ในงาน “โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44” หนึ่งในงานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ที่จัดขึ้นที่โตเกียว บิ๊ก ไซท์ ใจกลางกรุงโตเกียว ระหว่าง วันที่ 30 ตุลาคม ถึง 8 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ได้ปลุกทุกจินตนาการสู่โลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมรถยนต์ต้นแบบขับอัจฉริยะอัตโนมัติ ไอดีเอส เพิ่มอำนาจในการคิด ในการตัดสินใจ ในการขับให้กับผู้ใช้รถอย่างไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังตอบโจทย์ทางด้านสังคมด้วยการใช้พลังไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ให้ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังถูกพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความปลอดภัยในการอยู่ร่วมในสังคม
มร. คาร์ลอส กอส์น – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าว ในการแถลงข่าวว่า ปัจจุบันเราได้ก้าวมาถึงยุคใหม่อย่างแท้จริง คือเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีใหม่ที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เราเป็นอยู่ในทุกวันนี้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเราจะได้เห็นความก้าวหน้าของนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา โดยสำหรับนิสสัน มองความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ว่า คือโอกาส
“ที่ผ่านมานิสสันได้สร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ทำให้โลกได้รู้จัก นิสสัน ลีฟ ในฐานะที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก ซึ่งมาถึงวันนี้เราได้แนะนำให้โลกได้รู้จักกลุ่มรถยนต์ Crossover อาทิ X-Trail, Murano, Qashqai และ Juke และล่าสุดเราขอแนะนำ Nissan Gripz Concept ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการที่จะเป็นผู้นำในการนำเสนอรถ Crossover สำหรับยุคต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยนิสสันยืนยันที่จะทำให้โลกได้รู้จักรถยนต์ Crossover ที่ดีที่สุด โดยรูปธรรมหนึ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่นิสสันได้เคยนำระบบเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น Around View Monitor และ Smart View Mirror มาใช้ก่อนหน้านี้ก็คือ การพัฒนาเทคโนโลยีระบบเบรคฉุกเฉิน Emergency Brake Technology ในรถยนต์ทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นโดยจะเริ่มต้นในปีนี้ ซึ่งนิสสันจะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ริเริ่มในเรื่องนี้
มร. คาร์ลอส กอส์น ยังได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ซึ่งด้วยศักยภาพของพันธมิตรเรโนลด์-นิสสัน การพัฒนาเทคโนโลยีของนิสสันจากนี้ไปจะมุ่งไปสู่การปฏิวัติความสัมพันธ์ระหว่างรถยนต์กับผู้ขับขี่ ขณะที่รถยนต์จะอยู่ในสังคมอย่างกลมกลืนคือ นอกจากจะไร้มลพิษ การใช้รถยนต์ของคนในสังคมก็ยังจะปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่เกิดอันตรายใดๆกับใครเลย ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีรถยนต์ต้นแบบที่นิสสันได้พัฒนาขึ้น ก็คือ รถยนต์ต้นแบบขับอัจฉริยะอัตโนมัติ IDS ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง ใช้พลังงานจากไฟฟ้าจากแบตเตอรีขนาด 60 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
รถยนต์ต้นแบบขับอัจฉริยะอัตโนมัติ นิสสัน ไอดีเอส (IDS) ภายใต้ระบบขับอัตโนมัติ (Autonomous Driving System)
จากคำกล่าวของ มร. คาร์ลอส กอส์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่นที่ว่า “เทคโนโลยีที่กำลังจะมาถึงของนิสสันจะเป็นการปฏิวัติความสัมพันธ์ระหว่างรถและคนขับ หรือผู้ใช้สำหรับการเดินทางในอนาคต” นิสสันในฐานะผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ด้านต่างๆ รวมถึงยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนจึงนำเสนอเทคโนโลยีของโลกในอนาคตที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงจอภาพยนตร์ หรือนวนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไปด้วยการบูรณาการการควบคุมรถที่ทันสมัยและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยผ่านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) เพื่อสร้างสรรค์พาหนะที่สามารถขับขี่ได้ด้วยตนเอง หรือที่เรียกว่า Autonomous Driving โดยตั้งแต่ในปี 2020 นิสสันมีแผนจะนำเสนอและติดตั้งเทคโนโลยี Autonomous Driving System ให้กับรถยนต์หลายรุ่นให้สามารถขับขี่ได้ด้วยตนเอง
ระบบขับขี่อัจฉริยะอัตโนมัติของนิสสัน จะแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของนิสสันที่เชื่อว่ารถในยุคต่อไปควรจะเป็นระบบที่ช่วยเพิ่มอำนาจให้ผู้ขับขี่ ทั้งในการมองเห็น การคิดและการตอบสนองในสภาพการณ์ต่างๆ ของการขับขี่ รวมถึงการชดเชยความผิดพลาดของมนุษย์ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าร้อยละ 90 ขณะที่ในด้านประสิทธิภาพการทำงานของรถก็จะยังมีเพิ่มขึ้นแล้วอีกทั้งยังมุ่งเน้นให้ให้ผู้ขับขี่มีความสุขสนุกกับการใช้รถ