ทดลองขับ : นิสสัน อัลเมร่า อีโค่คาร์ 4ประตู รุ่นแรกในประเทศไทย By : Mr.O
ได้ทดลองขับเสียที กับเจ้าอีโค่คาร์ 4ประตู รุ่นแรกของประเทศไทยอย่างเจ้า นิสสัน อัลเมร่า หลังจากที่เปิดตัวตั้งแต่เดือน 7ของปีที่แล้ว เนื่องด้วยเกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมที่คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ที่อายุมากกว่า 80ปีก็ไม่เคยที่จะได้เห็น แถมยังเป็นสื่อขั้นที่สอง ขั้นที่สามอีกด้วย ก็เรียกได้ว่ารอไปเถอะครับ ให้สื่อหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร เค้าเขียนกันไปก่อน เราไม่รีบอยู่แล้วครับ ได้ขับเมื่อไหร่ เราก็เขียนเมื่อนั้น เพราะถึงอย่างไร สิ่งที่เราเขียน ก็อยู่นานที่สุดครับ ต่างจากหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร ได้เร็วก็จริงครับ แต่ก็ไปเร็วเหมือนกัน ไม่รู้ป่านนี้เป็นกระดาษรีไซเคิ้ลไปแล้วไม่รู้กี่รอบครับ ไม่ใช่เราจะว่าสื่อด้วยกันเองนะครับ กรุณาอย่าเข้าใจผิด……
นอกเรื่องมาพอสมควรครับ เข้าเรื่องรถกันดีกว่า นิสสัน อัลเมร่าคันนี้เรียกได้ว่า เป็นพี่น้องกับเจ้า นิสสัน มาร์ช เลยก็ว่าได้ครับ ถึงภายนอกจะต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่รายละเอียดต่างๆเช่น ช่วงล่าง เครื่องยนต์ หรือแม้แต่ภายในส่วนใหญ่ ก็ยกมาจากเจ้า นิสสัน มาร์ช นั่นแหละครับ ทีนี้ก่อนจะไปถึงเรื่องอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า คันไหนคือ อีโค่คาร์ คันไหนไม่ใช่
ข้อกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ รถอีโค่อาร์ (ECO Car)นั้น หลักๆก็มีอยู่ 5 ข้อด้วยกันครับ
1. มีอัตราการการกินน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่เกิน 5 ลิตร/ 100 กิโลเมตร หรือมากกว่า 20 กม./1 ลิตร
2. เป็นรถที่ได้มาตรฐาน Emission ตาม Euro4
3.เป็นรถที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร
4.เป็นรถที่มีมาตรฐานความปลอดภัย UNECE Reg.94. Rev.0, และ UNECE Reg.95. Rev.0
5.เป็นรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,300 cc สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ 1,400 cc สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
ซึ่งนิสสัน มาร์ช และนิสสัน อัลเมร่า ก็เข้าข่ายคุณสมบัติที่กล่าวมา จึงเป็นเหตุให้ได้ลดภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาค่าตัวของรถอีโค่อาร์ (ECO Car)นั้นถูกลงครับ
มาว่าเรื่องรถกันต่อดีกว่าครับ ภายนอกก็อย่างที่เห็นครับ เป็นรถนั่ง 4ประตู มิติต่างๆ ไม่ได้เล็กตามเครื่องยนต์เลย เทียบกับรถเครื่องยนต์ 1500cc. ในท้องตลาดได้อย่างสบายๆเลยครับ หรืออาจจะใหญ่กว่าบางคันเสียด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องความสวยงามนั้น อันนี้ขอไม่วิจารณ์ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองอย่างไร
ภายในกว้างขวางอย่างที่โฆษณาไว้ เบาะนั่งคนขับและคนนั่งด้านหน้า ส่วนตัวผมว่าจะเล็กและแคบไปซะหน่อยครับ อาจจะเป็นที่ผมตัวใหญ่ก็เลยรู้สึกครับ ส่วนบรรยากาศที่นั่งในเบาะหลัง กว้างขวางดีครับ แต่หากเป็นคนตัวสูงหน่อย ส่วนบนสุดของเส้นผมบนศีรษะ ก็อาจจะโดนเพดานของรถได้ครับ แต่หากนั่งยืดๆตัวหน่อย ก็สบายๆไม่น่าจะติดอะไรครับ
เครื่องยนต์ 3สูบ 1200cc. ให้แรงม้าสูงสุดที่ 79แรงม้าที่ 6,000รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 106นิวตัน-เมตรที่ 4,400 รอบ/นาทีดูว่าจะน้อยไปหน่อยนะครับ แต่จะเอาอะไรมากล่ะครับ รถใช้ในเมืองก็อย่างนี้ครับ ประหยัดดีด้วยนะครับผมว่า แต่ถ้าถามว่า ไปต่างจังหวัดได้มั้ย ก็ตอบเลยว่าได้ครับ ได้ในแบบสบายๆ ไม่รีบร้อน เดินทางไปเรื่อยๆ หากจะแซงก็เผื่อระยะสักหน่อย ก็ไปไหนมาไหนได้อย่างสบายๆครับ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 165กม./ชม.ครับ หากมีทางให้วิ่งมากกว่านี้ ก็น่าจะแตะที่170กม./ชม.ได้ครับ
อีกระบบที่มีมาให้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน นอกเหนือจากที่ใช้เครื่องยนต์ที่เล็กแล้วนั้น จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นั่นคือระบบ Idling Stop System แล้วมันคือระบบอะไรละครับ
Idling Stop System คือระบบที่ช่วยดับเครื่องให้คุณเอง โดยอัตโนมัติ ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และยังช่วยลดมลพิษได้อีกด้วย โดยระบบจะดับเครื่องยนต์ให้คุณเอง เมื่อคุณจอดรถอยู่กับที่ ไม่ว่าจะเป็นการจอดติดไฟแดง รอเลี้ยวหรือรอกลับรถ หรือแม้แต่รอจ่ายค่าทางด่วนครับ เรียกได้ว่าเหมือนตุ๊กตุ๊กเลยก็ว่าได้ ที่จะดับเครื่องทุกครั้งที่จอดนั่นแหละครับ แต่จะแตกต่างกันที่ระบบ Idling Stop System นั้นจะทำงานให้เองอัตโนมัติครับ ระบบจะดับเฉพาะเครื่องยนต์และคอมแอร์เท่านั้น ระบบอื่นๆก็ยังทำงานปกติครับ และระบบจะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่ปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก หรือดับเครื่องมาแล้ว 3 นาที เพื่อที่จะรักษากำลังไฟในแบตเตอรี่
ช่วงล่างน่าประทับใจครับ ตั้งแต่มาร์ชแล้วครับ พอมาเป็น อัลเมร่า ความประทับใจนั้นก็ยังคงอยู่ ไม่นิ่มและไม่แข็งจนเกินไป เรียกได้ว่านิ่มหนึบครับ แต่ก็อยู่ในช่วงความเร็วที่ไม่เกิน 140กม./ชม.นะครับ เกินจากนี้ไปแล้ว หากเจอพื้นถนนที่เป็นลอน หรือเป็นทางโค้ง เริ่มอันตรายแล้วครับ ซึ่งจริงๆก็เอาอยู่นะครับ แต่ไม่แนะนำดีกว่า เพราะมันขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคนแล้วครับ
โดยรวม ถือว่าเป็นรถที่น่าใช้อีกคันนึงเลยครับ ด้วยราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับรถที่ตัวถังเดียวกัน แถมยังประหยัดน้ำมันกว่าพวกเครื่องยนต์ 1500cc. หากวิ่งในเมือง ยิ่งด้วยราคาน้ำมันที่ยังคงมองไม่เห็นอนาคตว่าจะถูกลงด้วยแล้ว เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นในการซื้อรถใหม่สักคันนึงครับ ส่วนจะคุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่นั้น คำตอบนี้คงจะต้องขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านแล้วครับ
******************************************************************************
สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net