จัดเต็มในทุกความต้องการไปกับ All New Toyota Camry Hybrid. By : Mr.O



หลังจากที่ คุณโจ้ ได้ไปทดลองขับ All New Toyota Camry ตัว 2.5 ลิตรมาแล้ว (http://www.caronline.net/ArticleDetail.aspx?ArticleID=1097) คราวนี้ก็ถึงตาผมบ้างครับ ที่จะได้ไปสัมผัสเจ้า All New Toyota Camry นี้กัน แต่เป็นตัว Hybrid นะครับ โดยเส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับในครั้งนี้ก็จะเป็นเส้นทางจาก กรุงเทพฯ ไปถึงเกาะช้าง จังหวัดตราด รวมระยะทางไปกลับนั้นก็ประมาณ หกร้อยกว่ากิโลเมตรได้ครับ

All New Toyota Camry เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพียงไม่กี่เดือนยอดจองในทุกรุ่นรวมกันมีกว่า 3,500 คันไปแล้ว ด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภายนอกและภายใน แถมยังเปลี่ยนหัวใจใหม่อีกเสียด้วย จึงถูกใจใครหลายๆคนเลยทีเดียวครับ



ภายนอกนั้น จะเหมือนก็ไม่เหมือนตัว 2.5 ลิตรซะทีเดียวครับ ไฟหน้า กระจังหน้า โลโก้สามห่วงด้านหน้า กันชนหน้า ไฟตัดหมอกด้านหน้า ก็ไม่เหมือนกันแล้วครับ มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ดูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดครับ ด้านข้างนั้นเหมือนกันเลย เพียงแต่เพิ่มโลโก้ Hybrid ขึ้นมาเท่านั้น เช่นเดียวกับด้านท้าย ที่เพิ่มเพียงแค่โลโก้ Hybrid และสัญญาลักษณ์สามห่วงรูปตัวที ที่พื้นหลังเป็นสีออกฟ้าๆนั่นแหละครับ



ภายในขอพูดถึงตัวท็อบเลยก็แล้วกันนะครับ เพราะจะดูแตกต่างกันมากที่สุด เนื่องจากจัดเต็มในเรื่องออพชั่น เพราะยกเอามาทั้งหมดของตัว 3.5 ลิตรในโฉมเก่ามาใส่กันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เบาะไฟฟ้าคู่หน้า แถมเมมโมรี่ในฝั่งคนขับ ที่สัมพันธ์กับตำแหน่งของพวงมาลัย และกระจกมองข้าง เพิ่มความสบายให้คนนั่งด้านหน้าและคนขับด้วย พัดลมระบายอากาศใต้เบาะ และพนักพิง ระบบนำทางในรถ ระบบปรับอากาศแยกซ้าย-ขวา และด้านหลัง เบาะด้านหลังปรับเอนได้ทั้งสองฝั่ง ด้วยที่พักแขนแบบพับเก็บได้ พร้อมสวิทช์ควบคุม ที่ควบคุมได้ทั้งระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง ม่านบังแดดด้านหลัง ระบบเครื่องเสียงที่ไม่ธรรมดาด้วยลำโพง JBL 10 ตำแหน่ง เรียกได้ว่าภายในของ All New Toyota Camry Hybrid ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้วครับ



มาถึงเรื่องเครื่องยนต์กันบ้างครับ แต่ก่อนจะไปไหนไกล บางท่านยังไม่รู้เลยครับว่า ไอ้คำว่า “Hybrid” ที่เพิ่มขึ้นมานี่ มันคืออะไร ทำงานอย่างไร และดีกว่าหรือแย่กว่าตัว 2.5 ลิตรธรรมดาอย่างไร มา เรามาเรียนรู้ว่า Hybrid ทำงานกันอย่างไรกันครับ

ระบบ Hybrid เป็นระบบที่ผสมผสานการทำงานจากแหล่งกำเนิดพลังงาน สองชนิดด้วยกันครับ เช่น เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น หรือรถที่ติดตั้งระบบแก๊สเพิ่ม อย่างนี้ก็เรียกว่า Hybrid ได้เหมือนกันครับ เพราะใช้เชื้อเพลิงสองชนิด สลับกัน หรือผสมผสานกัน All New Toyota Camry Hybrid ก็เช่นกันครับ เป็นการผสมผสานการทำงานกันระหว่าง เครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์ที่ให้มานั้นเป็นเครื่องยนต์ในรหัส 2AR-FXE2.5 ลิตร เมื่อบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้วนั้น ให้กำลังสูงสุด 205 แรงม้า ส่งกำลังอย่างนุ่มนวลและต่อเนื่องด้วยเกียร์แบบ ECVT ซึ่งแรงม้าที่ได้มานั้นมากกว่าตัวเก่าถึง 15 ตัวเลยทีเดียวครับ



การทำงานนั้น เมื่อออกตัว จะเป็นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวครับ หากต้องการอัตราเร่งเพิ่ม ระบบก็จะสตาร์ทเครื่องยนต์ให้เอง และจะทำงานไปด้วยกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้ได้ความเร็วที่ต้องการ เมื่อความเร็วคงที่ มอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานเอง คงเหลือแต่เครื่องยนต์ที่ยังทำงานอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่เร่งแซง เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ก็จะทำงานร่วมกันอีกครั้ง และหากถอนคันเร่ง เครื่องยนต์ก็จะดับ แต่มอเตอร์ไฟฟ้ายังทำงานอยู่ แต่เปลี่ยนหน้าที่ จากที่เป็นตัวส่งกำลัง กลายเป็นตัวปั่นไฟ ปั่นไฟโดยใช้แรงเฉื่อยของรถที่ยังคงวิ่งอยู่ เข้าแบตเตอรี่ที่ใช่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแทน และเมื่อรถหยุด เช่นติดไฟแดง เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงาน แต่ระบบภายในรถที่ยังคงทำงานอยู่ เช่นระบบเครื่องเสียง หรือระบบปรับอากาศ ก็จะใช้ไฟจากแบตเตอรี่แทน เมื่อไฟในแบตใกล้จะหมด เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นเอง เพื่อปั่นไฟเข้าแบต และเพื่อเลี้ยงระบบต่างๆ



หากถามว่า แล้วมันดีกว่าตัว 2.5 ลิตรที่ไม่มีระบบ Hybrid อย่างไร ก็ตอบแบบสั้นๆง่ายๆว่า ก็ประหยัดกว่าไงครับ แต่ต้องดูนะครับว่าคุณใช้งานอย่างไร หากใช้ในเมืองประหยัดกว่าเห็นๆครับ ตัวเลขที่โตโยต้าให้มานั้น ในเมืองได้ประมาณ 18.6 กม./ลิตร ส่วนนอกเมืองนั้นทำได้เพียง 16 กม./ลิตรเท่านั้น และหากว่าจะวัดกันที่นอกเมืองเพียงอย่างเดียว ระบบ Hybrid ก็จะทำคะแนนได้ดีกว่าตัว 2.5ลิตร แน่ครับ แต่อาจจะเห็นผลไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก ไม่เหมือนวิ่งในเมืองครับ



มาถึงช่วงล่างกันบ้าง รถระดับนี้ จะให้แข็งกระด้างก็จะยังไงอยู่ แต่ก็ไม่ได้นิ่มจนเกินไปนักนะครับ ถึงแม้จะให้ตัวได้มาก แต่ก็ควบคุมได้ง่าย ในทุกสภาพถนน และในทุกโค้งที่ใส่เข้าไปตามเส้นทางในการทดลองขับ ทำให้ทั้งคนขับ และผู้โดยสารนั้นไม่เหนื่อยในการเดินทางเท่าไหร่นัก



ด้วยราคาค่าตัว (TOP) ที่ 1,869,000 บาท ลองดูเอาแล้วกันครับว่า ความคุ้มค่าของมันอยู่ที่ไหน หากใช้นอกเมืองอย่างเดียว ตอบได้เลยว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยจะได้ใช้ระบบ Hybrid อย่างเต็มประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก เสียดายระบบครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความคุ้มค่าจริงๆแล้ว ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ เพราะแต่ละคนใช้รถไม่เหมือนกัน คุณที่เป็นคนถือเงินเท่านั้น ที่จะตอบคำถามนี้ได้ครับ

******************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net

Facebook Comments