ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม ยอดขายรวม 59,335 คัน ลดลง 26.8%

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 59,335 คัน ลดลง 26.8% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 18,500 คัน ลดลง 43.6% รถเพื่อการพาณิชย์ 40,835 คัน ลดลง 15.4% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 32,707 คัน ลดลง 15.9%

 

 ประเด็นสำคัญ
ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคมมีปริมาณการขาย 59,335 คัน ลดลง 26.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 43.6% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 15.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าสถานการณ์การขายของเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลมีการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 5 ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ ประกอบกับการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากสถานการณ์ COVID-19 รวมถึงมาตรการช่วยเหลือการท่องเที่ยวในประเทศ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจก่อให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลในเชิงบวกให้กับตลาดรถยนต์
ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 7 เดือน มีปริมาณการขาย 387,939 คัน ลดลง 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 42.2% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 31.7% เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ไม่เพียงแต่ตลาดรถยนต์ไทย แต่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและทั่วโลกติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเดือนกรกฎาคมนี้ จากการที่ภาครัฐฯ ได้ดำเนินการผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ ภายใต้มาตรการที่กำหนด และการควบคุมสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการเริ่มมีการจัดงานส่งเสริมการขายรถยนต์ ได้แก่ งาน Bangkok International Motor Show 2020 และงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2020 ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงเดือนสิงหาคม สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและผู้บริโภค ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคมมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฎาคม 2563

 

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 59,335 คัน ลดลง 8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      17,553 คัน      ลดลง      31.9%        ส่วนแบ่งตลาด 29.6%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          15,477 คัน      เพิ่มขึ้น    11.9%         ส่วนแบ่งตลาด 26.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       6,034 คัน      ลดลง      45.3%        ส่วนแบ่งตลาด 10.2%

  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 18,500 คัน ลดลง 6%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า       5,217 คัน      ลดลง       39.6%       ส่วนแบ่งตลาด 28.2%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      5,042 คัน      ลดลง       43.5%       ส่วนแบ่งตลาด 27.3%

อันดับที่ 3 นิสสัน        2,136 คัน      ลดลง       19.4%       ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,835 คัน ลดลง 4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ          15,477 คัน      เพิ่มขึ้น    11.9%         ส่วนแบ่งตลาด 37.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      12,511 คัน      ลดลง     25.7%         ส่วนแบ่งตลาด 30.6%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      3,100 คัน      ลดลง     21.7%         ส่วนแบ่งตลาด  7.6%

  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 32,707 คัน ลดลง 15.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           14,317 คัน     เพิ่มขึ้น     15.1%        ส่วนแบ่งตลาด 43.8%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      10,423 คัน     ลดลง      30.3%        ส่วนแบ่งตลาด 31.9%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ       3,100 คัน     ลดลง      21.7%        ส่วนแบ่งตลาด  9.5%

                               *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,987 คัน

                                       โตโยต้า 944 คัน- มิตซูบิชิ 859 คัน – อีซูซุ 517 – คัน- ฟอร์ด 425 คัน – นิสสัน 235 คัน – เชฟโรเลต 7 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,720 คัน ลดลง 5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           13,800 คัน     เพิ่มขึ้น     17.7%        ส่วนแบ่งตลาด 46.4%

อันดับที่ 2 โตโยต้า       9,479 คัน     ลดลง      25.7%        ส่วนแบ่งตลาด 31.9%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ       2,241 คัน     ลดลง      28.1%        ส่วนแบ่งตลาด  7.5%

 

 สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2563

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 387,939 คัน ลดลง 9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      111,775 คัน    ลดลง      43.3%        ส่วนแบ่งตลาด 28.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           91,531 คัน     ลดลง      11.1%        ส่วนแบ่งตลาด 23.6%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      47,360 คัน     ลดลง      37.5%        ส่วนแบ่งตลาด 12.2%

  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 138,216 คัน ลดลง 2%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า       39,735 คัน      ลดลง     30.9%                   ส่วนแบ่งตลาด 28.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      34,968 คัน      ลดลง     49.5%                   ส่วนแบ่งตลาด 25.3%

อันดับที่ 3 นิสสัน        14,777 คัน      ลดลง     34.8%                   ส่วนแบ่งตลาด 10.7%

  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 249,723 คัน ลดลง 7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           91,531 คัน      ลดลง     11.1%                   ส่วนแบ่งตลาด 36.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      76,807 คัน      ลดลง     40.0%                   ส่วนแบ่งตลาด 30.8%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      18,516 คัน      ลดลง    36.3%         ส่วนแบ่งตลาด  7.4%

  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 199,116 คัน ลดลง 33.0%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           84,890 คัน      ลดลง     10.1%                   ส่วนแบ่งตลาด 42.6%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      66,688 คัน      ลดลง     41.6%                   ส่วนแบ่งตลาด 33.5%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      18,516 คัน      ลดลง     36.3%                   ส่วนแบ่งตลาด  9.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 19,964 คัน

โตโยต้า 7,587 คัน – มิตซูบิชิ 4,677 คัน – อีซูซุ 3,465 คัน – ฟอร์ด 2,523 คัน – นิสสัน 1,067 คัน –เชฟโรเลต 645 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 179,152 คัน ลดลง 1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           81,425 คัน      ลดลง        7.6%        ส่วนแบ่งตลาด 45.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      59,101 คัน      ลดลง      39.4%        ส่วนแบ่งตลาด 33.0%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      13,839 คัน      ลดลง      35.1%        ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

 

 

 

           

 

Facebook Comments
Thunyaluk Seniwongs

Recent Posts