นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 30,109 คัน ลดลง 65% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 8,830 คัน ลดลง 74.7% รถเพื่อการพาณิชย์ 21,279 คัน ลดลง 58.4% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 16,733 คัน ลดลง 59.4%
ตลาดรถยนต์เดือนเมษายนมีปริมาณการขาย 30,109 คัน ลดลง 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 74.7% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 58.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการเติบโตในเดือนนี้ยังคงปรับลดลง ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ภาครัฐฯ ได้ออกมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้หน่วยงานต่างๆ ได้ออกมาตรการการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) และผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่ายและชะลอการพิจารณาซื้อรถใหม่ รวมถึงความไม่แน่นอนในอนาคตส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการชะลอตัว และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์
ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 4 เดือน มีปริมาณการขาย 230,173 คัน ลดลง 34.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 36.6% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 32.6% เป็นผลมาจากเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์
สำหรับเดือนพฤษภาคมทางภาครัฐฯ ได้มีการผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง ปรับเวลาเคอร์ฟิว แต่ยังคงให้ประชาชนเฝ้าระวังการใช้ชีวิตตามมาตรการความปลอดภัยเพื่อช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ลดความ
ตึงเครียดในการใช้ชีวิตของประชาชน ที่สำคัญหลายค่ายรถยนต์ได้กลับมาเปิดสายการผลิตอีกครั้ง ทำให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมมีทิศทางดีขึ้นจากเดือนเมษายน
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2563
อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,084 คัน ลดลง 58.9% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,865 คัน ลดลง 55.4% ส่วนแบ่งตลาด 22.8%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 2,648 คัน ลดลง 76.6% ส่วนแบ่งตลาด 8.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 2,906 คัน ลดลง 71.2% ส่วนแบ่งตลาด 32.9%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 2,229 คัน ลดลง 74.1% ส่วนแบ่งตลาด 25.2%
อันดับที่ 3 นิสสัน 1,072 คัน ลดลง 56.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,178 คัน ลดลง 51.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,865 คัน ลดลง 55.4% ส่วนแบ่งตลาด 32.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,205 คัน ลดลง 73.1% ส่วนแบ่งตลาด 5.7%
ปริมาณการขาย 16,733 คัน ลดลง 59.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,019 คัน ลดลง 53.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,267 คัน ลดลง 56.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,205 คัน ลดลง 73.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 1,575 คัน
โตโยต้า 753 คัน – อีซูซุ 322 คัน – มิตซูบิชิ 219 คัน – ฟอร์ด 211 คัน – เชฟโรเลต 45 คัน – นิสสัน 25 คัน
อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,266 คัน ลดลง 52.2% ส่วนแบ่งตลาด 41.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,945 คัน ลดลง 55.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 994 คัน ลดลง 73.7% ส่วนแบ่งตลาด 6.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 67,245 คัน ลดลง 40.6% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 49,263 คัน ลดลง 18.3% ส่วนแบ่งตลาด 21.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 31,326 คัน ลดลง 24.2% ส่วนแบ่งตลาด 13.6%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า 26,188 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 21,567 คัน ลดลง 47.4% ส่วนแบ่งตลาด 24.7%
อันดับที่ 3 นิสสัน 9,763 คัน ลดลง 27.3% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 49,263 คัน ลดลง 18.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 45,678 คัน ลดลง 36.7% ส่วนแบ่งตลาด 32.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 11,031 คัน ลดลง 37.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.7%
ปริมาณการขาย 113,696 คัน ลดลง 34.6%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 45,887 คัน ลดลง 17.8% ส่วนแบ่งตลาด 40.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 39,752 คัน ลดลง 38.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 11,031 คัน ลดลง 37.0% ส่วนแบ่งตลาด 9.7%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 11,415 คัน
โตโยต้า 4,073 คัน – มิตซูบิชิ 2,845 คัน – อีซูซุ 2,085 คัน – ฟอร์ด 1,509 คัน – เชฟโรเลต 589 คัน –นิสสัน 314 คัน
อันดับที่ 1 อีซูซุ 43,802 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 42.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 35,679 คัน ลดลง 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 8,186 คัน ลดลง 35.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%
อีซูซุส่งเครื่อ…