Categories: รถใหม่

ทดลองขับ คัมรี ไฮบริด


สื่อสารมวลชนหรือสื่อมวลชนหรือที่เราเรียกสั้นสั้นว่าสื่อนั้น มีหน้าที่ยังไงแล้วคงทราบกันดี ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์หรือแม้แต่อินเตอร์เน็ตก็ตาม หน้าที่ก็คือนำเสนอข่าวสารสู่สาธารณชนอย่างตรงไปตรงมา

คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีส่วนชี้นำหรือมีผลต่อการตัดสินใจของผู้รับสาร แต่สำหรับผมนั้นไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อมวลชน เพียงแค่มีผลงานรีวิวรถทางหน้าเวปไซต์หรือจัดรายการวิทยุ เพียงแค่นั้นหรือ เพียงแค่เป็นเจ้าของเวปไซต์แล้วจะเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อมวลชน ถ้าเพียงแค่นี้แล้วผมว่าอย่าเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อเลย เพราะการเป็นสื่อเองหรือการทำอาชีพต่างๆนั้น มันก็จะมีจรรยาบรรณของวิชาชีพนั้นนั้นค้ำคออยู่ ผมเป็นผมแบบนี้ดีกว่า เป็นคนทั่วไปที่มีโอกาสมากกว่าท่านผู้อ่านทั้งหลาย ที่ได้ไปร่วมงานที่ได้รับมอบหมายมาหรือรับเชิญมา ได้รับไมตรีจิตจากพี่น้องพ้องเพื่อนที่ได้รู้จักขณะร่วมงาน ไม่ได้ว่าว่าใครหรือใครหน้าตาน่าคบหรือไม่ คนนี้ดูแล้วคบได้หรือไม่ได้เหมือนใครบางคน

สำหรับผมอาจจะยังใหม่ในวงการนี้แต่มิตรภาพที่ได้รับนั้นได้มากมายจากหลายคนไม่จำเป็นต้องทำตัวเด่นหรือโด่งดัง
อีกอย่างสำหรับผมแล้วบทความต่างๆที่ทำขึ้นนั้นก็ไม่ได้เอาไว้ทำขายบริษัทไหนๆ หรือแลกกับการลงโฆษณาในเวปไซด์เหมือนที่บางแห่งทำ เพราะทำไปผมก็ไม่รับค่าตอบแทนใดๆกลับมา อย่าเพิ่งงงนะครับ ต่อจากนี้ผมจะเริ่มเรื่อง
ที่อยากอ่านกันแล้วครับ เริ่มยังไงดี เอาส่วนของผมแล้วกันก่อนนะครับ ส่วนอื่นๆคงจะมาเพิ่งเติมในส่วนของอาลอง

หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็ได้รับเชิญจากโตโยต้าให้มาร่วมทดสอบคัมรีไฮบริดพร้อมกับพี่น้องสื่อมวลชนหลายสำนักกว่ายี่สิบชีวิต นัดหมายกันใจกลางเมืองที่โรงแรมดุสิตธานีในเวลาสิบเอ็ดโมง

หลังจากร่วมรับประทานอาหารฟังบรรยายข้อมูลของรถกันอีกรอบ ทีนี้แหละครับก็มาถึงเส้นทางทดสอบกันภายในวันนี้ฟังฟังดูแล้วก็ไม่มีอะไรมาก


แต่ที่น่าสนใจนี่ซิครับ เส้นทางที่เราจะไปกันนั้นวิ่งกันแต่ในเมืองที่การจราจรค่อนข้างไม่ซิครับ เรียกว่าติดกันแบบสาหัสเลยทีเดียว เส้นทางที่เราใช้นั้นแบ่งเป็นสี่จุดดังนี้ครับ

จุดที่1 โรงแรมดุสิตธานี- สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ

จุดที่2 สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ-เดอะคริสตัล ถนนประดิษฐ์มูนูธรรม

จุดที่3 เดอะคริสตัล ถนนประดิษฐ์มนูธรรม- สุขุมวิท24-สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ พระรามสี่

จุดที่4 สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ พระรามสี่-โรงแรมดุสิตธานี

หลังจากฟังบรรยายต่างๆเรียบร้อยโดยวันนี้เราได้รถหมายเลขเก้า มีผู้ร่วมเดินทางสำหรับคันนี้สี่ท่าน มีผม อาลอง(คุณธัญญลักษณ์) คุณโอ (คุณสารฑูล)แล้วก็พี่เล็ก (คุณสมบัติ )จากนิตยสารโลกวันนี้

เราก็เดินออกมาที่ลานจอดรถหน้าโรงแรม รถจอดเรียงรายรออยู่แล้วโดยมีทั้งหมดสิบคันที่เป็นไฮบริด กับอีกหนึ่งคันที่เป็นรุ่น 2.4ธรรมดา ขับไปพร้อมกัน

ก่อนออกเดินทางก็มีการเติมน้ำมันรถทุกคันจนถึงบริเวณคอถังกันเลยทีเดียว เมื่อเรียบร้อยทุกคันแล้วก็ออกเดินทาง


โดยในช่วงแรกอาลองเป็นผู้ขับ ผมนั่งหลังคนขับพี่เล็กนั่งหน้าด้านคนขับ คุณโอนั่งหลังคู่กับผม เปิดประตูก้าวขาขึ้นไปนั่งเริ่มทำการสำรวจภายในรถไปเรื่อย

สิ่งแรกที่พบถึงความเปลี่ยนแปลงจากรถรุ่นก่อนนั้นคือเรื่องของเบาะผู้โดยสารด้านหลัง คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุง เพราะนั่งสบายมากขึ้น พนักรองแผ่นหลังกระชับรับแผ่นหลังได้ดีขึ้นมาก มีม่านบังแสงสำหรับกระจกข้างด้านหลังทั้งสองฝั่ง มาเป็นของเล่นเพิ่มขึ้น

ขณะเปิดแอร์ก็ไม่ได้ยินเสียงของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า อ้าวทำไมละ ก็เพราะมันไม่ได้ทำงานมันเอาพลังงานมาจากแบตเตอรี่ของระบบไฮบริด นั่งรถไปเรื่อย จากโรงแรมผ่านหัวลำโพงเข้าถนนมิตรภาพไทย-จีน เข้าวงเวียนโอเดียน สู่ถนนเยาวราช การจราจรค่อนข้างติดขัดแต่อาลองยังสามารถขับแทรกเข้ากระแสการจราจรได้อย่างสบายไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเลนเพื่อหลบรถที่จอดอยู่นั้น ทำให้เห็นว่าการควบคุมรถนั้นทำได้อย่างสบายไม่ต้องเครียดหรือต้องคอยลุ้นไปว่าจะทำได้หรือไม่


นั่งไปสักพักก็มาจับอาการของช่วงล่างเซ็ตมาเป็นอย่างไรบ้างถือว่าสอบผ่านสำหรับช่วงล่างแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาถึง
ตัวผ่านเบาะที่นั่งนั้นซับแรงได้ดี มีการสั่นช่วงน่องและช่องท้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับที่นั่งด้านหลัง

นั่งรถไปเรื่อย ผ่านแยกวังบูรพา เข้าถนนมหาไชย แยกสามยอด เข้าเจริญกรุง ถึงวงเวียนวัดโพธิ์เลี้ยวซ้ายเข้าสนามไชยขับอีกสักนิดก็ถึงสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ บอกชื่อนี้หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่ามิวเซียมสยามหรือกระทรวงพาณิชย์เก่า หลายท่านอาจร้องอ๋อขึ้นมาทันที

เมื่อจอดรถเสร็จพอมีเวลาเหลือรอคันอื่นมาจนครบ เลยสำรวจส่วนต่างๆกันเล็กน้อย ทั้งภายในห้องเครื่องและช่องเก็บของด้านท้ายรถ ซึ่งภายในช่องเก็บของท้ายรถนั้นจะมีแบตเตอรี่ขนาด12v.อยู่ด้านหลังด้านขวาคอยจ่ายไฟสำหรับสตาร์ทเท่านั้น

ไม่ต้องตกใจนะครับถ้าเปิดฝากระโปรงหน้าแล้วหาแบตเตอรี่เพื่อจะเติมน้ำกลั่นไม่เจอมันย้ายไปข้างหลังครับ

ส่วนตัวแบตเตอรี่ของไฮบริดนั้นจะอยู่ข้างติดกับเบาะนั่งด้านในมีขนาดใหญ่พอตัวเหมือนกันครับ กินพื้นที่บรรทุกไปไม่มากนักหรอกครับ โดยแบตเตอรี่ทั้งสองตัวจะมีการซ่อนอยู่เพื่อความสวยงาม แต่เปิดออกมาดูก็ไม่ยากครับ สำรวจและถ่ายรูปรถกันเสร็จแล้วเราเข้าไปภายในอาคารพิพิธภัณฑ์กันครับ


ก่อนที่จะมาเป็นมิวเซียมสยามนั้นแต่ก่อนเคยเป็นที่ทำการของกระทรวงพาณิชย์ครับ ประวัติความเป็นมาต่างๆนั้นถ้าจะให้เล่าทั้งหมดนั้นคงจะไม่ได้ครับ เพียงแต่อยากให้ท่านนั้นเข้ามาเยี่ยมชมที่นี่จะเป็นการดีกว่า

เท่าที่จำได้นะครับ อาคารหลังนี้เป็นสร้างโดยชาวอิตาเลี่ยนในสมัยรัชกาลที่ห้าเป็นตึกสามชั้น แต่เดิมเป็นที่พักหรือจะเป็นวังของเจ้านายชั้นสูงเรื่อยมาจนมากลายเป็นที่ทำการของกระทรวงพาณิชย์ ต่อมาทางกระทรวงได้ย้ายไปอยู่บริเวณสนามบินน้ำ ก็เลยปรับปรุงจนกลายมาเป็นมิวเซียมสยาม

ภายในจะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปผสมผสานให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมจึงเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อแบบสมัยก่อนในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อีกต่อไป เมื่อเข้าไปจะทำให้เราทราบว่าคนไทยนี่มาจากไหนไทยแท้แท้เป็นยังไง หาคำตอบได้เมื่อได้มาที่นี่ครับ

อยากครับอยากให้ทุกท่านมีโอกาสไปเยี่ยมชมที่แห่งนี้หรือวันหยุดนึกไม่ออกว่าจะไปไหนดีพาลูกหลานไปที่ไหนที่นี่น่าสนใจครับวั ยไหนก็ไปได้ครับ ภายในบริเวณบรรยากาศร่มรื่นมากครับ


ออกจากมิวเซียมสยามคราวนี้ผมรับหน้าที่ขับต่อจากอาลอง ขึ้นรถกดปุ่มสตาร์ทปรับตำแหน่งต่างๆให้เข้าที่ ทั้งกระจกมองข้างและเบาะที่นั่งปรับด้วยระบบไฟฟ้า พวงมาลัยปรับได้สี่ทิศทางดึงเข้าออกดึงดันขึ้นลงเสร็จแล้วคาดเข็มขัดเรียบร้อยทั้งคนนั่งและคนขับออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ คริสตัล จุดพักรถต่อไป

เข้าเกียร์จากตำแห่นง P ไปยัง D นั้นไม่รู้สึกว่ามีการกระตุกแต่อย่างใดปล่อยเบรกเหยียบคันเร่ง การทำงานมอเตอร์ขับเคลื่อนนั้นมีการหน่วงอยู่เล็กน้อย ขับมาถึงประตูทางออกในจังหวะเหยียบส่งเพื่อออกมาสู่ถนนในช่วงทางเชื่อมนั้นไม่แน่ใจว่าเกิดจากการน้ำหนักของผู้โดยสารหรือการยุบตัวของระบบช่วงล่างก็เสียงดังตึงนั้นคือเสียงการกระแทกเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับรถในระดับนี้แต่ก็เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตลอดการขับขี่ อาจจะเกิดจากคันของผมเองก็ได้ ถ้ามีโอกาสคงจะไปพิสูจน์อีกครั้ง

มุ่งหน้าไปสู่สะพานพระรามแปด ผ่านสนามหลวงเข้าราชดำเนินกลาง สู่ราชดำเนินนอกการจราจรติดขัดมากทำให้มีโอกาสลองอะไรและสังเกตอะไรในตัวรถมากขึ้น ที่พวงมาลัยจะมีปุ่มควบคุมการทำงานต่างๆทั้งวิทยุ ระบบปรับอากาศ แฮนด์ฟรี ครุยซ์คอนโทรล

ปุ่มดิสเพลย์แสดงข้อมูลต่างๆที่หน้าจอ รวมถึงแสดงการทำงานของระบบไฮบริดว่าใช้พลังงานจากไหน เช่นจากแบตเตอรี่ขับเคลื่อน เครื่องยนต์ขับเคลื่อน หรือ ทั้งสองอย่างพร้อมกัน และแสดงการชาร์ตเมื่อมีการเบรกหรือลดความเร็วสู่แบตเตอรี่ ขณะที่รถติดนั้นหรือจอดอยู่กับที่ถ้าปริมาณแบตเตอรี่ไฮบริดมีอยู่เพียงพอก็จะจ่ายไฟเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆภายในรถ แต่เมื่อแบตเตอรี่เหลืออยู่น้อยแล้วเครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เราไม่ต้องทำอะไรเลย


ใช้เวลาช่วงใหญ่ๆกว่าจะหลุดมาถึงแยก จปร. มุ่งหน้าสะพานพระรามแปดช่วงนี้เองทำให้พอมีโอกาสทดลองความเร็วจะรอช้าอยู่ใยในเมื่อถนนโล่งกดเท้าขวาไปจนเกือบมิด อัตราเร่งก็มาอย่างทันทีการทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังที่เรียกว่าเหลือเฟือเลยการเปลี่ยนเกียร์เกือบไม่มีความรู้สึกใดๆเลย มีเพียงเสียงจากเครื่องเท่านั้นที่ดังเพิ่มขึ้นเพราะใช้ระบบที่เรียกว่า ECVT เข้ามา

การเข้าโค้งบนสะพานพระรามแปดด้วยความเร็วค่อนข้างสูงนั้นก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการควบคุมบังคับรถจากสะพานพระรามแปดวิ่งไปยังแยกอรุณอัมรินทร์ มุ่งหน้าแยกบรมราชชนนีเข้าจรัญสนิทวงศ์สู่สะพานพระรามเจ็ดไปยังรัชวิภา ขับตรงไปแยกรัชดา-ลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปทางบางกะปิ ขับเข้าสู่ถนนลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้าเลียบทางด่วนเพื่อเข้าสู่เดอะคริสตัลซึ่งเป็นจุดพักรถ

ตลอดการขับขี่นั้นเบาะที่นั่งขับได้มีการปรับปรุงจากรุ่นก่อน ทำให้ลดอาการเมื่อยล้าลงได้เป็นอย่างมากเสียแต่เบาะที่นั่งช่วงที่รองขายังไม่รับถึงช่วงข้อพับ ถ้าทำได้จะดีมากเลย อีกอย่างเข้ามาในเรื่องของเบาะนั้นมีพัดลมเป่าจากภายใต้เบาะและพนักผิงเพื่อลดการอับชื้นบริเวณแผ่นหลังและขา

ขณะเข้าจอดนั้นกระจกมองข้างนั้นก็จะมีการปรับมุมลงเพื่อง่ายขึ้นในการเข้าจอดนอกจากตัวเสียงสัญญาณช่วยจอดเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอีกชิ้นนึง

ระบบปรับอากาศนั้นเป็นแบบแยกอุณหภูมิซ้ายขวา ตลอดการเดินทางแอร์เย็นสบายไม่มีปัญหาแม้จะเจออุณหภูมิที่สูงที่เดียว เมื่อเข้าเกียร์ P เพี่อจอดแล้วกระจกมองข้างพับเก็บให้อัตโนมัติ


ระบบปรับอากาศนั้นเป็นแบบแยกอุณหภูมิซ้ายขวา ตลอดการเดินทางแอร์เย็นสบายไม่มีปัญหาแม้จะเจออุณหภูมิที่สูงที่เดียว เมื่อเข้าเกียร์ P เพี่อจอดแล้วกระจกมองข้างพับเก็บให้อัตโนมัติ

ที่ พักรถพักคนเล็กน้อยก็ออกเดินทางต่อโดยมีพี่เล็กเป็นคนขับ ผมเปลี่ยนมานั่งหลัง จุดหมายต่อไปคือไปแวะเติมน้ำมันถนนพระรามสี่เลี้ยวออกจากคริสตัลกลับรถวิ่งเลียบทางด่วนไป

ระหว่างที่พี่เล็กขับนั้นเสียงของช่วงล่างก็ดังขึ้นมาในระหว่างวิ่งช่วงคอสะพานก็ได้ยินดังเข้ามาอาจเป็นเพราะสภาพถนนหรือลมยางที่เติมแข็งไปก็เป็นได้ มุ่งหน้าสู่เอกมัยเข้าสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าสุขุมวิท24ขับไปตามทางถึงถนนพระรามสี่เลี้ยวเข้าปั้มเอสโซ่เพื่อเติมน้ำมัน


วิ่งไปใช้ระยะทางประมาณ 53.5 ก.ม.นั้นเติมน้ำมันไปเพียง 2.6ลิตร กินน้ำมันไป 20.57 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าประหยัดใช้ได้ที่เดียวกับสภาพ การจราจรที่ติดขัดแบบสาหัสเลย เติมเสร็จแล้วก็มุ่งสู่จุดหมายปลายทางก็คือโรงแรมดุสิตธานีอันเป็นจุดหมายปลายทางในวันนี้ รวมระยะเวลาที่อยู่บนรถไม่น้อยกว่า 5ชั่วโมงทีเดียวครับ

เอาเป็นว่าคงจบรีวิวไว้เท่านี้แล้วกัน มีคำถามหรือข้อคิดเห็นก็สามารถถามได้ข้างล่างเลยนะครับ

————————————————-


ในส่วนของฉัน ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ก็ขอให้ความเห็นที่อาจจะแตกต่างจากที่คุณเปรมศักด์ เพียรพานิชย์ ได้เล่าไปแล้วนะคะ เพราะการทดลองขับรถยนต์นั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวสำหรับแต่ละความคิดเห็น ซึ่งก็คงจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านผู้อ่าน ในการตัดสินเองเมื่อได้เห็นรถยนต์จริง และลองขับเองจริง ว่าจะเห็นด้วยกับผู้ใด

สำหรับการติดเครื่องยนต์นั้น เมื่อขึ้นรถกุญแจรถเราจะไว้ในช่องเก็บของของตัวรถ หรือเก็บไว้กับตัวคนขับก็ได้ค่ะ เมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยก็รัดเข็มขัด ปรับที่นั่งให้เข้าที่ ปรับกระจกทุกอย่างให้เข้าที่ เหยียบเบรก และกดปุ่ม Power เมื่อหน้าจอขึ้น READY ก็หมายถึงเข้าเกียร์ D ออกเดินทางได้เลย


การออกตัว เมื่อรถออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูงลิ่วถึง 270 นิวตันเมตรตั้งแต่ 0 ถึง 1,500 รอบต่อนาที จึงเป็นการออกตัวที่รวดเร็ว และแม่นยำมากกว่าออกตัวด้วยเครื่องยนต์ และหากเราเหยียบคันเร่งลึกเกินไป เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาช่วยส่งกำลังทันที อันจะทำให้เกิดความสะท้าน หรือกระชากขึ้นได้เป็นครั้งคราวไป

ดังนั้น การกดคันเร่ง จึงควรจะต้องระมัดระวังมากกว่าขับรถธรรมดาสักหน่อยก่อน ในช่วงแรกของการทำความเคยชิน จากนั้น จึงค่อยสบายขึ้นค่ะ


การเลือกขับเส้นทางแรกจากโรงแรมดุสิตธานี เพื่อไปยังมิวเซียมสยาม เป็นช่วงที่ไม่สามารถทำความเร็วได้เลยแต่ที่อยากขับเพราะอยากดูการทำงานของระบบไฮบริด และรถรุ่นนี้ ทางโตโยต้าแนะนำให้เข้า P เมื่อติดไฟแดงหรือรถติด แต่ตัวฉันเองจะลืมตัวเพราะความเคยชินจะเหยียบเบรกไว้ โดยที่เกียร์ยังอยู่ที่ D

การสังเกตการทำงานของเครื่องยนต์หน้าจอจะเห็นการทำงานของเครื่องยนต์ และเราสามารถดูที่มาตรวัดอันเล็กที่อยู่ทางมุมซ้ายมือของกรอบมาตรวัดทั้งหมดได้ มาตรวัดอันนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการใช้เชื้อเพลิงของรถ

ตอนที่ลองขับกันเป็นกลุ่ม รถที่ใช้ขับคือหมายเลข 9 แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อวันอังคารที่ 25 ทางโตโยต้า ได้นำรถมาให้คุณธเนศร์ ลองขับหนึ่งสัปดาห์ ตัวฉันก็ได้ขับรถคันนี้อีกครั้งโดยได้ใช้ทุกสภาพความเร็ว แต่ไม่ได้ลองความเร็วสูงสุด เพราะสภาพการจราจรไม่อำนวย คันนี้ที่ได้มาลองป็นรถคันหมายเลข 8 นับเป็นการขับรถรุ่นนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกขับเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่โรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์


โดยคราวนี้ได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯไปเขาใหญ่ คุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นคนขับ ต้องยอมรับว่าช่วงล่างของรถคันนี้นิ่มนวลมาก การเข้าโค้งก็ยึดเกาะได้ดีมาก วิ่งด้วยความเร็วขนาด 120 ความเร็วของเท้าคงที่ กินน้ำมัน 17.5 กิโลเมตร /ลิตร

ขณะเข้าโค้งนั้น เราจะรู้สึกถึงความหนักแน่นของรถได้อย่างดี

วันที่เดินทางกลับจากเขาใหญ่ในวันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ ฉันเป็นคนขับ รถค่อนข้างเยอะ แต่ฉันสามารถที่จะใช้อัตราเร่งแซงได้สบายมาก เพราะเมื่อเท้ากดลงไปที่คันเร่งเต็มที่ กำลังมาอย่างมหาศาล เพราะเป็นกำลังจากเครื่องยนต์และจากไฟฟ้ามาช่วยกันทั้งสองแรง เพียงแต่เสียงที่เวลาเหยียบคันเร่งลงไปเพื่อเร่งแซงให้ความรู้สึกเหมือนไม่แรง เอาเป็นว่าไม่เร้าใจก็แล้วกัน ทั้งที่จริงๆกำลังแรงมาก

ช่วงที่ลงเขาคุณธเนศร์บอกว่าลองปลดเกียร์ไปที่ B ซิ โอ้โฮ ช่วยลดความเร็วลงได้อย่างดีเลย เป็นเอ็นจิ้นเบรก

หลายท่านอาจจะชอบกระจกมองข้างที่เวลาถอยจะปรับมุมลงพื้นถนนอัตโนมัติ แต่ฉันไม่ชอบเลยเพราะทำให้เรามัวแต่มองพื้นถนนทั้งสองข้าง โดยลืมระมัดระวังด้านอื่น



เข้าโค้งเกาะถนนดี แต่รู้สึกหน้ารถจะทื่อๆไปหน่อย เสียงในรถเงียบมาก เงียบจนได้ยินเสียงจากนอกรถเล็ดรอดเข้ามา

เวลาเข้าซอยเห็นคนข้ามถนนต้องระวัง เพราะความเงียบของรถ สุนัขในซอยแถวบ้ายยังนอนเฉยเลย ต้องบีบแตร

และลงจากรถอย่าลืมกดปุ่มพาวเวอร์ เพื่อดับเครื่องยนต์ให้สนิทก่อนนะคะ


ราคาคัมรี ไฮบริด 3 รุ่น
HV AVN DVD Navigator ราคา 1,779,000 บาท
HV AVX DVD ราคา 1,659,000 บาท
HV 6 CD ราคา 1,599,000 บาท
ราคาแบตเตอรี่ไฮบริด ประมาณ 90,000 บาท

ถ้าท่านซื้อรถใหม่ บริษัทฯ รับประกันแบตเตอรี่ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง แต่ไม่ได้หมายความว่า แบตเตอรี่จะมีอายุใช้งานแค่ห้าปี เพราะแบตเตอรี่ของรถไฮบริดอาจจะมีอายุใช้งานได้ต่อไปจากระยะรับประกันได้อีกถึงเท่าตัว หรือเกินกว่านั้นก็เป็นได้เสมอ

คุณที่สนใจรถไฮบริด ลองถามตัวเองดูสักนิดเถิดนะคะ ว่า เคยได้ยินคนบ่นกันหรือยัง ว่าต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถไฮบริดของตนเอง

เรื่อง ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
เรื่อง เปรมศักดิ์ เพียรพานิชย์
ภาพ สารฑูล สักการเวช
ภาพ บางส่วนจากโตโยต้า

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts