คอลัมน์ผู้หญิงขับรถในครั้งนี้ได้รับเชิญจากทางฮุนได เป็นทริปที่ขับรถฮุนได Velosterจากกรุงเทพฯ ไปเที่ยวนครวัด ที่เมือง เสียมราฐ(Siem Reap )กัมพูชาระยะทางประมาณเกือบ 1,000 กิโลเมตร ใช้ชื่อทริปในครั้งนี้ว่า
HYUNDAI Veloster WORLD WONDERS 2013 HISTORIC&UNIQUE PRESS CARAVAN TO ANGOR WAT
โดยนัดเจอกันช่วงเช้าที่โชว์รูมใหญ่แห่งใหม่ที่ ถนนวิภาวดี 64 เวลา 6.30 น.ออกจากบ้านที่สวนสยามตอนตีห้าครึ่ง เพราะใช้บริการแท็กซี่ใกล้บ้านที่ต้องไปรับผู้โดยสารเวลา 6.30 น. ไปถึงโชว์รูมฮุนได ก่อนหกโมงเช้าช่างเร็วดีแท้ แต่ก็มีเพื่อนร่วมทางที่ไปถึงก่อนแล้ว สองท่าน
เมื่อมาครบทีมแล้วทางทีมงานฮุนไดก็จัดสรรกันว่า ใครจะขับคันไหน โดยฮุนได Veloster มีจำนวน 5 คัน นั่งกันคันละ 3 ถึง 4 คน ส่วนคนที่ยังไม่ได้ขับ ก็นั่งรถตู้ของฮุนได ที่มีทั้ง H-1 และHyundai Grand Starex Premium เพืี่อรอสลับกันขับ
ตัวดิฉันเองยังไม่ต้องขับตอนขาไป ก็เลยได้นั่งรถ Hyundai Grand Starex Premium ไปก่อน โดยมีสาวๆที่ไปทริปนี้สามคนนั่งไปด้วยกัน (สาวหรือไม่สาวก็ขอเรียกไว้ก่อนก็แล้วกันนะคะ) โดยรถคันที่นั่งเป็นรถแบบเจ็ดที่นั่ง แต่นั่งกันแบบสบายสบายเพราะนั่งกัน 5 คน มีทีมงานผู้ชายจากกรังด์ปรีซ์นั่งไปด้วย สองคนและเป็นผู้ขับให้พวกเราได้นั่งกันอย่าง วีไอพี เก้าอี้ของฮุนไดรุ่นนี้นั่งสบายมากตัวใหญ่โดยด้านหลังจะมี 2 แถว แถวแรก 2 ที่นั่ง เก้าอี้แยกเป็นตัวตัว มีที่สามารถเดินได้ตรงกลาง ถ้าพับที่สำหรับวางแก้วเก็บไว้ ส่วนแถวหลังสุดแบบแถวเดียวสามที่นั่ง
Hyundai Grand Starex Premium คันนี้เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี. เครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เครื่งยนต์แบบหัวฉีดไดเร็คอินเจ๊คชั่น คอมมอลเรล
แรงม้าอยู่ที่ 175 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 441นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
ออกจากโชว์รูมที่ถนนวิภาวดี โดยวิ่งกันเป็นขบวนคาราวาน มีรถวิ่งนำโดยวิ่งออกทางด้านถนนนวมินทร์ ซึ่งช่วงเช้ารถติดค่อนข้างมาก
หลังจากนั้นก็ไปทางมอเตอร์เวย์ผ่านไปทางบ้านโพธ์ จ.ฉะเชิงเทรา ไปทางพนมสารคาม ระหว่างทางก็มีการพักเพื่อเปลี่ยนคนขับที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.และบางจาก Hyundai Veloster ก็ยังเป็นพระเอกเหมือนในหนังเกาหลี City Hunter มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปกันหลายคน
แล้วก็ตั้งขบวนใหม่เข้าอรัญประเทศ เพื่อเดินทางไปกัมพูชาทางด้านด่านชายแดนคลองลึก ผ่านตลาดโรงเกลือซึ่งก็คึกคักเหมือนเช่นเดิม
เมื่อมาถึงด่านชายแดนคลองลึก ก็ขับรถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง Passaport ของพวกเราก็ได้มอบให้ทางเจ้าหน้าที่ของทางฮุนไดไปแล้ว รถถึงแม้จะเป็นรถป้ายแดงแต่ก็ได้รับการประสานงานอย่างดีของทางด้านฮุนได ทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เมื่อเข้าเขตกัมพูชา ขบวนคาราวานในการเดินทางครั้งนี้ ก็เปลี่ยนผู้นำขบวนที่เชี่ยวชาญในด้านเส้นทางของกัมพูชา ก็คือ บริษัททรานเอเชียมาเป็นคนขับนำในขบวนคาราวานครั้งนี้
เมื่อข้ามด่านชายแดนไปนิดเดียว ก็พบกับบ่อนคาสิโนตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งกัมพูชา
ขบวนของพวกเราไปถึงก็บ่ายโมงกว่ากว่าแล้ว ก็รับประทานอาหารเที่ยงกันแถวๆนั้นละคะ
ออกจากที่รับประทานอาหาร ก็ตั้งขบวนคาราวานกันใหม่ เพราะการขับรถที่ทางฝั่งเขมรจะขับชิดขวา รถที่นั่นจะเป็นรถพวงมาลัยซ้าย ซึ่งจะวิ่งคนละฝั่งกับทางบ้านเรา เมื่อเราไปวิ่งที่นั่นก็ต้องวิ่งตามกฎระเบียบของเขา
อีกเรื่องหนึ่งที่อดพูดไม่ได้ก็คือว่า ยุคนี้เป็นยุคโซเชียลมีเดีย การโพสต์รูปบนโซเชียลมีเดียถือเป็นเรื่องปกติ หรือไม่ใช่
เมื่อข้ามชายแดน ถ้าใช้โทรศัพท์แบบ Roming ระบบก็จะเข้าเป็นโทรต่างประเทศเลย ก็ต้องปิดด้าต้า โรมมิ่งก่อนถ้าไม่อยากเสียเงินเยอะ แล้วใช้wifi ในบริเวณที่มี ซึ่งข้ามชายแดนยังพอมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์จากไทยให้ใช้อยู่ได้พอสมควรหลายกิโลเมตรอยู่ ก็จะเห็นพวกเราส่วนใหญ่ก้มหน้าก้มตามองแต่โทรศัพท์
ถนนที่วิ่งจะเข้าไปที่เสียมราฐ จะเป็นถนนสองเลนลาดยาง รถยังไม่เยอะนัก วิ่งกันค่อนข้างสบาย แต่จะมีถนนขรุขระบ้างและทำถนนเป็นบางช่วง แต่ที่ต้องระวังก็คือจักรยานและมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งอยู่ข้างทาง
สองข้างทางของกัมพูชาก็ไม่ต่างจากต่างจังหวัดของบ้านเรามากนัก เป็นทุ่งนาคล้ายๆกัน ถ้าป้ายหลักกิโลหรือป้ายต่างๆข้างทางไม่เป็นภาษาเขมรก็จะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก เพียงแตพี้นที่ของกัมพูชาจะเป็นที่ราบมากกว่า ไม่ค่อยมีภูเขา
เข้ามาถึงฝั่งกัมพูชาแล้วแล้วพวกเราสามสาว ก็ยังคงนั่งอยู่บนรถ Hyundai Grand Starrex โดยมีน้องๆขับให้นั่ง เป็นรถที่นั่งสบายมาก ท่านที่ในครอบครัวมีหลายคนและชอบเดินทางกันหลายๆคน ก็เป็นรถที่น่าใช้อย่างยิ่ง
เมื่อได้นั่งอย่างสบายๆ ก็ทำให้มีโอกาสได้ชมวิวของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสบายใจ
เราวิ่งกันเป็นขบวนคาราวานโดยมีรถ Hyundai Veloster อยู่ข้างหน้าและมี Hyundai Sonata ปิดท้ายตามด้วย Hyundai Grand Starrex และ H-1 สาเหตุที่ต้องมีรถ โซนาต้าคั่นกลางก็เพราะต้องให้มีสัญญาณวิทยุสื่อสารในรถ เพื่อช่วยให้สะดวกในการเดินทางโดยผ่านทางวิทยุสื่อสาร โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยรายงานสภาพถนนและสภาพการจราจร
จุดหมายแรกที่ขบวนเราได้แวะก็คือร้านเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระพุทธรูปเนื้อก็ละเอียดมากและที่ซื้อกันก็คือหินรูปหัวใจทีเอามาทับกระดาษก็ได้หรือใช้ขัดเท้าได้ แต่หินยาวๆที่เขาบอกว่าใช้ขัดถูหลังได้นั้น ถ้าผิวไม่ด้านพอแล้วถูแรงมีโอกาสหนังถลอกค่ะ (ที่เห็นในรูปไม่ใช่หินยาวยาวที่พูดถึงนะคะ อันนั้นเป็นหินลับมีดค่ะ)
