Categories: รถใหม่

ของเล่นใหม่ : ทดสอบ NP Faster หาอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้น


ผมเห็นจะต้องย้อนกลับไปในพันทิป ห้องหว้ากอนะครับ

เรื่องก็มีอยู่ว่า :-

เพราะชาวหว้ากอแห่งพันทิปดอทคอมเกิดความสงสัยในคุณภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน
ที่คุยว่าประหยัดน้ำมันได้โดยการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
เพื่อตัดกับแรงดึงดูดจากกระแสแม่เหล็กโลกที่มีต่อรถยนต์
เป็นผลให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้น ลอยตัวและต้องการกำลังขับน้อยลง
ก็จะกินน้ำมันน้อยลงไปด้วย ไม่ได้อ้างอะไรเกี่ยวกับระบบจุดระเบิด
การเผาไหม้ของเครื่องยนต์เลยแม้แต่อย่างเดียว

อุปกรณ์นี่มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายกับที่ชาร์ทไฟโทรศัพท์มือถือในรถยนต์
พูดง่ายง่ายว่า คล้ายกับของเล่นญี่ปุ่นที่ออกมายั่วให้คนมีรถซื้อเอาไปเสียบปลั๊กที่จุดบุหรี่
แล้วโฆษณาว่า จะช่วยจัดการกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์รถยนต์ให้พัฒนากำลังเครื่องยนต์ขึ้น
หรือบางตัวก็เพื่อให้ประหยัดเชื้อเพลิง แต่ส่วนมากจะเน้นไปทางประสิทธิภาพของเครื่องยนต์

ของไทยเรานี่ ใช้ชื่อว่า NP Faster ราคา 1800 จนถึง 2500 บาท
อ้างว่า สามารถประหยัดเชื้อเพลิงไม่ว่าเชื้อเพลิงอะไรก็แล้วแต่ ได้ถึง 30%

โดยแสดงเอกสารกำกับไว้ในกล่อง เป็นใบรับรองจากมหาวิทยาลัยราชมงคล
มีผู้ทดสอบและรับรองผล ที่ระบุกว้างกว้าง ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นการประหยัดอะไร
จากอะไร ดูแล้วเลื่อนลอยพิกลอยู่ ว่าอาจารย์ท่านจะบอกอะไรกับผู้อ่านหนังสือนั่น

แต่ก็มีการอ้างชื่อ และคำสัมภาษณ์ของผู้ใช้ ระดับประชาชนธรรมดา
ไปถึงเจ้าของกิจการ ครู อาจารย์ ระดับด็อกเตอร์ และพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ ว่าประหยัดจริง

ชาวหว้ากอวิเคราะห์กันแล้ว ลงความเห็นเกือบจะเป็น 100% ว่า น่าจะเป็นเพียงวงจรหลอดไฟเท่านั้น

ต่อมาเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือตัวแทน ก็ออกมาท้าพิสูจน์กันในกระทู้ของหว้ากอ
บอกว่าจะให้ฟรีๆ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามแกะดูวงจรภายใน เพราะเป็นความลับทางการค้า

แต่ผู้รู้ในหว้ากอกล่าวกันว่า เจ้าเครื่องตัวนี้ไม่สามารถสร้างสนามแม่เหล็กได้จริง

มีบางท่านบอกว่า หากนักวิทยาศาสตร์ไทยคิดได้จริงๆคงไม่พ้นโนเบล

มีบางท่าน นำเอาภาพของอุปกรณ์ชนิดเดียวกัน ที่อ้างว่า
สามารถประหยัดน้ำมันได้ แต่พลิกแพลงให้ชาร์ทแบตฯมือถือได้มาเทียบ

สรุปว่า ในตลาดออนไลน์ยังมีอุปกรณ์ชนิดนี้อีกหลายตัวด้วยกัน
และบริษัททุกแห่งอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง

คุณปลากวน ซึ่งพักอยู่ที่เชียงใหม่ หลังไปจบการศึกษาที่นั่นมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
จึงอาสาแกะพิสูจน์ ความจริง ทั้งนี้เพื่อรักษาเกียรติของสถาบัน ฯ อีกทางหนึ่งด้วย

คุณน้องวินซ์ ผู้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ใช้ชื่อตนเองเปิดบัญชีเพื่อซื้ออุปกรณ์ NP Faster นี้มาพิสูจน์กับชาวหว้ากอ
ก็มีการร่วมส่งเงินไปสมทบ เพื่อซื้ออุปกรณ์ตัวนี้มา แล้วแกะออกพิสูจน์ภายใน

คุณปลากวนก็แกะเครื่องออก แล้วเอารูปมาแปะให้ดูกันทั่วบอร์ด
พบว่าเป็นเพียงวงจรหลอดไฟ LED เท่านั้นเอง
ราคาทุนน่าจะไม่กี่สิบบาท เท่านั้น

แต่ผู้เดือดร้อนคือผู้ผลิต NP Faster ได้ทำการฟ้องร้องเอาเรื่อง
ผู้ที่เอาวงจรมาเปิดเผย แต่ตามหาตัวคุณปลากวนไม่ได้
ก็เลยหันมาเล่นงานน้องวินซ์ เพราะเปิดเผยชื่อและที่อยู่เอาไว้ชัดเจน
ในตอนรวบรวมเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ตัวแรก

โดยอ้างว่าเป็นการทำให้เกิดความเสียหาย อาจจะมีผู้ผลิตสินค้าเลียนแบบ
และบอกเพิ่มเติมอีกว่า คุณปลากวนทำอุปกรณ์สำคัญที่หล่อเรซิ่นไว้แตกเสียหายไป
เหลือเพียงวงจรอิเล็กทรอนิกส์เท่าที่เห็นกันเท่านั้น ไม่ใช่วงจรครบ เอ๊ะ แล้วจะฟ้องอย่างไรละหว่า

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตยังอ้างอีกว่า ยังไม่มีการพิสูจน์ความประหยัดจริงๆของอุปกรณ์นี้โดยการขับขี่จริงๆเลย

ก็เลยส่งคนไปแจ้งความเพื่อฟ้องร้องน้องวินซ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทในตัวสินค้า
และทำให้เสียทรัพย์ สภ.เชียงใหม่ โดยผู้รับเรื่องไว้เป็นนายดาบตำรวจ
ที่ติดต่อมายังฝ่ายรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย
เพื่อแจ้งหรือเพื่อทำอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็เกิดความสับสนขึ้นจนกลายเป็นว่า
เจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งความนักศึกษาทำผิดข้อหาหมิ่นประมาทเอาไว้

เป็นที่มาของกระทู้นี้ครับ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8256434/X8256434.html


วันหนึ่ง ขณะที่ผมอยู่ใน MSN ก็มีผู้รู้จัก ซึ่งอยู่ในพันทิปดอทคอม แนะนำให้ผมเข้าไปดูกระทู้ดังกล่าว
และบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ผมแสดงความคิดเห็นด้วย เพราะเจ้าของกระทู้กำลังต้องการกำลังใจมาก

ผมก็เข้าไปดู แล้วก็บอกไปในกระทู้นั้นว่า อาจจะขึ้นไปเชียงใหม่ เพื่อขอข้อมูลละเอียดมาทำเรื่องราวของผมต่อไป

จากนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนสมาชิกพันทิปอาวุโสท่านหนึ่งเห็นความคิดเห็นของผมเข้า
และความที่ท่านรู้จักสนิทสนมกับผมเป็นอย่างดี ก็เลยเปิดเผยชื่อผมออกไปในกระทู้นั้น
เรื่องก็เอะอะอึกทึกขึ้นมาอีกระดับหนึ่งทันที

ผมก็หัวเราะชอบใจ กลายเป็นคนสร้างกระแสเข้าให้เองเสียแล้ว
ทั้งที่ตอนแรก อาจจะนึกว่า เกาะกระแสไปสักหน่อยดีไหมล่ะนี่ ฮ่า ฮ่า

แล้วผมก็ตัดสินใจเดินทางไปพบกับคุณ NonGWinZ และคุณปลากวน ที่เชียงใหม่
เพื่อให้แน่ใจว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และพอจะหาอุปกรณ์มหัศจรรย์นั่นมาเล่นสักหน่อยบ้าง

ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคุณ NonGWinZ และคุณปลากวน
มาพบถึงโรงแรมที่พัก กินข้าวอยู่ด้วยกัน และรับปากรับคำจะหาอุปกรณ์ให้ผมเอาไปทดสอบ

พอกลับกรุงเทพฯ ผมก็สั่งซื้อ Data Logger จากสหรัฐอเมริกามาทันที
เพื่อเอามาใช้ทดสอบเครื่อง NP Faster ตัวนี้กันให้รู้แล้วรู้รอดไป

เพราะที่ผมแปลกใจก็คือ ผู้ผลิตกล่าวยืนยันว่า จะต้องทดสอบแบบใช้งานจริงเท่านั้น
จึงจะเห็นผล และเป็นผลที่เขายอมรับ เพราะเขาทดสอบอย่างนี้ ไม่เคยทดสอบอย่างอื่น

แล้วทำไม เวลาเขาเขียนคำโฆษณา ถึงได้โฆษณาระห่ำอย่างนั้นล่ะครับ
โฆษณาไปได้อย่างไร ว่าเครื่องนี้จะทำให้เกิดกระแสแม่เหล็กไปตัดกับกระแสแม่เหล็กโลก
ทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้นเพราะแรงดึงดูดจากโลกมีน้อยลง
แถมยังสร้างกรวยอากาศขึ้นหน้ารถ กลายเป็นทรงอากาศพลศาสตร์
แต่เอาเข้าจริง มีคนเสนอตัวทดสอบด้วยการวัดค่ากระแสแม่เหล็กไฟฟ้าหลายท่าน

บริษัทไม่ปฏิเสธ แต่บอกว่า ไม่รับรองผล ไม่สนใจผล เพราะจะยอมรับเฉพาะผลทดสอบจากการขับจริงเท่านั้น

ยังไงกันวะนี่


เรื่องก็ต้องทดสอบกันสักหน่อยละกระมังครับ
ผมก็สั่งอุปกรณ์มาสำหรับการนี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว
เพื่อทดสอบอัตราประหยัดเชื้อเพลิงให้แน่ชัดกันไป

และในตอนแรก ที่เพิ่งได้รับตัว NP Faster มาตัวหนึ่งเมื่อวานนี้
วันนี้ ผมก็เอาไปทดสอบหาอัตราเร่ง เพราะเอกสารคู่มาในกล่องบอกเอาไว้
ว่า เพิ่มอัตราเร่งรถยนต์ กำลังไม่ตก

ก็ต้องให้อัตราเร่งที่ดีกว่าปกติน่ะซีเล่า จริงไหม ถ้าใช้ได้จริงละก็นะ

ผมก็จัดอุปกรณ์เท่าที่มีและจะใช้ขึ้นรถฟอร์ด เอสเคป สีแดง เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรของผม
มีตัว NP F อุปกรณ์ทดสอบ G-Tech Pro กล้องถ่ายรูป
และโทรศัพท์มือถือ ที่ปกติจะไม่เปิดใช้ แต่คราวนี้ไปคนเดียว
ก็เลยต้องเอาติดไปด้วย และเปิดเครื่องเอาไว้ครับ แต่เปิด GPS เอาไว้ด้วยเช่นกัน

แล้วผมก็ออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปถนนสาย 9 ผ่านด่านทับช้าง แยกซ้ายออกลงสู่ทางหลวงสาย 7
ตรงไปผ่านสุวรรณภูมิ เลยอ่อนนุช ผ่านด่านแรกไป แล้วไปจนถึงทางแยกบางวัว ก็เข้าซ้าย

ตรงนี้แหละครับ ที่เหมาะสุดสุดสำหรับหาอัตราเร่ง เพราะถนนกว้าง เรียบ และยาวประมาณสามกิโลเมตร
เป็นทางตรงสองเลน ไหล่ถนนกว้าง การจราจรไม่คับคั่ง บ่อยครั้งเรานั่งรอสักพัก ก็จะว่างโล่งไปทั้งถนน

ดีที่สุดก็คือมีทางให้วนกลับรถไปและมาด้วย ไม่ต้องวนขึ้นทางด่วนหรือไปไกลกว่าที่คิด

และแม้ปัจจุบัน รถใหญ่จะวิ่งมากขึ้น แต่ในวันธรรมดาอย่างนี้ การจราจรก็ค่อนข้างโปร่งครับ

ผมเข้าที่จอดชิดขอบทาง ปรับตัว G-Tech ให้พร้อม อันที่จริงก็ปรับมาจากบ้านแล้ว
โดยปรับรอบเครื่องให้รับกับเครื่องของรถเรียบร้อย และปรับระดับของเครื่องใหม่ดีแล้ว
ปรับน้ำหนักรถก็ทำแล้วเช่นกันครับ

ตอนนี้ ก็เพียงแต่ติดตั้งเครื่องเข้ากับกระจกหน้า เสียบปลั๊กเข้ากับปลั๊กไฟฟ้า 12 V ที่มีอยู่
เพราะต้องการใช้ NP F อย่างถูกต้องที่สุด ตามแบบที่เขากำหนด คือเสียบกับที่จุดบุหรี่เท่านั้น

จากนั้น ก็ปรับ G-Tech ไปที่โหมด Drag แล้วนั่งมองกระจกส่องหลัง กับด้านหน้า
รอจนรถว่าง ข้างหลังเริ่มมาไกลไกล ก็กดปุ่ม OK ของเครื่อง สองครั้ง รอ…

ไม่ถึงอึดใจ ไฟสีแดงก็ติดสว่างวูบขึ้นที่หน้าเครื่อง G-Tech ทีละดวง
พริบตาก็ติดสี่ดวง ผมกดคันเร่งลงไปสุดจนแนบพื้น ไม่ยกขึ้นอีกเลยตลอดทางของการทดสอบ

ฟอร์ด สีแดงทะยานออกจากที่จอดด้วยแรงบิดมหาศาล
รอบเครื่องขึ้นไปถึง 6000 รอบอันเป็น Ship Point ที่ผมกำหนดไว้
ไฟแดงวูบขึ้นสองดวง พร้อมกับเกียร์ที่เปลี่ยนจากหนึ่งไปเป็นสอง

รถไม่ได้ชะงัก ไม่ได้รอรอบอันใดเลย ทั้งที่ตอนนั้น ใช้แก๊ส LPG อยู่นะครับ

ผมยังอยู่ที่ความเร็วเกือบ 140 ในขณะที่รถข้างหน้าชิดซ้ายอยู่ แต่ผมอยู่เลนนอกอยู่แล้ว
ก็วางเท้าไว้ที่เดิม อันหมายถึงกดคันเร่งแนบพื้น ไม่ยกขึ้นแม้แต่มิลลิเมตรเดียว

ฟอร์ด ผ่านรถใหญ่ที่อยู่ด้านซ้าย ยังคงทวีความเร็วขึ้นจนแตะ 160
ผมละเท้าจากคันเร่ง มากดเบรกเต็มตัว เพราะต้องการวัดแรงเบรกเผื่อเอาไว้
คือจริงจริงอุปกรณ์ NP F ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแรงเบรก ผมเพียงอยากรู้เท่านั้นเองครับ

ความเร็วลดลงทันที ผมเบนเข้าซ้าย ออกไปบนไหล่ทางเพื่อจอดให้สนิท
และเมื่อรถหยุดสนิท ในขณะที่ทุกอย่างบนเบาะข้างคนขับไหลตกลงไปบนที่วางเท้าเรียบร้อย
ผมก็ควานหาแว่นตา ที่ตกหายไปด้วย เมื่อไม่พบก็ต้องเอาอีกอันออกจากซอง
ใส่เข้า แล้วกดปุ่มตรวจสอบผลการวัด ที่บันทึกเอาไว้ เป็นที่น่าพอใจ
ก็ถือว่า ใช้ได้แล้วละครับ เดี๋ยวข้ามสะพานข้างหน้าไปแล้ว ไปกลับลำรถก่อน ค่อยลองกันอีกที


ผมกลับรถจากการมุ่งหน้าเข้าถนนสายบางนาตราด ไปเป็นมุ่งหน้าออกไปสู่มอเตอร์เวย์
คราวนี้ ต้องวิ่งไปให้เลยสะพานก่อนครับ แล้วค่อยชิดซ้าย จอด
รอจังหวะรถว่าง ทั้งข้างหน้า และข้างหลัง จนข้างหลังมาใกล้หน่อย
ก่อนจะกดปุ่ม OK บนเครื่อง รอสัญญาณไฟให้ออกตัว
แล้วเร่งแบบไม่คิดชีวิตเหมือนเดิม

ความเร็วขึ้นไปแตะใกล้ใกล้ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ก็เข้าถึงทางแยกซ้ายไปกรุงเทพฯ ที่ผมต้องเข้า แล้วไปกลับรถใต้สะพานพอดี


รอบหนึ่ง สองเที่ยวแล้วนะ คราวนี้ ต้องลองใช้ NP F กันบ้างละครับ
ถ้าเครื่องทำงานได้ดีจริง ได้ผลจริง รถจะต้องเบาขึ้น และให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น
ผมจอดรถสนิท แล้วหยิบ NP F ออกมาจากกล่อง ลืมเป่าพรวดลงไปอย่างที่เสี่ยศักดิ์ดาแนะนำ

แต่ก็เสียบเข้าไปกับที่จุดบุหรี่ อ๋อ มีไฟ LED ติดขึ้นดวงหนึ่งด้วยแฮะ
แสดงว่า ทำงานใช่ไหม อย่างนี้แหละดีแล้ว เดี๋ยวจะมาหาว่า ไม่ทำงานอีก

รอจังหวะอยู่คราวนี้เกือบสองนาที แต่ผมก็ยังคงปล่อยให้เกียร์อยู่ในจังหวะ D นะครับ
เพราะเป็นความเคยชินของผมมานานแล้ว สำหรับการใช้รถเกียร์อัตโนมัติ

คราวนี้ พอสัญญาณไฟแดงขึ้นที่หน้า G-Tech เพียงแค่สามดวง เท้าผมก็ละจากเบรก
ไปกดลงบนคันเร่งเต็มเต็มอย่างเคย จะสังเกตเห็นจากเวลา Reaction Time ได้ว่า สั้นกว่าครั้งแรก

และความเร็วที่ได้ในตอนแรกก็เกือบจะดีกว่าอยู่นิดหน่อย ไม่มากพอสำหรับการสังเกตหรือจับอาการ
นอกจากการดูผลจากกราฟและอ่านค่าตามเวลาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกถึงอุปาทานชัดเจน

อุปาทานนั้น แสดงให้รู้สึกเหมือนว่า เครื่องยนต์เดินนิ่มขึ้น รถเบาขึ้น เร่งขึ้นดีกว่าแรก
บอกตามตรงว่า ตอนแรกรู้สึกอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ละไม่ได้เว้นการกดคันเร่ง
คุณจะเห็นจากแนวเส้นกราฟที่ไต่ขึ้นระดับสูง ไล่เลี่ยกับกราฟเส้นแรกสีดำเลยครับ

แต่พอดูเวลาเข้าจริงจริง ในกราฟ จะเห็นเลยว่า เวลาทั้ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หรือ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้น ของครั้งแรกที่ไม่มี NP F เป็นเวลาดีที่สุด

ต่อไปก็เวลาช่วง ¼ ไมล์ หรือ 400 เมตร ที่จะเห็นชัดอีกเช่นกัน ว่าอัตราเร่งตอนใส่ NP F ไปนั้น
ไม่ได้ดีขึ้นเลย กลับแย่กว่าเดิมเสียอีก และที่ว่าแย่กว่าเดิมนั้น ก็เป็นธรรมดาของรถละครับ

ด้วยว่า เครื่องยนต์ที่ทำงานหนัก ก็จะลดประสิทธิภาพลงตามลำดับ
การอัดแบบกดคันเร่งติดพื้นนี่ ก็เช่นกัน เป็นการทำงานหนักของเครื่องยนต์
เป็นผลให้อัตราเร่งช่วงต่อมาตกต่ำลงได้

อันนี้ ก็หมายความชัดชัดว่า เครื่องมือ NP F ไม่ได้ช่วยอะไรกับเครื่องยนต์เลย
ยิ่งไม่ได้ทำอะไรให้กับตัวรถอย่างที่ได้รับการอ้างอิง ว่าจะทำให้น้ำหนักเบาขึ้น
มีอัตราเร่งดีขึ้น รถเบาขึ้นทั้งคัน เครื่องยนต์ทำงานดีขึ้น นิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย


แต่เชื่อไหมครับ ว่าผมเริ่มใจเสีย เพราะรู้สึกเอาเองว่า ตอนนั้น รถมีความเบาขึ้น
และมีอัตราเร่งที่ดีขึ้นอย่างรู้สึกได้ชัดชัด อันนี้ เป็นอุปาทานจริงแท้แน่นอนเลยละครับ

จนลองรอบที่สอง ผมก็ยังไม่ถอด NP F เพราะรู้สึกว่า เร่งดีเหลือเกิน คือตอนนั้นยังไม่เห็นกราฟ
ก็อยากลองอีกครั้ง เป็นครั้งที่ห้าและหกของวันนี้ คือทั้งเที่ยวไป และเที่ยวกลับ

จะสังเกตเห็นจากกราฟได้เลยครับ ว่าผมไม่ได้ละเว้น ไม่ได้มีอคติอะไร
แม้จะรู้สึกว่า ตัวเองคงแพ้แน่นอน เพราะรถวิ่งดีกว่าเก่า เพิ่งมาทราบว่าเป็นอุปาทาน
ก็ต่อเมื่อเอากราฟลงเครื่อง Note Book แล้วเท่านั้น

เพราะกราฟจะฟ้องชัดเจนว่า ผมไม่ได้ยกคันเร่งตรงจุดใดของการเร่งเครื่องยนต์เลย
แม้แต่ครั้งเดียว คงทำการทดสอบไปจนเสร็จ ทุกรอบ เสมอต้น เสมอปลาย

จนเสร็จการทดสอบวิ่ง 4 ครั้ง สำหรับการหาอัตราเร่งของรถยนต์ เมื่อใช้ NP F
ผมก็เห็นว่า ต้องลองวิ่งอีกสองครั้ง สำหรับการหาอัตราเร่ง โดยไม่ใช้ NP F

เพราะได้ทำไปแล้วสองครั้ง คือเที่ยวไป และเที่ยวกลับ ในตอนแรกที่เข้าสนามครับ

ท่านดูได้จากกราฟนะครับ ว่าเส้นของกราฟรวมกันเกือบเป็นเส้นเดียว
ทั้งสี่ดำ สีชมพู สีเขียว และสีฟ้า อันเป็นกราฟแสดงการวิ่งแต่ละครั้ง
กราฟทั้งหมด จะขึ้นในลักษณะเดียวกัน ไม่มีกราฟใดแสดงถึงการยกคันเร่งของผมเลย
เห็นไหมครับ ว่า เราทำของเราอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอคติใดใดกับอะไรทั้งสิ้น

จุดน่าแปลกใจ อยู่ที่กราฟหมายเลข 5 ตรงนี้แหละครับ ผมอยากให้ท่านลองมองดูใด้ดีดี
การขับครั้งแรก Main Run นั้น แรงม้ามาเพิ่มขึ้นหลังตกต่ำลงไป คือมามีเพิ่มตอนห้าพันห้าถึงห้าพันเจ็ด
อันเป็นรอบที่สูงทีเดียวนะครับ สำหรับแรงม้าที่ขยับขึ้นไป อันนี้ น่าจะเกิดเพราะเชื้อเพลิง LPG

ในขณะที่ การวิ่ง Comp 1 และ Comp 2 นั้น แรงม้าพุ่งขึ้นสูงลิ่ว นำหน้า Main Run และ Comp 3
และตกลงในระยะคล้ายคล้ายกัน อันเป็นช่วงที่ Main Run เริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ Comp 3 นั้นตกลงไปเลย

อะไรเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของรถผมครับ
ตอนนั้น สิ่งแปลกปลอมอย่างเดียวที่มี ก็คือ NP F

ก็ต้องมาดูการวิ่งอีกสี่ครั้ง เพื่อประกอบการพิจารณากันละครับ


อ้าว ครั้งหลังสี่ครั้งนี่ ไอเดนติเคิลเลยนะครับ เหมือนกันเกือบทุกอย่าง
ทุกเส้นกราฟเสียด้วย

ในขณะที่สิ่งที่ผิดแผกแตกต่างกันระหว่างการวิ่ง 4 ครั้งแรก
กับ 4 ครั้งหลัง ก็คือแค่วิ่งสวนทิศกัน ครั้งแรกวิ่งมุ่งหน้าลงทิศใต้
ครั้งหลังทั้งหมด วิ่งมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือ


ผมลืมครับ ลืมเอาที่วัดลมไปด้วย และเท่าที่ปรากฏนั้น ก็เป็นช่วงแค่ 5 วินาทีแรก
สำหรับการตกและการเพิ่มของกำลัง ที่เป็นไปได้ สำหรับแรงลมปะทะ
อัดเข้าท่อไอดี เพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ไปสองครั้ง โดยบังเอิญ

ยิ่งแถวนั้น ลมแรงเอาเรื่องเหมือนกัน น่าเขกกะโหลกตัวเองเหลือเกินครับ
ที่ลืมวัดลม และลืมเอาที่วัดลมติดตัวไปด้วย

คือลืมไปสนิท ว่าเราควรวัดทุกอย่าง แม้จะต้องการรู้เพียงแค่อย่างเดียว

เอาใหม่ก็ได้ครับ

แต่ผมพอก่อนละ สำหรับรถผม เพราะผมพอใจแล้ว

เพียงแต่ว่า ท่านใดต้องการวัดอัตราเร่งของรถท่าน ทั้งใช้และไม่ได้ใช้ NP F ก็เชิญนะครับ
ติดต่อผมไปได้เลย แต่จำไว้ว่า เมื่อมีการฟ้องร้องกันแล้ว ท่านจะต้องยินดีมาร่วมเป็นพยานไม่ว่าโจทย์ หรือจำเลยนะครับ

รับได้สักห้าท่าน ห้าคันละกระมังครับ

เชิญนะครับ ช่วงแรกนี่ เมื่อยังไม่ได้ Data Logger มา
ก็มาเล่นอัตราเร่งกันก่อน แล้วพอได้อุปกรณ์มาแล้ว
ผมทดสอบแล้ว เราค่อยคิดกันอีกที ว่าท่านจะว่าง และยินดีเสียน้ำมันกับเวลามาร่วมกันอีกไหมนะครับ
—————————————————————–



แถมกราฟอีกตัวหนึ่งครับ เพื่อให้ท่านที่อ่านเป็น ลองอ่านและวิเคราะห์กันเล่น

ขอบคุณครับ : ธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รายงาน และทดสอบ


————————–

ขออภัย ลืมไปนิดหนึ่ง สำหรับเอกสารที่เขาแทรกไว้ในกล่อง
ผมอ่านแล้ว ก็เบาใจ เพราะอาจารย์ท่านไม่ได้รับรองอะไรเลย

ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่า ทดสอบอะไร ลองอ่านกันดูดีดีครับ ฮ่า ฮ่า

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts