ทดลองขับ โตโยต้า ยาริส 5 ประตูรุ่นปรับปรุงโฉมใหม่
เผลอแผล็บเดียวToyota Yaris รถเล็กสุดของ Toyota ก็ทำตลาดมาถึง 14 ปีแล้ว แต่ถ้านับย้อนไปที่บรรพบุรุษ ก็ต้องนึกย้อนไปถึงเมื่อ 30 กว่าปีก่อน กับตัวจี๊ด Toyota Starlet รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูรุ่นเล็กที่สุดในตลาดตอนนั้น
หลังจากสตาร์เล็ทโตโยต้าไทยก็เลิกทำตลาดรถประเภทนี้ไปหลายปี จนกลับมาอีกครั้งกับรุ่นยาริสในยุคนี้
แต่ถ้าไม่นึกย้อนไปไกลมาก ดูกันเฉพาะรุ่นปัจจุบัน ก็ออกตลาดมาตั้งแต่ปี 2013 ถึงปัจจุบันครบ 4 ปีพอดี เป็นช่วงเวลามาตรฐานที่จะต้องมีการเปลี่ยนรุ่นเปลี่ยนโมเดลเพื่อทำตลาด หรืออย่างน้อยถ้าไม่เปลี่ยนรุ่น Model Change ก็ต้องมีการปรับโฉม Minor Change แต่งหน้าทาปากเพิ่มกระตุ้นยอดขายกันตามปกติ
แต่คราวนี้ Toyota มาแปลก เพราะเปลี่ยนโฉมเกือบทั้งคันเพียงแต่ยังใช้พื้นฐานตัวถัง (platform)เดิมเท่านั้น ในทางเทคนิค จะถือว่าเป็น Model Change ก็ว่าได้ ที่สำคัญยังใส่ออพชั่นมาแบบล้นเหลือไม่ต้องขอเพิ่มกันอีกและนั่นคงทำให้คู่แข่งในตลาดต้องหนักใจไม่น้อย
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนกันยายนจนถึงวันนี้ ที่ได้มีโอกาสขับทดสอบก็เป็นเวลาเพียงเดือนเศษๆ
ยาริสใหม่ บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ กวาดยอดจองไปแล้ว 6,800 คัน ส่งมอบให้ลูกค้าได้นำไปซิ่งบนท้องถนนไปแล้วกว่า 4500 คัน และโตโยต้าก็กำลังเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อส่งมอบอย่างเต็มที่ ณ โรงงานที่ อ.บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา
ออพชั่นเด่นสุดของรุ่นนี้ที่โตโยต้าภูมิใจเสนอ คือถุงลมนิรภัยถึง 7 ใบ7 ตำแหน่ง ที่มีมาให้ในทุกรุ่นย่อย อันหมายความว่า แม้ลูกค้าเลือกซื้อรุ่นประหยัดสุดในราคาไม่ถึง 5 แสนบาท ก็ยังมีระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งถุงลมนิรภัย-SRS 7 ใบ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี-TRC, ระบบควบคุมการทรงตัว-VSC, ส่วนระบบเบรคก็มีพร้อมทั้ง ABS-ป้องกันล้อล็อค, ระบบกระจายแรงเบรก-EBD และระบบช่วยเสริมแรงเบรก-BA พร้อมดิสก์เบรคคู่หน้าเป็นอย่างน้อย
หลังเปิดตัวรถบริษัทโตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จํากัด ได้พาพวกเราคณะสื่อมวลชนราวๆยี่สิบชีวิต กับรถToyota Yaris โฉมใหม่กว่าสิบคัน ขับทดสอบจากใจกลางกรุงเทพมหานคร ไปขึ้นเขาตะนาวศรีถึง อ.ศรีสวัสดิ์ เมืองกาญจนบุรี
การทดสอบขับจริงสร้างความประทับใจได้มากทีเดียว กับความเงียบภายในห้องโดยสาร ทั้งเสียงรบกวนจากช่วงล่างที่เกิดจากการแล่นผ่านความขรุขระของท้องถนน และเสียงลมปะทะห้องโดยสารในความเร็วสูง สัมผัสได้ว่าดีกว่ารุ่นเดิม
การบังคับควบคุมผ่านพวงมาลัยคล่องแคล่วในความเร็วต่ำ ส่วนเมื่อความเร็วสูง ก็ให้ความมั่นใจได้ดีทั้งในการเปลี่ยนช่องทางจราจรหรือหักหลบในขณะคับขัน (ความเร็วรายการทดสอบครั้งนี้ ขอแอบบอกว่าสูงกว่าความเร็วที่กฎหมายกำหนดไปบ้างพอสมควร)
ความนุ่มนวลของช่วงล่างในการเดินทางถือว่าปานกลาง เพราะสำหรับรถขนาดเล็ก จะให้นุ่มนวลแบบรถครอบครัวก็คงไม่ได้ ยิ่งเมื่อหวังจะให้มีความกระชับมั่นคงในขณะใช้ความเร็วก็ต้องลดความนุ่มนวลในขณะความเร็วต่ำลงบ้าง
จุดเด่นจริงๆที่ประทับใจขอยกให้ 2 เรื่อง
1 ระบบเกียร์CVT นับว่าน่าทึ่งทำให้เกือบลืมไปเลยว่าเครื่องยนต์ แค่1200 ซีซี 86 แรงม้า เพราะสามารถแปรผันอัตราทดให้ตอบสนองกับการควบคุมคันเร่งได้ดี ระบบคันเกียร์แบบโหมด B คือมี Engine Brake สร้างความมั่นใจได้มากขณะลงทางชัน ของเทือกเขาจังหวัดกาญจนบุรี
และ
2 การตกแต่งภายใน น่าประทับใจมากยิ่งเมื่อคิดถึงระดับราคารถ การประกอบและวัสดุที่ใช้ต่างๆดูมีราคาและแน่นหนาแข็งแรง ขนาดห้องโดยสารโปร่งสบายจนเกือบลืมว่านี่คือ อีโค่คาร์
เป็นธรรมดาของการทดสอบที่เราก็ต้องพยายามจะหาข้อติ หรือข้อด้อย ซึ่งสำหรับรถรุ่นนี้นับว่าหาได้ยากพอดูเหมือนกัน ข้อสะดุดใจใหญ่สุดสำหรับตัวผมก็ คือเรื่องเสียงของเครื่องยนต์ที่เข้าห้องโดยสารเข้ามาขณะใช้ความเร็วสูง หรือเร่งแซง ที่ไม่ค่อยจะสร้างความรู้สึกเร้าใจให้คนขับตื่นตัวได้มากนัก คือรถอัตราเร่งนั้นตอบสนองดีแต่เสียงที่เข้ามากลับขาดเสน่ห์ตรงนี้ไป เข้าใจว่าคงขึ้นอยู่กับการออกแบบท่อร่วมไอดีไอเสียที่เน้นประสิทธิภาพในรอบต่ำมากกว่าจะให้เสียงที่สนุกเร้าใจของคนเท้าหนัก
ขอขอบพระคุณเจ้าภาพใจดี พี่เอก- คุณสมบูรณ์ มูลหลวง ที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกอย่างดี กับทีมงาน และเนวิเกเตอร์แสนน่ารัก น้องเบ๊นซ์ ที่นั่งคุยสนุกมาด้วยกันตลอดทาง แต่ก็ดันลืมถามชื่อจริงเธอเสียได้
โดย:ศราวุธ หมั้นทรัพย์