ตอนแรกก็ตั้งใจจะซื้อแต่แล้วก็เปลี่ยนใจค่ะ
แต่ที่ร้านนี้มีของกินที่อร่อยก็คือกล้วยค่ะ เป็นกล้วยปิ้งที่หั่นบางมากมาก คล้ายๆปลาหมึกย่างที่บดจนบางของบ้านเรานะ
ของเขาบดจนบางแล้วนำมาปิ้ง กรอบๆอร่อยดี ขาไปคุณลำยองจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ซื้อมาให้รับประทาน แต่วันที่กลับติดใจเมื่อแวะร้านนี้ก็ซื้อกินเอง 20 บาท ก็ได้เยอะพอสมควร
การใช้เงินในเขมร นอกจากเงินของเขมรแล้ว เขาก็รับเงินไทยด้วย ไปคราวนี้ไม่ได้แลกเงินเขมรไป ใช้เงินไทยอย่างเดียว
ออกจากร้านเครื่องปั้นดินเผา ก็ขับรถม่งหน้าสู่เสียมราฐ แต่ขบวนคาราวาน Hyundai Veloster ได้เข้าไปอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวก็คือทะเลสาบที่ชื่อโตนเลสาบ
ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญ 100 กิโลเมตร มาจากเสียมราฐก็ประมาณ 15 กิโลเมตร ฤดูน้ำหลากน้ำท่วมถึง 7,500 กิโลเมตร ลึกถึง 10 เมตร โตนเลสาบครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ กำปงธม กำปงซะนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ ในโตนเลสาบมีปลากว่า 300 ชนิด ช่วงที่ไปนี้น้ำจะขุ่นๆ ยังไม่ใส ประมาณตุลาคมถึงจะใส มีชาวประมงพักกันอยู่บนแพในน้ำ ก็ดูชีวิตเรียบง่ายดี
แต่ไกด์บอกว่าส่วนใหญที่มาตั้งรกรากอยู่ตอนนี้จะเป็นชาวเวียตนามเป็นส่วนใหญ่ จะมีชาวกัมพูชาเพียง 20 %ที่พักอยู่บนแพ
เพราะแต่ตอนนี้ชาวกัมพูชาจะอยู่บนบ้านด้านบนเป็นชุมชนซึ่งเราขับผ่านก่อนที่จะลงเรือที่โตนเลสาบ
ออกจากโตนเลสาบก็จะผ่านถนนที่กำลังทำอยู่เป็นถนนลูกรังในบางช่วงเหมือนตอนที่ขับเข้ามา ทั้งHyundai Veloster และรถที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้ก็วิ่งผ่านกันฉลุยเลย ขากลับมาช่วงเย็นโรงเรียนเพิ่งเลิก เด็กนักเรียนและชาวบ้านจะขี่จักรยานกันเยอะมาก เราต้องระวังรถเหล่านี้ เพราะเขาคิดจะขี่เข้ามาตัดหน้ารถที่กำลังวิ่งอยู่ เขาก็จะตัดหน้าเข้ามาเลย
แล้วขบวนรถของเราก็วิ่งเข้าเสียมราฐเพื่อไปรับประทานอาหารเย็น
อิ่มท้องแล้วก็กลับเข้าที่พักที่โรงแรม Somadevi Angkor Hotel & Spa(Siem Reap ) มี wi-fi ให้ใช้ที่ล็อปบี้ แต่ถ้าจะใช้บนห้องคิดชั่วโมงละ 2 เหรียญ ยูเอส
โรงแรมนี้อยู่ไม่ไกลจากแหล่งช้อปปิ้ง เมื่อออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายไปไม่ไกลนัก ก็จะเจอไนท์มาร์เก็ต มีของคล้ายเยอะแยะ เหมือนไนท์บาร์ซาร์ที่เชียงใหม่ ของที่นี่ก็ต่อราคาได้เยอะมากอยู่ที่ความกล้าของคนต่อรองราคา
และมีร้านนวดแผนโบราณอยู่ริมฟุตบาทหลายร้าน นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เยอะทีเดียว เดินพอได้เหงื่อก็กลับไปนอนละคะ เพื่อว่าวันรุ่งขึ้นจะได้ขับ Veloster ไปเที่ยวนครวัดและปราสาทต่างต่าง
โปรดติตตามตอนต่อไปนะคะ
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา