หากเป็นเมื่อก่อนนี้เวลาที่เรานึกถึง ยี่ห้อ นิสสัน เราคงจะถึงดีไซน์แบบเรียบๆไม่โฉบเฉี่ยวหรือหวือหวาอะไร แต่มาวันนี้ ก็มีรถอยู่รุ่นหนึ่งของทางนิสสันที่เรียบมีรูปร่างรูปทรงที่แปลกตาออกไป นั้นก็คือ นิสสัน จู๊ค ที่เริ่มวิ่งอยู่ในท้องถนนมากขึ้นเรื่อยๆ
การมาของนิสสัน จู๊ค นั้นหากไม่นับการมาอย่างเป็นทางการเราก็เห็นว่ามีรุ่นนี้วิ่งอยู่บนท้องถนนบ้านเรามาหลายปีแล้วโดยการนำเข้ามาของผู้นำเข้าอิสระหรือเกร์ยมารเก็ต ซึ่งราคานั้นอย่าให้พูดไปว่าเท่าไร จนเมื่อมีข่าวว่าทาง นิสัสัน นั้นจะนำเข้ารถรุ่นนี้มาทำตลาดในบ้านเราจนแล้วจนรอดก็ใช้เวลานานอยู่เกือบสองปีกว่าที่ทาง นิสสันจะตัดสินใจนำเข้ามาทำตลาดเองในบ้านเราโดยเป็นการนำเข้ามาจากทางฝั่งอินโดนีเซีย
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ได้มีการเชื้อเชิญให้ไปลองขับกันในทริปแบบเช้าไปเย็นกลับบนเส้นทาง กรุงเทพ-ราชบุรี กับระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกลประมาณ 370 กิโลเมตร ก่อนเดินทางสิ่งที่ต้องทำแน่นอนนั้นคือการเข้าฟังข้อมูลของตัวรถและเส้นทางที่เราจะวิ่งกันในครั้งนี้
ความแตกต่างของรถในเวอร์ชั่นไทยกับเวอร์ชั่นอินโดนีเซียนั้นหลักๆคือเครื่องยนต์โดยของไทยนั้นจะเป็นเครื่อง 1.6 ลิตรที่ยกมาจาก ซิลฟี่ ส่วนของอินโดนีเซียเป็นเครื่อง 1.5 ลิตร ส่วนเรื่องของการประกอบรถนั้นแม้ว่าจะประกอบจากอินโดนีเซียซึ่งหลายคนกลัวนั้นคงต้องบอกว่าไม่น่าที่จะกังวลอีกต่อไปเพราะอย่างน้อยก็ต้องผ่านมาตราฐานของนิสสันอยู่แล้วไม่ยอมให้ถูกตำหนิง่ายๆหรอก
นิสสัน จู๊ค เป็นรถยนต์ แบบสปอร์ตครอสโอเวอร์ ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Born to excite” มีการดีไซน์ ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ดุดันและกลมกลืน ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการตอบรับที่เกินคาดจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่กวาดยอดจองไปกว่า 5000 คัน
เมื่อถึงเวลาที่จะไปลองขับรถกันทางทีมงานก็ได้นำรถมาจอดเรียงรายกันในครั้งนี้ทั้งหมด 10 คัน เมื่อเห็นรถจริงแล้วต้องบอกว่าสวยแล้วก็โฉบเฉี่ยวเอามากๆ แล้วยิ่งเข้ามาในตัวรถแล้วก็เจอการออกแบบและดีไซน์ภายในที่แปลกตาเข้าไปอีกโดยแผงคอนโซลนั้นใช้สีแดงตัดกับภายในสีดำ แถมเบาะหนังยังมีการปั้มชื่อรุ่น JUKE เข้าไปที่เบาะอีกและยังมีการเดินด้ายสีแดงที่เบาะทำให้ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่
ก่อนการออกตัวเมื่อเข้าไปประจำตำแหน่งหลังพวงมาลัยการปรับตำแหน่งเบาะนั้นแม้ว่าจะปรับได้หลายระดับแต่ก็ยังขาดๆเกินอยู่หน่อย ส่วนพวงมาลัยนั้นปรับได้แค่ขึ้นลงเท่านั้น
การขับขี่ในตัวเมืองนั้นจากถนนสาทรมุ่งหน้าสู่ถนนราชพฤกษ์การจราจรหนาแน่นรถเยอะทีเดียวแต่ นิสสัน จู๊ค นั้นก็ให้ความคล่องตัวอยู่ การขับขี่ในเมืองเรียกว่าสบายๆ เมื่อเริ่มออกจากเมืองเข้าสู่ช่วงนครปฐมการจราจรก็เริ่มเบาบางลงเลยถือโอกาสลองสมรรถนะของรถดูบ้าง การตอบสนองของ เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรรหัส HR16 4 สูบ 16 วาล์ว มาพร้อมระบบหัวฉีดคู่ (Dual Injector System) และระบบวาล์วแปรผันคู่ Twin C-VTC ทำได้ค่อนข้างดีแบบเครื่องขนาด 1.6 แต่ถ้าอยากได้ความเป็นสปอร์ตมากขึ้นอีก นิดก็ลองกดไปที่โหมด สปอร์ต จะทำให้รถดูกระฉับกระเฉงมากขึ้นเพราะทุกครั้งที่ใช้โหมดนี้เมื่อกดคันเร่งไปรอบก็วิ่งขึ้นไปอีก 1500 รอบเลย ซึ่งทางนิสสันเรียกว่าระบบควบคุมการทำงานอัจฉริยะ I-Con (Integrated-Control System) ซึ่งระบบจะแสดงผลเป็นแบบ Dual Layer LED ที่นอกเหนือจากการควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร (Climate Mode) ยังมีโหมดควบคุมรูปแบบการขับขี่ (Drive Mode) ภายในจอเดียวกัน
ซึ่งในโหมดควบคุมรูปแบบการขับขี่ ยังสามารถเลือกปรับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่
ซึ่งโหมดในการขับขี่นั้นมีทั้งหมด 3 โหมดโหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน
โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) เน้นขับสนุกเต็มสปีด เร่งแซง ได้รวดเร็วทันใจ โดยระบบจะควบคุมการเปิดลิ้นปีกผีเสื้อให้มากขึ้น ผสานการทำงานที่สูงขึ้นของรอบเกียร์ เพื่อตอบสนองการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นและ
โหมดการขับขี่แบบประหยัด (Eco Mode) เน้นการขับขี่ที่ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด โดยระบบจะควบคุมการเปิดลิ้นปีกผีเสื้อ และรอบเกียร์ ให้เหมาะสม อีกทั้งยังควบคุมการไหลเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ลดภาระการทำงานของพัดลมแอร์ เพื่อการประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น
ระบบส่งกำลังหรือระบบเกียร์นั้นเป็นแบบแปรผันอัจฉริยะ Xtronic CVT ซึ่งช่วยในประหยัดน้ำมัน จากที่สังเกตดูการขับแบบปกติเรื่อยๆนั้นการตอบสนองของเกียร์นิ่มนวลมากและแม้จะคิกดาวน์ก็ไม่ทำให้รู้สึกเหมือน CVT รุ่นแรกๆที่รอบเครื่องนั้นต้องไปรอก่อนแล้วเกียร์ค่อยตามไป เกียร์ CVT นั้นมีการพัฒนาไปมาก
ระบบช่วงล่างเช็ตมาแบบกลางๆไปทางแข็งหากใครที่ชินช่วงล่างของนิสสันที่มีความนิ่มนวลของรุ่นอื่นๆมารุ่นนี้อาจมีบ่นอยู่บ้างเพราะมันไม่ใช่รถเก๋งแบบปกติซึ่งคันนี้จะเรียก SUV ขนาดย่อมก็คงได้เพราะคันนี้จะเน้นช่วงล่างให้เป็นแบบสปอร์ตโดยช่วงล่างนั้นเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง
การควบคุมรถนั้นพวงมาลัยให้น้ำหนักที่ดีมากการบังคับเลี้ยวเฉียบคมแม่นยำให้การตอบสนองได้ดีและรวดเร็ว สามารถปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วของรถ
สภาพเส้นทางผสมผสานทั้งแบบไฮเวย์ และเส้นทางชนบทในลักษณะทั้งแบบ 4 เลน และ 2 เลนสวน นิสสัน จู๊ค นั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวังจังหวะแซงก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะแซงพ้นหรือไม่เรียกว่าขับสนุกอยู่
นิสสัน จู๊ค ยังจัดเต็ม ด้วยระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและความบันเทิง I-Connect บนหน้าจอสัมผัสแบบพกพาขนาด 7 นิ้ว ซึ่งถอดออกจากแผงหน้าจอหลักได้เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วยสัญญาณ WIFI ผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS หรือแอนดรอยด์ สามารถชมและแชร์ไฟล์ภาพ เพลง วิดีโอได้บนหน้าจอเมื่อใช้ Micro SD Card/USB หรือเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการ iOS หรือแอนดรอยด์ผ่านระบบ DLNA พร้อมฟังเพลงหรือโทรออก-รับสายเรียกเข้าได้อย่างปลอดภัยขณะขับรถเมื่อเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ สะดวกสบายทุกการใช้งานด้วยระบบสั่งการเมนูหลักด้วยเสียง Voice Recognition พร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย
นิสสัน จู๊ค มีจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 1.6E ราคา 819,000 และรุ่น1.6V ราคา 858,000 บาท มีให้เลือก 6 สี คือ สีแดงเบิร์นนิ่งเรด สีน้ำเงินแปซิฟิคบลู สีดำแบล็คโซลิด สีขาวไวท์โซลิด สีเทาทไวไลท์เกรย์ และสีเงิน บริลเลียนท์ซิลเวอร์
#############################################
premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…