ช่วงล่างดัง รอบเดินเบาไม่นิ่ง

Brand: TOYOTA Model: Camry
Year: 1991 Miles: 100001 – More
From: บัณฑิต พิทักษ์ไชยวงศ์

Toyota : Corona

เรียน คุณอาธเนศร์ที่เคารพ
ผมใช้รถโตโยต้า โคโรน่า ST 171 2.0 GLI เครื่องหัวฉีด 2000 ซีซี เกียร์ธรรมดา รุ่นปี 1991 ใช้งานมาแล้ว 206,000 กิโลเมตร พอดีเพิ่งซื้อรถมาใช้ตอนประมาณสัก 200,500 กิโลเมตร ผมเพิ่งจะใช้ไปสัก 5,500 กิโลเมตรครับ มีปัญหามารบกวนสอบถามคุณอา ดังนี้ครับ
1. เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในตอนเช้า รอบเครื่องยนต์จะสูงขึ้นกว่ารอบเดินเบาขณะเครื่องร้อนเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 1000-1200 รอบต่อนาที เหมือนเครื่องยนต์โช้ก จนกระทั่งขับไปได้ประมาณ 3-5 กิโลเมตร ขึ้นกับสภาพการจราจรที่ติดขัด รอบเดินเบาเครื่องยนต์จึงตกลงมาที่ประมาณ 700-900 รอบต่อนาที รอบเครื่องยนต์ไม่แกว่งนะครับขณะที่จอดติดไฟแดง แต่จะไม่ค่อยเท่ากันเมื่อรถวิ่งไปแล้วต้องจอดที่ไฟแดงถัดไป เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานจะฉุดให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นเล็กน้อย ไม่เกิน 50 รอบต่อนาที แล้วจึงตกลงมาที่รอบเดินเบาเดิม แต่ก็มีบางครั้งที่รอบเดินเบาเครื่องยนต์ต่ำมากถึง 600 รอบต่อนาที แล้วเมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงาน จึงจะดึงให้รอบเดินเบาสูงขึ้นมาแต่ไม่เกิน 900 รอบต่อนาทีครับ อยากเรียนถามคุณอาธเนศร์ว่าอาการรอบเดินเบาที่กล่าวมาผิดปรกติหรือไม่ แล้วปัญหานี้เกิดได้จากสาเหตุอะไรบ้าง ต้องแก้ไขที่จุดใดบ้าง ไม่ทราบว่าหากล้างลิ้นปีกผีเสื้อกับตรวจสอบที่ตัวควบคุมรอบเดินเบา และปรับตั้งไฟจุดระเบิดตรงจานจ่ายจะหายหรือไม่
2. ต่อจากข้อแรกครับ หากสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะที่ยังร้อนอยู่ หลังจากดับเครื่องยนต์ไม่เกิน 1 ชั่วโมง รอบเครื่องยนต์จะตกลงมาจากปรกติเหลือเพียง 500-600 รอบต่อนาทีเท่านั้น ในบางครั้งเคยเหลือเพียงแค่ 400 รอบต่อนาที ทำให้รถมีอาการสั่นมากกว่าปรกติ แต่เมื่อลองเหยียบคันเร่งหรือเปิดแอร์ อาการก็หายเป็นเหมือนในข้อแรก จนกระทั่งขับไปสักระยะก็เป็นปรกติ
3. เวลาสตาร์ทรถทุกครั้งจะต้องสตาร์ทอย่างน้อย 2 ครั้งจึงจะติด โดยได้บิดกุญแจค้างไว้ประมาณ 2 วินาทีแล้วปล่อย บิดกุญแจอีกครั้งจึงจะติด แต่ช่วงนี้ต้องบิดกุญแจถึง 3 ครั้งจึงจะติดเครื่อง ไม่ทราบว่า อาการนี้เกิดจากอะไรครับ แล้วต้องแก้ไขอย่างไร
4. หัวเทียนได้ถอดออกมาตรวจดูแล้วพบว่า คราบเขม่าที่เกาะอยู่ มีปริมาณน้อยมาก แกนหัวเทียนยังไม่สึกหรอ แกนกระเบื้องยังมีสีขาวนวล ไม่มีรอยเยิ้มของน้ำมันเครื่องที่ตัวฉนวนและเขี้ยวหัวเทียนเลย แต่ที่เกลียวหัวเทียนมีน้ำมันเครื่องเกาะอยู่เต็มเลยครับ ไม่ทราบว่าเกิดได้จากสาเหตุอะไรบ้างครับแล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร
5. เวลาวิ่งช้า ๆ ผ่านพื้นผิวที่ขรุขระ จะมีเสียงดังกึก ๆ เหมือนเสียงเหล็กกระทบกัน มาจากตรงล้อหน้าด้านซ้าย-ขวาและล้อหลังขวา แต่หากวิ่งเร็ว ๆ ผ่านพื้นผิวถนนที่ปะซ่อมในเลนซ้ายของทางหลวงแผ่นดินส่วนใหญ่ จะไม่ได้ยินเสียง ไม่ทราบว่าเกิดได้จากอะไรครับแล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร ลองยกรถขึ้นมาดูชิ้นส่วนต่าง ๆ แล้วไม่พบว่ามีชิ้นส่วนไหนหลุดหรือหลวมครับ และได้ลองโยกล้อหน้าซ้ายขวาดูตอนที่ยกล้อหน้า ก็ไม่พบว่าจะหลวมแต่อย่างใดครับ

6. รบกวนคุณอาธเนศร์ช่วยบอกวิธีการตั้งวาล์วของรถรุ่นนี้ให้ด้วยครับ รวมทั้งขนาดทอร์กที่ไช้ขันฝาสูบ ผมหาคู่มือการซ่อมบำรุงในส่วนของเครื่องยนต์รถคันนี้ไม่ได้ครับ ที่โรงเรียนเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า สุวินทวงศ์ ไม่มีแล้วครับ พอดีน้องชายของผมได้ไปค้นดูตอนที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้ไปฝึกอบรมในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้มาแต่คู่มือซ่อมบำรุงช่วงล่างของรถรุ่นดังกล่าว แต่ไม่มีคู่มือสำหรับซ่อมบำรุงเครื่องยนต์รหัส 3S-FE เหลืออยู่เลยครับ หากคุณอามีหนังสือดังกล่าว ไม่ทราบผมจะขออนุญาตถ่ายสำเนาจากคุณอาได้หรือไม่ครับ หรือคุณอาพอจะแนะนำได้ไหมครับว่าผมพอจะไปหาหนังสือเล่มนี้ได้จากที่ไหนบ้างครับ
7. เกือบลืมครับ รอบเดินเบาปกติทั้งตอนเปิดและปิดแอร์ของรถยนต์รุ่นนี้ (เกียร์ธรรมดา) อยู่ที่รอบเท่าไหร่ครับ ในคู่มือประจำรถไม่ได้บอกไว้ครับ
8. ผมได้ทำวิทยานิพนธ์เรื่องของความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการใช้น้ำมันเครื่องอย่างไม่มีประสิทธิภาพไว้ครับ เสร็จเมื่อประมาณต้นปี 2546 อยากส่งให้คุณอาธเนศร์ได้ลองอ่านดูน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณอาธเนศร์จะสะดวกไหมครับ ถ้าผมจะเอาหนังสือเล่มนี้ไปให้กับคุณอาธเนศร์เองเลยที่สถานีวิทยุ FM97 ตรงซอยละลายทรัพย์ พอดีผมอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นพอดีครับ จะได้ไม่ต้องส่งทางไปรษณีย์
ขอขอบพระคุณคุณอาธเนศร์มาล่วงหน้าเป็นอย่างสูงที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าตอบคำถามให้ครับ

– เจ้าของเดิมได้ทำการ overhaul เครื่องยนต์มาแล้วที่ประมาณ 150,000 กิโลเมตร โดยได้ทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนดังนี้ ลูกสูบกับแหวนลูกสูบทั้ง 4 สูบ ประเก็นทั้งหมด และสายพานไทมิ่งพร้อมชุดลูกรอก
– หลังจากที่ผมซื้อมาก็ได้ทำการเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด คือ น้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเบนซิน น้ำมันเกียร์ธรรมดา น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำมันเบรกและคลัทช์(พร้อมกับล้างระบบเบรกทั้งหน้าและหลัง) น้ำยาคูลแลนท์ ล้างและตรวจระยะเขี้ยวหัวเทียนตามสเปคในคู่มือประจำรถ


1-ล้างปีกผีเสื้อ ล้างมอเตอร์เดินเบา ปรับตั้งจังหวะจุดระเบิดให้ถูกต้อง น่าจะทำให้ทำงานดีขึ้นครับ ที่จริง ที่คุณบอกไว้นั้น ผมว่าเกือบจะปกติแล้วนะครับ น่าจะพอใจได้ระดับหนึ่ง
2-น่าจะเป็นจากมอเตอร์เดินเบาสกปรก หรือปีกผีเสื้อสกปรกก็ได้ สายคันเร่งก็ต้องลื่นและทำงานสะดวกด้วยนะครับ อาการนี้ ไม่น่าจะมีปัญหากับเครื่องยนต์ เป็นจากส่วนประกอบที่เราพูดกันนี่แหละครับ
3-เกิดจากคุณสตาร์ทแล้วปล่อยกุญแจเร็วเกินไป เครื่องยนต์เก่าแล้ว จำเป็นจะต้องให้เวลาหน่อย สตาร์ทยาวนิดทีเดียวให้ติดเลย ดีกว่า เพราะเครื่องยนต์หัวฉีดจะปล่อยน้ำมันเข้าเครื่องตลอดเวลา หากคุณสตาร์ททีแรกไม่ติด ครั้งต่อไปก็จะมีอาการคล้ายน้ำมันท่วม
ผมชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่า ตอนติดเครื่องทุกครั้ง คุณทำอย่างนี้หรือเปล่า หากทำ ก็น่าจะแก้หรือเปลี่ยนนิสัยเสีย สตาร์ทยาวไปเลยให้เครื่องยนต์ติดทีเดียว อาจจะเรียบร้อยทุกอย่าง ไม่เกิดอาการอย่างข้อ 2 ที่คล้ายน้ำมันท่วมก็ได้ครับ ลองดูดีกว่า
4-เกลียวหัวเทียนมีคราบน้ำมันเครื่องจับอยู่ เป็นไปได้ที่จะเกิดจากน้ำมันเครื่องไหลลงไปอยู่ในเบ้าหัวเทียน เวลาเราถอดหัวเทียน น้ำมันเครื่องก็จะจับที่เกลียวได้ครับ ลองเช็ดเบ้าหัวเทียนให้สะอาดก่อน เวลาเติมน้ำมันเครื่องก็อย่าให้หกลงไป และตรวจดูว่า ปะเก็นฝาครอบวาล์วรั่วหรือไม่ น่าจะเป็นได้ครับ หากไม่รั่ว แต่เกิดกับหัวเทียนเพียงหัวเดียว ก็เป็นไปได้มาก ที่จะเกิดการแตกของฝาสูบบริเวณนั้น ที่เชื่อมได้ ไม่ยาก แต่ต้องเป็นหัวเดียว ไม่ใช่ทุกหัว หากเป็นทุกหัว น่าจะเกิดจากน้ำมันเครื่องหก หรือรั่วจากฝาวาล์วไปขังอยู่ในเบ้าหัวเทียน
5-เดานะครับ เดาว่าอาจจะเกิดจากการขัดตัวของแกนเหล็กกันโคลง หรือเหล็กหนวดกุ้ง แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรใหญ่มากนัก หากไม่มีปัญหาอะไร ปล่อยปล่อยไปก่อนครับ
6-น้องชายคุณคงหาไม่ทั่วเอง ผมเห็นคู่มือของเครื่องยนต์นี้อยู่ในห้องสมุดของเขาแน่นอนครับ เมื่อสองสามเดือนนี้เอง อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ จากประตูห้องสมุดนะ เข้าไปแล้วต้องไปทางซ้าย ที่เขาเก็บรักษาของเก่าเอาไว้ มีแน่นอนครับ
เครื่องยนต์รุ่นนี้ ออกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1987 แล้ว
วาล์วไอดีตั้งที่ 0.19-0.29 มม. ไอเสียที่ 0.28-0.38 มม. เทียบเป็นนิ้วเอาเองก็แล้วกัน ตั้งเวลาอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ คือติดเครื่องให้ร้อนก่อน แล้วดับเครื่อง ตั้งเลย
ขันฝาสูบปรับตั้งสามระดับ ระดับ 1=15 ปอนด์/ฟุต ระดับสองที่ 30 และระดับสามที่ 47 ปอนด์/ฟุต น๊อตฝาสูบมี 10 ตัว ตัวที่ 1 อยู่กลางเครื่อง หันเข้าหาตัวรถจะอยู่ด้านขวามือของคุณ ตัวที่สองอยู่ตรงข้ามกับตัวที่ 1 เป็นแนวอย่างนี้ครับ 8-6-1-3-9 จากท้ายเครื่องมานะ อีกฝั่งหนึ่งคือ 10-4-2-5-7 จากท้ายเหมือนกัน
7-รอบเดินเบา เท่ากันทั้งเปิดและปิดแอร์ อยู่ที่ 700+/-50
8-ด้วยความยินดีครับ นำไปได้เลย ขอขอบคุณล่วงหน้า อ้อ ไปก่อนเวลาออกอากาศสัก 5 นาที เพราะผมไปถึงราวนั้น และหลังออกอากาศก็จะกลับเลย ไม่ค่อยอยู่ต่อครับ-ธเนศร์

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts