ทดลองขับไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์:เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน
การเดินทางอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้รู้สึกว่าจะถี่มากถึงขั้นที่ไม่อยากจะเดินทางไปไหนพักใหญ่เลย แต่ทำไงดีล่ะเอาเป็นว่าเมื่อมาอยู่จุดนี้ก็ต้องทำงานทุกอย่างให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปให้หมดตามภาระและหน้าที่ ครั้งนี้ก็เช่นเดิมครับได้ร่วมเดินทางไปทดสอบขับไฮลักซ์ วีโก้ที่พ่วงท้ายมาด้วยคำว่า “แชมป์”
นัดหมายกันตอนเช้าวันจันทร์ต้นเดือนที่ผ่านมานี่ที่โรงงานโตโยต้าสำโรง เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่เข้าขั้นสาหัสในช่วงเข้านั้นทำให้ต้องตื่นกันแต่เช้ามืดทีเดียว ผมไปถึงโรงงานในช่วงเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้าฝ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ผู้ร่วมเดินทางคนอื่นหลายท่านมากันล่าช้าอันนี้คงไม่ว่ากันเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ
เมื่อทีมงานและผู้สื่อข่าวมากันพร้อมแล้วเราก็เริ่มฟังบรรยายในเรื่องของผลิตภัณฑ์และเส้นทางที่เราจะไปวิ่งทดลองขับกัน
ช่วงแรกนั้นผมรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารก่อนอ้อลืมบอกไปคันที่ได้ทดสอบนั้นเป็นรุ่นพรีรันเนอร์ขับสองยกสูงสี่ประตูเกียร์อัตโนมัติซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวใหม่ที่นำเข้ามาเสริมตลาดเพื่ออุดช่องว่างในรถแบบเดียวกัน
เมื่อเห็นตัวรถภายนอกก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเริ่มตั้งแต่กระจังหน้า ฝากระโปรง ช่องดักลม ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ล้อแม็กซ์ลายใหม่ แถมด้วยเสาอากาศวิทยุที่ติดกลางรถขนาดสั้นแบบที่อยู่ในรถเก๋งอีกด้วย
ก้าวเข้ามาในรถก็นั่งฝั่งหลังคนขับซึมซับกับการทำงานของช่วงล่างบอกได้เลยว่าการกระเทือนนั้นน้อยลงไปเยอะซึ่งมาจากการเซ็ตช่วงใหม่ของทีมวิศวกรของโตโยต้าตามผลการสำรวจของผู้ใช้รถก็เป็นได้โดยมีการปรับค่าสปริงและแหนบให้นิ่มนวลขึ้น
นั่งไปสักพักก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ขับบ้างสิ่งแรกที่สัมผัสนั้นคือพวงมาลัยที่มีการเปลี่ยนใหม่ดูหรูหราขึ้นโดยเป็นลักษณะเดียวกันกับที่ใช้อยู่ในรถเก๋งพร้อม ระบบ Multi-function แผงหน้าปัทม์ดีไซน์ใหม่ ปุ่มปรับแอร์ที่เปลี่ยนรูปแบบใหม่ดูดีขึ้น
ความรู้สึกในการขับขี่นั้นเครื่องยนต์ขนาดสามลิตรในรหัส 1KD – FTV พร้อมเทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด163 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดนั้นคงไม่ต้องบอกว่าแรงขนาดไหนบอกได้ว่ายังคงขับสนุกเหมือนเดิมเรียกได้ว่ากดเป็นมาตอบสนองได้ทันอกทันใจกันทีเดียว ในช่วงที่ขับนั้นฝนก็ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มที่ร่วมเดินทางไปนั้นก็ใช้ความเร็วสูงอยู่พอควรแต่ก็ไม่ได้ประมาทกันนะครับ เส้นที่ใช้วิ่งกันก็คือทางมอเตอร์เวย์แล้วไปออกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข304วิ่งไปออกทางเขาใหญ่การควบคุมบังคับเลี้ยวที่สั่งการด้วยการหมุนพวงมาลัยนั้นยังคงให้ความรู้สึกที่มั่นใจอยู่เช่นเดิมน้ำหนักพวงมาลัยถือว่าใช้ได้ไม่เบาเกินไปซึ่งยังเป็นแบบแร็กแอนด์พิเนียน
อย่างที่ได้บอกไปช่วงล่างนั้นนิ่มนวลขึ้นแต่อย่างลืมว่ายังไงก็เป็นรถกระบะนะครับจะไปสู้รถเก๋งก็ยังคงไม่ได้ระบบช่วงล่าง TOP Platform ให้การยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ดีขณะขับขี่ ระบบกันสะเทือนด้านหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบนและคอยล์สปริง ระบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบซ้อน
การเก็บเสียงนั้นเสียงภายในห้องโดยสารเหมือนว่าจะเงียบขึ้นแต่ถ้าจะให้แน่ใจนั้นต้องหารุ่นเก่ามาเทียบกันดูระบบความปลอดภัยยังมีให้อยู่เหมือนเดิมทั้งดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน ดรัมเบรกหลังพร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ LTS and Super LSPVถุงลมคู่ด้านหน้าระบบเบรก ABSโครงสร้างนิรภัย GOA วาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อขับไปแล้วดูเหมือนจะเงียบๆยังไงไม่รู้เลยหันมาลองเล่นเครื่องเสียงที่ติดตั้งมาบ้างคราวนี้ให้ชุดเครื่องเสียงใหม่ ขนาด 2Din พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1 และเครื่องเล่น DVD 1แผ่นพร้อมด้วยช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUXแถมด้วยกล้องมองหลังเวลาถอยเรียกได้ว่าจัดเต็มกันเลยงานนี้
รวบรัดตัดความสิ่งที่ทางโตโยต้าจะชูเป็นจุดขายนั้นด้วยคำว่า “Diamond Tech” นั้นหรือเทคโนโลยีระดับเพรชในเรื่องของเครื่องยนต์นั้นคงไม่น่ามีปัญหาแต่เรื่องการประหยัดน้ำมันที่บอกว่าประหยัดกว่ารุ่นเดิมนั้นผมขอไปลองพิสูจน์ในโอกาสต่อไป เอาง่ายๆว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปนอกจากหน้าตา ที่เห็นชัดเจนเมื่อได้ลองขับคงต้องบอกว่าเป็นความนุ่มนวลที่มีมากขึ้นนั้นเอง
###################################
premsak@caronline.net