ก้าวสู่ 50 ปี โตโยต้า ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส และคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมแถลงข่าว “ก้าวสู่ 50 ปี โตโยต้า” เดินหน้าสร้างรอยยิ้มและส่งความสุขสู่สังคมไทย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ศกนี้ ณ ห้องรอยัล มณียา บอลรูม โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มก่อตั้งในประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2505 โดยยึดหลักปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของ มร.ซากิชิ โตโยดะ ผู้ก่อตั้งโตโยต้า “ร่วมมือกันทำงานให้บรรลุความสำเร็จ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศให้เจริญเติบโตเคียงคู่ไปด้วยกัน” ทำให้ธุรกิจรถยนต์ของ โตโยต้า ทั่วโลกเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนดังเช่นปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลา 49 ปีที่ผ่านมา โตโยต้ามีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 5 ยุคด้วยกันคือ
ยุคที่ 1 ก่อร่างสร้างฐาน : ก้าวแรกแห่งการร่วมเดินเคียงข้างคนไทย
(ระหว่าง พ.ศ. 2505 – 2515)
ยุคที่ 2 ยุคแห่งการพัฒนา : มุ่งมั่นบนเส้นทางแห่งการพัฒนาและเสริมสร้างความเชื่อมั่น (ระหว่าง พ.ศ. 2516 – 2525)
ยุคที่ 3 ยุคหน้าโตโยต้า : มุ่งหน้าสร้างความมั่นคง ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทย
(ระหว่าง พ.ศ. 2526 – 2535)
ยุคที่ 4 ยุคประชายานยนต์ : สร้างสรรค์ยนตรกรรม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ
(ระหว่าง พ.ศ. 2536 – 2545)
ยุคที่ 5 ยุคเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม : ยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม บูรณาการความรับผิดชอบเพื่อสังคมไทย (ระหว่าง พ.ศ. 2546 – ปัจจุบัน)
และในการดำเนินงานในแต่ละยุค ขับเคลื่อนภายใต้ 3 เสาหลัก คือ
1) ด้านผลิตภัณฑ์ นับจากการเริ่มดำเนินธุรกิจของโตโยต้าในประเทศไทย ด้วยการนำรถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์ ได้แก่ โตโย-เอช สเตาท์ เอ็มเอส 40 และแลนด์ครุยเซอร์ เข้ามาจำหน่ายครั้งแรก และได้มีการพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์โดยใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์สำเร็จรูป CKD (Complete Knocked-Down) ซึ่งรถยนต์ที่ประกอบขึ้นคันแรก คือ ไดน่า เจเค 170 เทียร่า พับลิก้า (ยูพี 10) สเตาท์ และโคโรน่า อาร์ที 40 และได้มีการขยายการผลิตมายังรุ่น โคโรลล่า เคอี 20 ซึ่งอยู่ในตระกูลโคโรลล่า รุ่นแรกที่ทำการผลิตในประเทศไทย
นอกจากนั้น ยังเป็นผู้นำทางด้านยานยนต์ในการปฏิวัติเทคโนโลยี เพื่อสร้างปรากฎการณ์ใหม่สำหรับตลาดเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำเครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว ครั้งแรกในรถยนต์โคโรลล่า เออี 92 ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และต่อมากับเครื่องยนต์ระบบวาล์วอัจริยะ VVT-i ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2544 ในรถยนต์โคโรลล่า แซดแซดอี 122 และ 121 และพัฒนาไปยังรุ่นโซลูน่า วีออส และคัมรี่ และยังได้เปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซล D-4D คอมมอนเรล ในรถไฮลักซ์ เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการในตลาดเมืองไทยและแถบเอเชีย จนมาถึงในปัจจุบัน โตโยต้ายังคงเป็นผู้ริเริ่มนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ ระบบไฮบริด มาไว้ในรถยนต์คัมรี่ ไฮบริด ที่ประกอบขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียนอกประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบมาตรฐานความปลอดภัยในรถยนต์ ทั้งระบบความปลอดภัยแบบปกป้องและป้องกัน อาทิเช่น โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่ให้ความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่ เป็นต้น
โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าด้วยการดูแลและเอาใจใส่การบริการหลังการขาย ซึ่งทำให้ โตโยต้าได้รับรางวัล JD Power ความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าด้านบริการ ติดต่อกันมาถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ พ.ศ. 2551-2554 ทั้งหมดเป็นการตอบรับด้วยดีจากลูกค้า ส่งผลให้มีผู้ใช้รถโตโยต้ามากที่สุดในประเทศไทย
2. ด้านธุรกิจ โตโยต้าได้เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการก่อตั้งบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในปี พ.ศ.2505 มีทุนจดทะเบียน 11.8 ล้านบาท และมีผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ทั้งหมด 13 แห่ง ด้วยการดำเนินธุรกิจนำเข้ารถยนต์มาจำหน่ายในประเทศ และในปี พ.ศ.2507 ได้มีการก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่ 1 ณ ตำบลสำโรงเหนือ เพื่อผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ จวบจนกระทั่งในปัจจุบัน โตโยต้ามีโรงงานประกอบรถยนต์ทั้งสิ้น 3 แห่ง มีกำลังการผลิตมากถึง 650,000 คันต่อปี และยังส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ ก่อให้เกิดการขยายการลงทุนของผู้ผลิตชิ้นส่วนกว่า 245 ราย รวมทั้งได้มีการจัดตั้งชมรมความร่วมมือโตโยต้า (Toyota Co-operation Club) ของผู้ผลิตชิ้นส่วน เป็นช่องทางในการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและร่วมกันพัฒนาคุณภาพในการผลิตชิ้นส่วนได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด
นอกจากนั้น ยังได้มีการร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด เพื่อผลิตเครื่องยนต์สำหรับใช้ประกอบรถยนต์ในประเทศและส่งออก มีการจัดตั้ง บริษัท โตโยต้า ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อบริการและอำนวยความสะดวกในการเช่า-ซื้อรถของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 8 สาขาและอีก 3 สาขาย่อย
รวมทั้ง ขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายรถใหม่และบริการลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านทางผู้แทนจำหน่ายโตโยต้ากว่า 123 แห่ง 331 โชว์รูม และได้มีการจัดตั้งโตโยต้า ชัวร์ (Toyota Sure) เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องของลูกค้าที่ต้องการบริการ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนครบวงจร และต้องการรถใช้แล้ว คุณภาพดี ในราคาที่ยุติธรรมและเชื่อถือได้ มีโชว์รูมทั้งสิ้น 67 แห่งทั่วประเทศ
ซึ่งการลงทุนของโตโยต้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการจ้างงานตลอดกระบวนการธุรกิจมากกว่า 225,000 คน ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนของรายได้ ซึ่งมีส่วนสร้างความเจริญเติบโตให้กับ เศรษฐกิจของประเทศไทย นอกจากนั้น บริษัท ได้ยกระดับให้เป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนสู่ตลาดโลกกว่า 114 ประเทศทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้โตโยต้าจะมีมูลค่าส่งออกรวม 144,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
3. ด้านสังคม จากปรัชญาการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าที่กล่าวข้างต้น เป็นสิ่งที่ยึดถือในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมนับตั้งแต่การเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันเราได้ดำเนินนโยบายภายใต้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของโตโยต้าตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ผ่านแนวทางปฏิบัติ 4 ลด คือ ลดการใช้ทรัพยากร และ 4 เพิ่ม คือ เพิ่มความสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งแนวทางปฏิบัติจะอยู่ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ตลอดขั้นตอนการผลิต จนถึงการส่งมอบ เพื่อช่วยลดปริมาณของเสีย การให้บริการและการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าและสังคมโดยรอบ นอกจากนั้น ได้ขยายเครือข่ายการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ก่อให้เกิดความยั่งยืนในชุมชนผ่านกิจกรรม 4 ด้านหลัก คือ
ด้านสิ่งแวดล้อม รณรงค์รักษ์สิ่งแวดล้อมจากภายในบริษัทสู่ชุมชน เพื่อก่อให้เกิดวัฎจักรธรรมชาติที่ยั่งยืน โดยเริ่มต้นที่โรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ ซึ่งเป็นโรงงานต้นแบบแห่งความยั่งยืน 1 ใน 5 ของโรงงานโตโยต้าทั่วโลก ที่ได้จัดทำโครงการปลูกป่านิเวศในโรงงาน (Eco Forest) ภายใต้หลักการของ ศ.ดร.อาคิระ มิยาวากิ และได้จัดทำแหล่งเรียนรู้เชิงนิเวศ (Biotope) เป็นการสร้างระบบนิเวศให้เกิดขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของพนักงาน ผู้แทนจำหน่ายฯ ผู้ผลิตชิ้นส่วน และชุมชน โดยโตโยต้าได้นำองค์ความรู้จากการดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมขยายไปยังชุมชน โดยปัจจุบันสามารถขยายเครือข่ายชุมชนที่รักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านโครงการ “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา” ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ 684 โครงการ สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 8,500 ตัน สร้างศูนย์การเรียนรู้ในภาคใต้ “ชุมทางลดโลกร้อน” อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และขยายไปยังเขตภาคเหนือ “อุโมงค์ลดโลกร้อน” จ.ลำพูน รวมถึงโครงการปลูกป่านิเวศและการปลูกป่าชายเลน ที่ได้ทำการปลูกแล้วกว่า 805,367 ต้น ทำให้สามารถสร้างเครือข่ายได้กว่า 800,000 คนทั่วประเทศ และจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและเครือข่าย สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 375,000 ตัน
ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อช่วยปลูกจิตสำนึกความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนผ่าน โครงการถนนสีขาว ซึ่งได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2531 มีเยาวชนเข้าร่วมโครงการกว่า 1 ล้าน 8 แสนคน ผ่านกิจกรรมหนูน้อยมิลค์กี้เวย์สัญจร เปิดศูนย์ให้ความรู้ด้านกฎและวินัยจราจรแก่เยาวชน เมืองจราจรจำลองแห่งที่ 1 สวนรถไฟ กรุงเทพฯ และ เมืองจราจรจำลองแห่งที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น
ด้านการศึกษาและถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ มุ่งเน้นในด้านการสร้างศักยภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับนักเรียน นักศึกษา ทั้งในระดับอาชีวศึกษา และ ระดับอุดมศึกษา ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้รับนั้นไปต่อยอดทางการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น และนำไปประกอบอาชีพที่สุจริตเลี้ยงครอบครัวและตนเองได้ ได้แก่ การมอบทุนแก่นิสิต-นักศึกษา ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก่อตั้งภาควิชาวิศวกรรมยานยนต์ โครงการ T-TEP หรือ Toyota Technical Education Program การเปิดโรงเรียนเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า (Toyota Automotive Technology School) เป็นต้น
ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชน โตโยต้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการจัดตั้งโรงสีข้าวรัชมงคล โดยได้พระราชทานทุนก่อตั้ง 600,000 บาท เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรในชุมชนให้อยู่ได้ด้วยตนเอง เพื่อร่วมส่งเสริมสังคมไทยให้เป็นสังคมที่พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนั้น ในโอกาสที่โตโยต้าครบรอบ 30 ปี ได้ก่อตั้ง มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ซึ่งมุ่งเน้นให้ความสำคัญ ด้านการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนที่ห่างไกล
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าในประเทศไทย ผมได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่เมืองไทย 2 ครั้ง และดีใจที่ได้กลับมาที่นี่อีก ได้เห็นการพัฒนาของโตโยต้าที่เติบโตขึ้นมาก และจากประสบการณ์ทำงานที่เมืองไทย ผมรู้สึกประทับใจในความมีน้ำใจและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย และขอชื่นชมคนไทยที่มีทักษะฝีมือในการผลิตที่ดีจนเป็นที่ยอมรับ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้โตโยต้าสามารถส่งออกรถยนต์เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ”
มร.ทานาดะ กล่าวต่อไปว่า “จากความสำเร็จตลอด 49 ปีที่ผ่านมา โตโยต้าขอขอบคุณ ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ผู้ผลิตชิ้นส่วน พนักงาน รวมถึงครอบครัวของพนักงานทุกคน อีกทั้งภาคีเครือข่ายการทำกิจกรรมเพื่อสังคม และที่สำคัญที่สุด คือ ลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีเสมอมา ทำให้โตโยต้าสามารถเดินร่วมทางกับสังคมไทยด้วยดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”
“50 ปี โตโยต้า ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป”
“Toyota 50th Anniversary…By your side…Always”
จากการดำเนินงาน 49 ปีที่ผ่านมา สามารถสะท้อนให้เห็นถึง ความผูกพันระหว่างโตโยต้ากับสังคมไทยที่ได้อยู่เคียงข้างด้วยความห่วงใยและใส่ใจกันมาโดยตลอด ส่งผลให้การก้าวสู่ปีที่ 50 ของโตโยต้า มีแนวคิดจากคำสองคำ คือ “เคียงข้าง” (Togetherness) และ “ห่วงใย” (Caring) และพัฒนาไปสู่สโลแกน “50 ปี โตโยต้า ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป” (Toyota 50th Anniversary…By your side…Always) โดยในปี พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นการครบรอบ 50 ปี โตโยต้าขอร่วมสร้างสรรค์ให้เป็น “ปีแห่งความสุข” (Year of Happiness) โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรอยยิ้มและส่งความสุขให้กับคนไทย ผ่านการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และการบริการ ด้านการดำเนินธุรกิจ และการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อเป็นการตอบแทนสังคมไทยที่ได้ร่วมทางตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และจะยังคงเคียงข้างกับโตโยต้า ตลอดไป ได้แก่
1) ด้านผลิตภัณฑ์ ด้วยการตอกย้ำความเป็นผู้นำของเทคโนโลยียานยนต์ และเพื่อสร้างปรากฎการณ์ใหม่สำหรับตลาดรถยนต์เมืองไทย รวมถึงความเป็นผู้นำในแถบอาเซียน ด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบ กับเทคโนโลยีอัจฉริยะ Toyota Smart G-Book (Smart Life, Smart G-Book) ซึ่งเป็นระบบ Telematic คือ การรวมระบบนำทาง ระบบแจ้งเตือนในการขับขี่ และระบบสื่อสารภายในรถเข้าไว้ด้วยกัน ผ่าน Smart Phone โดย Toyota Smart G-Book สามารถให้บริการกับผู้ใช้ได้ ดังนี้
– ข้อมูลในการขับขี่ จะมีบริการ ระบบนำทาง การปรับปรุงแผนที่ให้ทันสมัย มีศูนย์บริการข้อมูล แนะนำเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด ให้ข้อมูลการจราจรที่แม่นยำและรวดเร็ว ผ่านระบบการส่งข้อมูลแบบ real time ผ่านคลื่น FM (Real Time Traffic Information Communication : RTIC)
– ด้านความปลอดภัย จะมีบริการโทรฉุกเฉิน ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน
– ความสะดวกสบาย ช่วยวางแผนการเดินทาง แนะนำร้านอาหาร และบริการให้ความช่วยเหลือบนท้องถนน
– การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ การบริการแจ้งเตือนการเข้ารับบริการของผู้ใช้รถได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น
เทคโนโลยี Toyota Smart G-Book ทำให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเดินทาง ช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่าย รวมทั้ง ยังเพิ่มความสะดวกให้เหมาะสมกับรูปแบบในการใช้ชีวิต และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งระบบนี้จะเปิดตัวในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนบน Smart Phone ภายในปี พ.ศ. 2555 นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้มีการพัฒนาด้านการบริการใหม่ ๆ และกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี
2) ด้านธุรกิจ โตโยต้าเน้นให้การดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ ด้วยการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ เพื่อรองรับความต้องการและสร้างรอยยิ้มจากใจของลูกค้าครอบคลุมในทุกพื้นที่ และเป็นการช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปยังชุมชนต่าง ๆ อีกด้วย นอกจากนั้น โชว์รูมโตโยต้าที่มุ่งเน้นการทำ CSR ยังได้มีการพัฒนาไปสู่ โชว์รูมเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco Showroom) ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันอาคารเขียวไทย โดยจะต้องเป็นโชว์รูมที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ และการก่อสร้าง ภายใต้แนวคิด Economy และ Ecology คือ ต้องใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง นับเป็นบริษัทรถยนต์รายแรกที่ให้ความสำคัญในส่วนของโชว์รูมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการยกระดับมาตรฐานโชว์รูมรถยนต์ในประเทศไทยสู่ระดับสากล โดยจะมีโชว์รูมต้นแบบทั้งสิ้น 5 แห่ง จากการขยายโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายที่จะเกิดขึ้นในปี 2555
โดยโชว์รูมเพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ จะถูกก่อสร้างขึ้นและบริหารจัดการ โดยคำนึงถึง 4 ส่วนคือ
1. การบริหารจัดการการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการลดการใช้ การใช้ซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่
2. การลดการใช้พลังงาน โดยการนำทิศทางลม และสภาพแวดล้อม มาใช้ในการคำนวน อีกทั้งยังนำพลังงานทางเลือก และพลังงานทดแทนมาใช้ เช่น Solar Cell กังหันลม เป็นต้น
3. การบริหารทรัพยากร โดยการใช้วัสดุในท้องถิ่นที่มีกระบวนการผลิตที่ก่อให้เกิด carbon ต่ำ การใช้วัสดุ recycle และการจัดการปริมาณของเสีย
4. ด้านสภาพแวดล้อมภายในโชว์รูม โดยมีการควบคุมระบบการถ่ายเทอากาศ แสงไฟภายในโชว์รูม เป็นต้น
3) ด้านสังคม ยังคงส่งต่อความสุขผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม โดยสร้างจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบภายในองค์กร ขยายไปสู่ชุมชนรอบข้าง และออกไปยังทั่วประเทศ ผ่านเครือข่ายของโตโยต้า โดยมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยบนท้องถนนและด้านสิ่งแวดล้อม
ด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “โตโยต้า เครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” เพื่อให้เกิดวัฏจักรธรรมชาติที่ยั่งยืน โตโยต้าได้กำหนด 3 แนวทางหลัก คือ
– สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยผ่านโครงการลดเมืองร้อนด้วยมือเรา โดยมีเป้าหมายลดการเกิดคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (CO2) ผ่านความร่วมมือจากเครือข่ายโรงเรียนและชุมชนทั่วประเทศ
– สร้างศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อปลูกจิตสำนึกให้นักเรียนและเยาวชนใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยจะขยายศูนย์การเรียนรู้จากภาคเหนือและภาคใต้ไปยัง ชุมชนลดเมืองร้อนแห่งที่ 3 ภาคกลาง อ.แกลง จังหวัดระยอง และแห่งที่ 4 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะครอบคลุมทุกภูมิภาค
– สร้างผืนป่าและฟื้นฟูป่าธรรมชาติ ด้วย โครงการป่านิเวศ 1 ล้านต้น ผ่านความร่วมมือของผู้ผลิตชิ้นส่วน ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า และชุมชน ที่จะร่วมมือกันปลูกต้นไม้อีก 194,633 ต้น ให้ครบ 1,000,000 ต้น ภายในปี พ.ศ. 2555
ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ภายใต้โครงการ “โตโยต้า ถนนสีขาว” ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากที่ได้ดำเนินการมากว่า 23 ปี ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างโตโยต้า หน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อปลูกจิตสำนึกและส่งเสริมการเรียนรู้ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนด้วยวินัยและน้ำใจแก่เยาวชนไทย ผ่านกิจกรรม
– เมืองจราจรจำลองแห่งที่ 3 ที่ภาคใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านความปลอดภัยบนถนนแก่นักเรียนให้ครบจำนวน 2 ล้านคน ในปีพ.ศ.2555
– ผลิตนวัตกรรมสื่อการสอน ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนครั้งแรกในประเทศไทย ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ในโครงการ “ขับเคลื่อนค่านิยม ถนนปลอดภัย ถนนน้ำใจ : จากห้องเรียนสู่ชุมชน” โดยผ่านนวัตกรรมทางการศึกษาและสื่อการเรียนการสอนแนวใหม่ ได้แก่
> Augmented Reality (AR) ซึ่งเป็นสื่อต่อเติมโลกความจริงด้วยวัตถุเสมือน
> E-Book หรือ หนังสืออิเล็กทรอนิคส์
> Game-Based Learning หรือ การเรียนรู้ด้วยดิจิตอลเกมส์ในห้องเรียน
> Virtual Reality (VR) เป็นศูนย์การเรียนรู้เสมือนจริง โดยนำเอาเทคโนโลยีเกมส์ Simulation เข้ามาช่วยให้ผู้รับการอบรมเรียนรู้ผ่านเว็บไซด์ เสมือนอยู่ในสภาพแวดล้อม
> ชุดการผลิตสื่อด้านความปลอดภัยบนถนนผ่านสื่อวิดีทัศน์
> สารานุกรมออนไลน์
ซึ่งจะช่วยขยายการเรียนจากประสบการณ์ของนักเรียน สู่ผู้ปกครอง และไปสู่เครือข่ายชุมชน โดยไร้ขีดจำกัดในเรื่องของเวลาและระยะทางที่ห่างไกลของแต่ละชุมชน
– กิจกรรมสัญจร “เมืองจราจรปลอดภัย โตโยต้า ถนนสีขาว” ขยายเครือข่ายการรณรงค์สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยด้วยวินัยและน้ำใจบนท้องถนนสู่ชุมชน โดยมีเป้าหมายดำเนินกิจกรรมครอบคลุม 50 จังหวัดทั่วประเทศ ภายในปีพ.ศ.2555
ในโอกาสโตโยต้าครบรอบ 50 ปี โตโยต้ามีความตั้งใจที่จะบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ลูกค้า ชุมชน และผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า สร้าง “ถนนแห่งรอยยิ้ม” (Smiling Road) ภายใต้แนวคิด “ถนนต้นแบบที่มีความปลอดภัยผสานด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับชุมชน” หรือ Eco Safety Road โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างถนนต้นแบบที่มีความปลอดภัย ลดจุดเสี่ยงอันตรายที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับชุมชน ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เช่น การใช้ สี “Photo Catalytic” ซึ่งจะช่วยดูดอากาศเสียเปลี่ยนเป็นอากาศดี โดยการช่วยปล่อยก๊าซอ๊อกซิเจน ช่วยให้ชุมชนได้รับอากาศที่ดี นอกจากนั้น ยังได้สร้าง ป่าของชุมชน ผ่านความร่วมมือของคนในชุมชนโดยรอบถนนแห่งรอยยิ้ม เป็นถนนต้นแบบและชุมชนที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เป็นถนนต้นแบบ 5 ภูมิภาค 5 เส้นทาง ในปี พ.ศ.2555
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการดำเนินธุรกิจของโตโยต้า 49 ปีที่ผ่านมา ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ร่วมเดินทางและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โตโยต้าขอส่งมอบความสุขและรอยยิ้มสู่คนไทยทุกคน โดยถือโอกาสให้ ปี พ.ศ.2555 เป็นปีแห่งความสุข ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อปฏิวัติเทคโนโลยียานยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วย Toyota Smart G-Book การมอบการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างรอยยิ้มและความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า การขยายโชว์รูมเพื่อครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในทุกพื้นที่ และพัฒนาเป็นโชว์รูมเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับมาตรฐานโชว์รูมไปสู่สากล และกิจกรรมเพื่อสังคมใน 2 ด้านหลัก ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยบนท้องถนนเป็น “ถนนแห่งรอยยิ้ม” สู่สังคมไทยที่ยั่งยืน
************************************************************************************
สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net