าตัว2.0 vcdi เครื่องดีเซลก่อน โดยใช้เส้นทางจาก ออฟฟิศพลัส-สะเมิง จุดพักรถที่ไร่นภ-ภูผา ช่วงแรกรับหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์ให้กับนักขับคิวทองพี่กบ รชฎ สุวรรณรัตน์ ที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันโดยไม่ลืมที่จะคาดเข็มขัดนิรภัย
ช่วงนี้ก็คอยดูแผนที่บอกเส้นทางที่ทางทีมงานกำหนดมาให้ ทำให้มีโอกาสสำรวจอุปกรณ์ต่างๆภายในรถ ระบบปรับอากาศภายในรถเป็นแบบดิจิตอล ตั้งระบบอัตโนมัติ มีจอแสดงผลอยู่คอลโซลกลางรถ ซึ่งรวมไปถึงระบบเครื่องเสียงที่จะแสดงผลไปยังทีเดียวกันด้วยวิทยุซีดีที่สามารถเล่นmp3ได้ การตกแต่งภายในห้องโดยสารเป็นแบบทูโทนเบาะหนังสีดำ-น้ำตาลส้ม การปรับเบาะที่นั่งยังเป็นระบบปรับด้วยมือไม่มีเบาะไฟฟ้าให้มา
ในช่วงที่นั่งนั้นก็พยายามซึมซับอาการต่างของรถไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่างที่เซ็ตมาได้ดีมาก ช่องท้องกับน่องนั้นมีการสั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนการขับขี่นั้นดูเหมือนจะเป็นการขับไปบ่นไปของพี่กบทั้งในเรื่องของเกียร์รวมไปถึงเครื่องยนต์ อันนี้ก็รับฟังไว้ก่อนเพราะรูปแบบการขับของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ต้องลองก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสแล้วก็ถือเป็นจุดเด่นได้นั้นคือในเรื่องของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารนั้นถือว่าทำได้เยี่ยมเพราะเงียบใช้ได้เลย ในช่วงสายของวันที่ไปลองนั้นในตัวเมืองเชียงใหม่การจราจรที่ค่อนข้างคับคั่งไม่จะเป็นรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์เยอะทีเดียว การหลบหลีกออกตัวหรือเร่งนั้นก็พอได้อยู่ไม่ถึงกับเครียด
ส่วนในช่วงที่ขึ้นเขาหรือทางลาดชันนั้นดูเหมือนว่าบางจังหวะนั้นต้องคอยส่งใจช่วยคนขับหน่อยเพราะดูเหมือนมีอาการรอรอบมาแบบไม่ต่อเนื่อง ต้องเค้นคันเร่งกันบ้างในบางครั้งในช่วงขึ้นเขาหรือทางลาดชัน ช่วงที่พี่กบขับอยู่มีหันมาถามด้วยว่าตกลงแล้วเจ้า”ครูซ”เนี่ยมันมีกี่เกียร์กัน ผมตอบไปว่ามีหกเกียร์พี่ แต่พี่เขาขับยังไงก็ได้แค่ห้าเกียร์เอง ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวค่อยถามทีมงานดูแล้วกันว่ายังไงกันแน่ ขับไปชั่วโมงกว่าๆกับระยะทางกว่าห้าสิบกิโลเมตรก็มาถึงไร่นภ-ภูผา ออกมาคันที่เจ็ดแต่มาถึงคันแรกพร้อมด้วยควันโชยมาจากยางและเบรกทั้งสี่ล้อ ขอเตือนไว้หน่อยก็แล้วกันเวลาจอดก็ดูนะครับอย่าไปจอดตรงหญ้าแห้งไม่งั้นมีโอกาสไหม้ทั้งรถไหม้ทั้งทุ่งได้เลย
ลงจากรถปุ๊บก็มีน้ำสตรอเบอรี่ปั่นมาเสิร์ฟถึงที่กันเลยทีเดียว ช่วงนี้เลยได้มีโอกาสสำรวจอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติม
ในช่องเก็บของนั้นเปิดมาจะมีช่องเสียบ usb อยู่ซึ่งสามารถนำแฟลชไดรฟ์มาต่อฟังเพลงได้ภายในแล้วเราก็มาเปิดฝากระโปรงดูเครื่องยนต์กันบ้างเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล4สูบแถวเรียง16วาล์วพร้อมเทอร์โบแบบแปรผัน VGT หัวฉีดแบบ VDCi แรงดันสูงถึง 1,600 บาร์ 2.0ลิตร 150 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาทีแรงบิด 320 นิวตันเมตรที่2,000 รอบต่อนาที
นั่งพักเติมพลังด้วยน้ำพริกหนุ่มแคปหมูและขนมสอดใส้หรือจะลงไปเก็บสตรอเบอรี่สดๆจากไร่ก็ตามแต่ศรัทธาของแต่ละท่าน ได้เวลาพอสมควรเราขอออกจากไร่มุ่งสู่จุดหมายต่อไป
รับไม้ต่อจากพี่กบส่งมอบกุญแจมาเข้าให้เขารถโดยไม่ต้องกดรีโมทเพราะมีเป็นระบบ keyless entryg เข้ามานั่งในรถเหยียบเบรก กดปุ่มสตาร์ทโดยไม่ต้องหยิบกุญแจเลย ปรับเบาะให้เข้าที่เข้าทางคาดเข้มขัดแล้วก็ออกเดินทาง คราวนี้ขับออกมาแบบเป็นกลุ่มย้อนกลับทางเดิมผิดจากขามาที่ขับแบบอิสระมาเจอกันที่จุดหมายเลย เนื่องจากทีมงานจะขอเก็บภาพซะหน่อยไม่มีปัญหาซึ่งแรกที่ผมลองเมื่อขับรถออกไปนั่นคือเบรกครับ ดูว่ากลับมาทำงานเป็นปกติรึยังหลังจากการใช้งานแบบผิดมนุษย์มนาที่ปกติจะใช้กัน ฮ่าๆผลออกมาว่ากลับมาเป็นปกติไม่มีการเฟดของเบรกให้เห็น
พวงมาลัยแบบสามก้านหุ้มหนังจับกระชับมือที่มาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วแล้วยังสามารถบังคับเครื่องเสียงได้อีกด้วย ช่วงล่างอย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าซับแรงได้ดีทีเดียว การยึดเกาะนั้นให้ความมั่นใจได้ในทุกโค้งเรียกได้การออกแบบ EURO-RIDE TUNINGนั้นทำได้ใกล้เคียงกับรถยุโรปมาก พวงมาลัยนั้นควบคุมง่ายไม่มีหน้าไวหรือว่าหักแล้วตอบสนองช้า ถือว่าเฉียบคมเลยส่วนเรื่องที่พี่กบบ่นแบบคุยกันสองคนนั้นผมคงต้องเห็นคล้อยตามเพราะเป็นดังที่พี่กบได้พูดไว้ แม้ว่าจะมีแรงม้าละแรงบิดเยอะแต่การทดเกียร์นั้นค่อนข้างจะห่าง บวกกับการทำงานของปีกผีเสื้อไฟฟ้าที่ตอบสนองช้าทำให้การขับขี่ที่น่าสนุกหรือแบบที่เรียกว่าสั่งได้นั้นหายไป สำหรับคนใจร้อนแบบผม การตอบสนองเมื่อกดคันเร่งทั้งในช่วงออกตัวหรือเร่งแซงนั้นยังไม่ทันใจ ระบบเบรกนั้นยังไว้ใจด้วยดิสก์ทั้งสี่ล้อที่ให้มาทั้ง ABS EBD BA รวมไปถึงระบบความคุมเสถียรภาพในการทรงตัวหรือ ESP แล้วยังมี TCS หรือระบบป้องกันการหมุนล้อฟรี ระบบพวกนี้ขอบอกก่อนว่ามันแค่ช่วยในการควบคุมรถในสถานการณ์คับขันมิใช่มีแล้วจะไม่เกิดอุบัติเหตุไม่หลุดโค้งนะครับ เตือนไว้ก่อน ระบบมันก็มีขีดจำกัดของมันอยู่ซึ่งในช่วงลงเขานั้นผมก็มีโอกาสได้ใช้ระบบ ESP คือขับไปเรื่อยตามจังหวะแล้วน่าจะเป็นการกดคันเร่งมากเกินไปหรือพื้นลื่นนั้นไม่แน่ใจแต่มีเสียงแล้วไฟโชว์ขึ้นที่หน้าปัทม์แสดงการทำงานของ ESP ขึ้นมาซึ่งมันจะไปสั่งให้ลดการทำงานของเครื่องยนต์และเพิ่มแรงเบรกในแต่ละล้อให้มากขึ้นเพื่อช่วยรักษาสมดุลของรถซึ่งทำให้บังคับได้ดีขึ้น
การลงเขาในบางช่วงนั้นก็นึกสนุกลองเปลี่ยนเกียร์เล่นลากรอบของเครื่องยนต์หรือบางครั้งใช้เป็นเอนจิ้นเบรกบ้างกับลองดูว่าเกียร์นั้นทำงานครบทั้งหกเกียร์รึเปล่า ผลปรากฎว่าไม่ว่าจะขับยังไงผมก็ขับได้แค่ห้าเกียร์เท่านั้นโดยดูจากตัวเลขที่แสดงอยู่บนหน้าปัทม์ ตบยังไงก็ไม่เข้าเกียร์หกให้อาจเป็นเพราะรอบเครื่องไม่ได้ก็เลยไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ให้หรือเป็นเพราะเกียร์มันฉลาดเกิน ส่วนยางที่ติดรถมาให้นั้นเป็นขนาด 225/50R17 นั้นแนะว่าถ้าต้องการให้มันยึดเกาะดีขึ้นหรือขับแบบโหดๆหน่อยก็ควรเปลี่ยนเป็นยางแบบสปอร์ตก็น่าจะดีขึ้นเพราะบางช่วงที่เข้าโค้งแบบแรงๆก็มีท้ายปัด เนื่องจากการไถลของยางให้เห็นอยู่ พอลงมาพื้นราบขบวนของเชพโรเลต”ครูซ”ก็ต่างคนต่างขับตามที่แต่ละคันต้องการช้าบ้างเร็วหรือตามแต่จังหวะของแต่ละคันเนื่องจากเข้ามาในเมือง รถเริ่มเยอะจนทำให้ผมเลยจุดที่จะเลี้ยวรถต้องไปกลับรถซึ่งในช่วงกลับรถนี่ในจังหวะที่จะกดคันเร่งที่จะกลับรถใจนะมันกลับไปแล้วแต่รถยังไม่ไปคือตอบสนองช้าจนทำให้คิดว่าเราไม่ได้กดคันเร่งเหรอเนี่ย!จนแล้วจนรอดเราก็มาถึงบ้านสวนแวะพักรถพักคนรับประทานอาหารเที่ยงกันแล้วก็สลับรถไปเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8กัน
ช่วงแรกเช่นเดิมครับให้พี่กบขับก่อนผมสำรวจภายในรถรุ่น1.8นั้นอุปกรณ์ต่างๆแทบจะไม่แตกต่างจากตัวดีเซล2.0เลยก็โดยในรุ่น 1.8 LTจะมีเบาะผ้ากับระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติก็ยังมีอยู่ส่วนแบบมือหมุนนั้นจะอยู่ใน1.8LSซึ่งเป็นรุ่นต่ำลงมาส่วนตัวท็อปของ1.8คือตัว LTZนั้นมีเหมือนตัว2.0ทุกอย่างนั่งไปนั่งมาก็หยิบหนังสือคู่มือออกมาดูทำให้รู้ว่าตัวเครื่องยนต์เบนซินนั้นเข้าไปเช็คระยะทุก 15,000กิโลเมตรส่วนดีเซลนั้นเช็คทุก10,000 กิโลเมตรแถมยังกินจุใช้น้ำมันเครื่อง6.5ลิตรกันเลยอาการของรถเท่าที่สังเกตุได้นั้นแทบจะไม่ต่างกันเลยกับตัว 2.0 ช่วงล่างอาจจะนิ่มกว่าอยู่เล็กน้อย เครื่องยนต์ 1.8นั้นเป็นแบบ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสียให้แรงม้า141ตัวที่ 6,200 รอบแรงบิด177นิวตันเมตรที่3,800รอบ/นาทีพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเช่นเดียวกับ 2.0หลังจากสำรวจดูข้าวของต่างๆภายในรถแล้วรับไม้ต่อมานั่งอยู่หลังพวงมาลัยแม้ความแรงจะได้ไม่เท่าเครื่องดีเซลแต่การตอบสนองอะไรต่างๆนั้นดูผิดกันไปมากไม่ว่าความรู้สึกแบบสปอร์ตการขับขี่แบบที่เรียกว่ากดเป็นมาแทบจะเป็นรถคนละแบบกันเลยก็ว่าได้
ขับสนุกผิดหูผิดตากันไปเลยแบบนี่แหละครับที่ต้องการช่วงล่างถ้าได้แบบ2.0มาก็เยี่ยมเลย อย่างที่บอกนิ่มไปหน่อยทางที่ใช้นั้นมีขึ้นเขาบ้างแต่ไม่ชันเท่าในช่วงเช้ากับมีพื้นราบให้ยิงกันยาวหน่อย อัตราเร่งนั้นตอบสนองดีการเปลี่ยนเกียร์นั้นก็ขับกันได้ครบทั้ง 6 เกียร์ไม่มีปัญหาไมว่าจะเปลี่ยนเองหรือให้รถเปลี่ยนก็ตามจังหวะการเปลี่ยนนิ่มนวลดีไม่มีการกระตุกหรือกระชาก การเก็บเสียงก็ยังทำได้ดีเงียบมากไม่เสียงลมปะทะแม้จะใช้ความเร็วสูงก็ตามระบบเบรกเช่นด้วยกันกับ2.0ให้กันครบครันแทบไม่มีอะไรต่างกันเลยสำหรับ 1.8 กับ2.0นอกจากเครื่องยนต์แต่ความรู้สึกนั้นต่างกันต้องไปลองดูแล้วคุณจะรู้ว่าผมพูดจริงรึเปล่าและแล้วสิ้นทางในการขับเจ้าเชพโรเลต”ครูซ”ก็สิ้นสุดลงยังที่พักของเรายังครับยังไม่จบดีเพราะเราต้องมีการพูดคุยกันหลังการขับกับทีมงานของเชพโรเลต
โดยผมถามเรื่องของเกียร์ว่ามีกี่เกียร์กันแน่แล้วทำไมรถมันถึงวิ่งได้ไม่ครบในเครื่องดีเซล
เกียร์นั้นทีมงานยืนยันว่ามี 6 เกียร์แน่นอนแต่ที่วิ่งไม่ได้นั้นน่าจะมาจากจังหวะที่สมองกลควบคุมไว้ว่าเกียร์นั้นไม่เหมาะสมเลยไม่เปลี่ยนให้อาจจะอยู่ในช่วงขึ้นเขาหรือลงเขาแล้วความเร็วไม่เหมาะสมก็ได้
ส่วนเรื่องราคานั้นแพงกว่าคู่แข่งหรือไม่ทีมงานก็บอกว่าถ้าอุปกรณ์ต่างๆใส่มาเท่ากันราคาก็แทบไม่ได้ต่างกัน
สรุปการออกแบบต่างๆนั้นเรื่องของช่วงล่างกับการควบคุมนั้นให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถยุโรปเลยทีเดียวระบบเบรกไม่ต้องเหยียบลึกหรือเหยีบบหนักแบบยุโรปยังเป็นแบบรถญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันส่วนเครื่องยนต์นั้นมาคราวนี้ผมกลับชอบเบนซิน1.8มากกว่า2.0ดีเซลเพราะตอบสนองผมได้ดีกว่า
แต่ไม่ได้หมายความว่าดีเซลมีปัญหานะถ้ามีการอัพเกรดซอฟท์แวร์ เครื่องและเกียร์ผมว่าจะดีขึ้นมาก แต่อย่ามาเชื่อผมมากนะเพราะคนอื่นอาจจะชอบแบบที่โรงงานเซ็ตมาก็ได้ ผมก็แค่คนที่ไปลองขับแล้วมาเขียนเล่าเป็นบทความแล้วคงไม่มีทางทำให้ยอดขายของรถดีตามบทความที่เขียนได้
ในช่วงที่ขับรถมานั้นผมถามพี่กบว่าหากจะเปรียบเทียบรุ่นดีเซล2.0กับเบนซิน1.8นั้นเป็นอาหารอะไรผมก็คงจะเปรียบเป็นก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่เครื่องเยอะแต่กินแล้วไม่อร่อยขาดอะไรไปบ้าง อย่างรสชาติยังไม่กลมกล่อมในตัวดีเซล ส่วนเบนซินนั้นเป็นก๋วยเตี๋ยวชามเล็กเครื่องไม่เยอะ รสชาติกำลังดีแต่กินแล้วยังไม่อิ่มต้องมีเบิ้ลขอต่ออีกชาม พี่กบได้แต่หันมาพยักหน้างึ่กๆแล้วพูดออกมาว่าคิดได้ไงเนี่ย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ premsak&Chevrolet
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…