ทดลองขับรถยนต์โดยผู้หญิง หรือผู้หญิงขับรถ ก็เป็นคอลัมน์ที่จะมีขึ้นเป็นระยะระยะ สำหรับครั้งนี้ รถที่ขับก็คือ HONDA CITY ใหม่
ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554
หลังจากการเปิดตัวก็จะมีรอบให้สื่อมวลชนได้ลองขับกัน โดยครั้งนี้ก็ได้ลองขับโดยผู้หญิงกันบ้างค่ะ
นัดกันเก้าโมงเช้าที่ โรงแรม Ma Du Zi มุมถนนสุขุมวิทที่จะไปศูนย์สิริกิติ์ ออกจากบ้านที่สวนสยามประมาณ 6.50 น. เพราะไม่มั่นใจว่าการจราจรช่วงเช้าจะหนาแน่นแค่ไหน เพราะเอาแน่เอานอนกับการจราจรในกรุงเทพฯไม่ได้
ผ่านด่านทับช้างหน้าด่านแถวยังไม่ยาวมากนัก แล้วก็ไปทางด่วนศรีรัชมิ์ก็ค่อนข้างคล่องตัว สะดวกหน่อยที่มี Eazy Pass แต่ก็เจอปัญหาเข้าจนได้เพราะไม่ตัดเงินจากบัตร ไม้ก็เลยไม่ยก ต้องบีบแตรเรียกเจ้าหน้าที่ ให้มารับบัตรไปสแกน
ดิฉันใช้บัตร Eazy pass แต่ไม่เคยเลยค่ะที่จะมีความมั่นใจและวิ่งผ่านด่านโดยไม่ชะลอและไม่เหยียบเบรก เพราะกลัวไม้จะไม่ยก เดือนกันยายนที่ผ่านมาพบปัญหาสองครั้ง
แล้วก็วิ่งมาลงทางด่วนสุขุมวิท ก็ค่อนข้างคล่องตัว ติดอยู่แยกอโศกไม่นานนักพอที่จะเพลิดเพลินกับป้ายโฆษณาที่มุมถนน มีป้ายบอกความดังของเสียงบนถนนช่วงนั้น ปริมาณฝุ่น อุณหภูมิ เลยเก็บภาพมาให้ดูกันเล่นๆ
และแล้วก็มาถึง โรงแรม Ma Du Zi มาดูซิว่ามีอะไรบ้างเป็นโรงแรมขนาดกะทัดรัดตกแต่งสวยงาม เห็นบอกว่าเป็นโรงแรมปิดก็ไม่ได้สนใจที่จะถามเพราะไม่มีความจำเป็นที่จะมาพักที่นี่
มาถึงที่นัดหมายก่อน 7.30 น. เจ้าหน้าที่กำลังดูความสะอาดและความเรียบร้อยของรถอยู่
เมื่อมาถึงก่อนก็มีโอกาสสำรวจตัวรถทั้งภายนอกภายใน งั้นก็มารู้จัก Honda City ตัวใหม่ด้วยกันเลยนะคะ
Honda City ใหม่ตัวนี้เป็นเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 120 แรงม้า เกียร์แบบอัตโนมัติ 5 สปีดและระบบควบคุมการเปิด-ปิดผีเสื้อแบบอิเล็กทรอนิส์ DBW (Drive by Wire) แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 145 นิวตันเมตร/ รอบต่อนาที
รถคันนี้ก็เลยได้อานิสงส์ เป็นรถยนต์ที่เข้าหลักเกณฑ์นโยบายการรับเงินช่วยเหลือรถยนต์คันแรกของรัฐบาลได้สูงสุด 100,000 บาท
ตัวดิฉันหมดสิทธิ์รถยนต์คันแรก ก็ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนี้
คันที่ดิฉันลองขับจะเป็นตัวท็อป ข้อมูลภายในที่พูดถึงจะเป็นของตัวท็อป ถ้าท่านซื้อตัวรองลงไปก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดบางส่วน รุ่นท็อปตัวนี้จะเป็นรุ่น SV ห้องโดยสารตกแต่งสีดำ แต่เนื่องจากเส้นสายที่ตกแต่งภายในเมื่อโดนแสงสะท้อนจะเห็นเป็นแบบสีทูโทนคือสีเทากับสีดำ ไม่ได้ดูดำล้วนๆ เท่าที่สังเกตุดูรถคันนี้ใช้ดีไซน์เส้นสายช่วยเยอะทีเดียว ทั้งในส่วนของคอนโซลหน้า มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า
ส่วนของคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยโครเมี่ยม
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ต้องยอมรับว่าช่วงที่ลองขับไม่ได้ใช้ในส่วนนี้เลย ใช้เหยียบคันเร่งและผ่อนคันเร่งอย่างเดียว
พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ใกล้-ไกล และสูง-ต่ำ
มีมาตรวัดเรืองแสงที่พวงมาลัย Blue Light ตอนกลางวันก็เห็นเด่นชัด ยังไม่ได้ลองขับช่วงกลางคืน
มีมาตรวัดแสดงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
เบาะนั่งคนขับปรับระดับ สูง-ต่ำได้ โดยใช้มือปรับ เบาะเป็นกำมะหยี่สีดำ
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมกระจกแบบพับไฟฟ้า
มีช่องชื่อมต่อ USB และช่อง AUX สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม มีสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ลำโพง 6 ลำโพง
ลำโพงคู่หน้าอีกสองลำโพง อยู่ด้านหลังกระจกมองข้าง
ไฟตัดหมอกด้านหน้า
ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ขนาดยาง 185/55 R 16 รุ่นนี้ เป็นรุ่น SV เป็นตัวท็อปอย่างที่บอกมาแต่แรก ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นอื่นซึ่งเป็นล้ออัลลอย 15 นิ้ว เมื่อซื้อตัวท็อปสำหรับท่านที่ชอบแต่งชอบเปลี่ยนยางเปลี่ยนล้อก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเพิ่มเติมอีกแล้ว
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติสัมพันธ์กับความเร็ว กุญแจนิรภัย Immobilizer สัญญาณกันขโมย กุญแจรีโมท
กระจกไฟฟ้านิรภัยด้านคนขับ
มีไฟเบรกดวงที่ 3 ระบบเบรกเป็นดิสค์เบรกทั้ง 4 ล้อ มีระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
ปลายท่อไอเสียโครเมี่ยม คงเพื่อความสวยงามและเพื่อที่ว่าคนที่ซื้อไปแล้วจะได้ไม่ต้องไปเปลี่ยนท่อไอเสียใหม่ สำหรับคนที่ชอบแต่งรถ
มีช่องเก็บของใต้เบาะด้านหลัง
เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้ 60:40 พนักพิงศีรษะด้านหลังปรับสูง-ต่ำได้
การดูอุปกรณ์ภายนอกภายในก็เป็นสิ่งจำเป็นของคนจะซื้อรถ ซึ่งเวลาเราจะซื้อรถก็ต้องดูก่อนเป็นธรรมดาว่ารถที่เราจะซื้อมีอะไรให้บ้าง
คงไม่มีใครหลับหูหลับตาซื้อรถหรอกนะคะ
ที่นี้ก็เข้าสู่พิธีการก่อนขับกันเลยนะคะ
ก็มีการกล่าวเปิดงานโดยคุณ อรนุช พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการส่วนการตลาด บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย)จำกัด
และก็มีการอธิบายเส้นทางที่จะขับขี่ ฮอนด้า ซิตี้ใหม่ก็คือ เส้นทาง กรุงเทพฯ- ฉะเชิงเทรา
อย่างที่พูดไว้แต่แรกแล้วว่ารุ่นที่ดิฉันขับจะเป็นตัวท็อปคือรุ่น SV
โดยคันดิฉัน เดินทางกัน 3 คน มีผู้หญิงสองคน ส่วนชายหนุ่มก็คือคุณระวิพล สุวรรณผ่อง
ส่วนอีกท่านหนึ่งเป็นผู้หญิงจากหนังสือไลฟ์สไตล์
คนขับคนแรกคือดิฉันเองรีบเสนอหน้าขอขับก่อน ขึ้นประจำที่นั่งคาดเข็มขัดปรับทุกอย่างให้ เข้าที่ แล้วก็ออกเดินทาง โดยขับผ่านศูนย์สิริกิติ์ เลี้ยวซ้ายผ่านตลาดคลองเตยเพื่อขึ้นทางด่วนลอยฟ้าไปชลบุรี
ที่นั่งกระชับตัวดี เบาะที่นั่งหนุนหลังกำลังดี พวงมาลัยกระชับมือเป็นแบบสามก้าน ค่อนข้างหนึบหนับหมายถึงกระชับมือ ไม่เบาหวิว
การออกตัวเหยียบคันเร่งก็ไปทันที ได้ดั่งใจ เบรกดี
ทัศนวิสัยในการมองกระจกหน้ากว้าง เทลาดเมื่อแดดแรงจะค่อนข้างร้อน ต้องดึงที่บังแดดลงเพื่อลดแสงที่จ้าลง
เมื่อเริ่มเข้าทางด่วนลอยฟ้ากรุงเทพฯ-ชลบุรี จะเจอถนนที่โค้งมากๆอยู่ช่วงหนึ่งก็ได้เร่งความเร็วเข้าไปในโค้งนั้นรถก็เกาะถนนดีมากไม่เซเลย ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งดีทีเดียว
หน้าปัดของรถรุ่นนี้จะมี ECO Indicator คือไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ที่จะสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อขับขี่ในเกณฑ์ประหยัดน้ำมัน ไฟนี้มีส่วนช่วยให้สนุกในการขับขี่เหมือนกันนะคะ
คือเมื่อขับไปแล้วไฟนี้ขึ้นอยู่ตลอดเวลาทำให้รู้สึกว่าเราขับรถประหยัดน้ำมัน ขับความเร็ว 100 เมื่อถึงรอบเท้านิ่งไฟ E-co ก็โชว์ 120 130 140 145 ไฟ eco ก็ยังโชว์เมื่ออยู่ที่รอบนิ่งๆ อย่าง ความเร็ว140 รอบจะอยู่ที่ 3,000 รอบ เมื่อแช่อยู่ตรงนี้นิ่งๆไฟ E-co ก็จะโชว์ตลอด ขับความเร็วไปที่ 145 เมื่อรอบนิ่ง ไฟ E-co ก็ยังโชว์เช่นกัน
แต่เมื่อความเร็วถึง 150 เท้าจะนิ่งแค่ไหน ไฟ E-co ก็ไม่โชว์แล้ว
ถ้ารถพูดได้ก็คงจะบอกว่าขับความเร็วขนาดนี้แล้วยังต้องการประหยัดน้ำมันอีกหรือ
มีบางช่วงที่ถนนโล่งก็ได้ลองความเร็วไปที่ 170 กม./ชม ซึ่งตอนนั้นเท้ายังเหยียบคันเร่งไม่สุด ถ้าเหยียบสุดๆคงไปได้อีกเยอะ
แต่เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะทำความเร็วสูงสุด เท่าที่ทำก็พอแล้ว
เมื่อขับเร็วความเร็วสูงเมื่อไหร่ ก็จะนึกถึงคำสอนของคุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ตลอดเวลาว่า ถ้าจะขับรถเร็วต้องเป็นคนประสาทไวด้วย ต้องคาดการณ์ล่วงหน้าว่าข้างหน้า ข้างๆ ข้างหลังเป็นอย่างไร แล้วเราจะขับรถอย่างปลอดภัย
ดิฉันต้องยอมรับว่าเป็นคนโชคดีที่มีครูดี และเมื่อขับรถก็จะนึกถึงคำสอนของครูตลอดเวลา แต่ดิฉันจะทำได้ดีเหมือนที่ครูสอนทั้งหมดหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อขับด้วยความเร็วสูงจะรู้สึกเหมือนรถไหวๆอยู่อาจจะเป็นเพราะลมแรงก็ได้เพราะทางด่วนลอยฟ้านั้นค่อนข้างสูงและลมจะแรงเป็นบางช่วง แต่เมื่อจับพวงมาลัยให้นิ่งๆก็ไม่มีปัญหาอะไร การควบคุมรถดีทีเดียว เป็นรถที่ขับสนุกอีกหนึ่งคัน
แล้วก็ถึงปั๊ม ปตท.ที่ชลบุรี เป็นอันหมดหน้าที่ของดิฉันในการขับ ยังไม่หายมันเลย
ช่วงที่สองก็จะเป็นน้องผู้หญิงจากไลฟ์สไตล์ขับ ดิฉันก็ไปนั่งด้านหลัง คาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย และก็เป็นโชคดีของดิฉันที่คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยความเคยชิน เพราะช่วงนี้ได้มีการลองประสิทธิภาพของเบรกแรงๆสองครั้ง ไม่ยังงั้นคงไปกระแทกที่นั่งหน้าแน่นอนเลย
มีโอกาสสำรวจที่นั่งด้านหลังกว้างขวางทีเดียวค่ะทีพักแขนมีที่วางแก้วด้วย
ช่วงที่คุณระวิพลขับ ก็สังเกตเห็นว่าคนขับที่ความสูง 175 ยังนั่งขับได้สบายๆ ความสูงระหว่างศีรษะ และเพดานเหลือฝ่ามือกว่าๆ และก็เห็นเขานั่งขับอย่างสบายๆไม่คับแคบ
ส่วนการกินน้ำมัน นั้นได้ 13.5 กม/ลิตร ก็ดูจากอัตราเฉลี่ยในรถ ความเร็วที่ใช้ก็อยู่ที่120-170 กม./ชม
รถคันนี้สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 20 ได้
ดิฉันไม่ทราบว่ายอดจองตอนนี้ในกรุงเทพฯเท่าไหร่ ทราบแต่ว่าเพื่อนที่อยู่ภูเก็ตโทรมาบอกว่าลูกชายจะซื้อรถคันนี้เป็นรถคันแรก
แต่ที่ภูเก็ตจะได้รถประมาณมกราคม-กุมภาพันธ์ 2555 โน่นแหละ ถ้าเพื่อนยังต้องการรถรุ่นนี้ก็ต้องรอต่อไปนะเพื่อน