คอลัมน์ประจำ

ตลาดรถยนต์พฤษภาคมสวนกระแสราคาน้ำมันยอดขายรวม 64,735 คัน เติบโต15.7%

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม 2565 มีตัวเลขการขายรวมทั้งสิ้น 64,735 คัน เพิ่มขึ้น 15.7% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 20,084 คัน เพิ่มขึ้น 29% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 44,651 คัน เพิ่มขึ้น 10.6% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 33,822 คัน เพิ่มขึ้น 6.4%

  • ประเด็นสำคัญ

         ตลาดรถยนต์เดือนพฤษภาคมมีปริมาณการขาย 64,735 คัน เพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 29% ส่วนตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเจริญเติบโตเช่นเดียวกันที่ 10.6% เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตในการประกอบอาชีพและกิจกรรมทางเศรษฐกิจจนเกือบเป็นปกติ แม้จะมีปัจจัยลบที่สำคัญคือสถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีความต้องการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์นั่งซึ่งมีความจำเป็นในการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social distancing) เพื่อให้ปลอดภัยจากโรคระบาด โควิด-19

            ตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนมีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากความมั่นใจของผู้บริโภคที่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และสะท้อนไปยังตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน โดยสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่ส่วนใหญ่ใช้ในภาคขนส่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันเบนซินที่ส่วนใหญ่ใช้ในรถยนต์ส่วนบุคคล ส่งผลให้ต้นทุนในการเดินทางของประชาชนสูงขึ้น แต่ก็ไม่อาจหยุดความต้องการใช้รถยนต์ของผู้บริโภค ภายใต้ปัจจัยเสริมที่สำคัญคือข้อเสนอพิเศษที่ทำให้การเป็นเจ้าของรถยนต์ในปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

  • ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม2565
  • ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 64,735 คัน เพิ่มขึ้น 15.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      22,181 คัน      เพิ่มขึ้น       12.2%       ส่วนแบ่งตลาด 34.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ         15,728 คัน      เพิ่มขึ้น        5.8%         ส่วนแบ่งตลาด 24.3%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      5,035 คัน      เพิ่มขึ้น        0.7%       ส่วนแบ่งตลาด   7.8%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 20,084 คัน เพิ่มขึ้น 29%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      5,773 คัน      เพิ่มขึ้น      19.7%       ส่วนแบ่งตลาด 28.7%อันดับที่ 2 ฮอนด้า         3,191 คัน      ลดลง        27.1%  ส่วนแบ่งตลาด 15.9%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      2,077 คัน      เพิ่มขึ้น      76.5%       ส่วนแบ่งตลาด 10.3%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 44,651 คัน เพิ่มขึ้น 10.6%                         

อันดับที่ 1 โตโยต้า     16,408 คัน      เพิ่มขึ้น       9.8%       ส่วนแบ่งตลาด 36.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          15,728 คัน      เพิ่มขึ้น       5.8%       ส่วนแบ่งตลาด 35.2%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ     2,637 คัน      เพิ่มขึ้น     19.1%        ส่วนแบ่งตลาด  5.9%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 33,822 คัน เพิ่มขึ้น 6.4%                                

อันดับที่ 1 อีซูซุ         14,192 คัน      เพิ่มขึ้น        5.9%       ส่วนแบ่งตลาด 42.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      13,909 คัน      เพิ่มขึ้น      11.1%       ส่วนแบ่งตลาด 41.1%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ     2,604 คัน      เพิ่มขึ้น      19.2%       ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

                             *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,585 คัน

โตโยต้า 2,048 คันอีซูซุ 1,297 คัน มิตซูบิชิ 702 คัน ฟอร์ด 435 คัน นิสสัน 103 คัน

  • ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,237 คัน เพิ่มขึ้น 5.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ         12,895 คัน      เพิ่มขึ้น      5.2%        ส่วนแบ่งตลาด 44.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      11,861 คัน      เพิ่มขึ้น    13.0%        ส่วนแบ่งตลาด 40.6%

                  อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      1,902 คัน      เพิ่มขึ้น      9.7%         ส่วนแบ่งตลาด  6.5%      

  • สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม พฤษภาคม 2565
  • ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 359,351 คัน เพิ่มขึ้น 16.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      121,006 คัน    เพิ่มขึ้น       27.6%      ส่วนแบ่งตลาด 33.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          89,743 คัน     เพิ่มขึ้น       13.5%      ส่วนแบ่งตลาด 25.0%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       35,766 คัน     เพิ่มขึ้น        1.1%       ส่วนแบ่งตลาด 10.0%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 116,302 คัน เพิ่มขึ้น 18.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      33,010 คัน     เพิ่มขึ้น     35.9%       ส่วนแบ่งตลาด 28.4%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า      27,056 คัน     ลดลง       10.3%       ส่วนแบ่งตลาด 23.3%

อันดับที่ 3 มาสด้า      10,151 คัน     เพิ่มขึ้น     11.9%        ส่วนแบ่งตลาด  8.7%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 243,049 คัน เพิ่มขึ้น 15.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ         89,743 คัน      เพิ่มขึ้น     13.5%        ส่วนแบ่งตลาด 36.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      87,996 คัน      เพิ่มขึ้น     24.7%        ส่วนแบ่งตลาด 36.2%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ     13,545 คัน      เพิ่มขึ้น     11.4%        ส่วนแบ่งตลาด  5.6%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 190,223 คัน เพิ่มขึ้น 16.2%

อันดับที่ 1 อีซูซุ          82,799 คัน      เพิ่มขึ้น     14.3%        ส่วนแบ่งตลาด 43.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      76,603 คัน      เพิ่มขึ้น     28.4%        ส่วนแบ่งตลาด 40.3%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      13,447 คัน      เพิ่มขึ้น     13.6%        ส่วนแบ่งตลาด  7.1%

                             *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 25,400 คัน

โตโยต้า 12,012 คันอีซูซุ 7,531 คันมิตซูบิชิ 3,483 คัน ฟอร์ด 1,850 คัน นิสสัน 524 คัน

  • ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 164,823 คัน เพิ่มขึ้น 18%

อันดับที่ 1 อีซูซุ         75,268 คัน      เพิ่มขึ้น     17.2%        ส่วนแบ่งตลาด 45.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      64,591 คัน      เพิ่มขึ้น     31.5%        ส่วนแบ่งตลาด 39.2%

                  อันดับที่ 3 ฟอร์ด       10,295 คัน      ลดลง        9.9%        ส่วนแบ่งตลาด  6.2%    

Facebook Comments
Thunyaluk Seniwongs

Recent Posts