นิสสัน มอเตอร์ ทำยอดขายได้สูงเป็นประวัติการณ์ 5.82 ล้านคัน ขณะที่ทเรโนลต์ จากฝรั่งเศส ขายได้ 3.76 ล้านคัน พ่วงด้วยยอดขายจาก มิตซูบิชิ 1.03 ล้านคัน รวมยอดขายของกลุ่มทั้งสิ้นราว 10.61 ล้านคัน
ขณะที่กลุ่มโฟล์คสวาเก้น ทำยอดขายได้รวม 10.2 ล้านคัน ถูกเบียดตกจากแท่นอันดับ 1 หลังจากครองแชมป์เมื่อปี 2559 ก่อนหน้านี้ โดยมีรถในเครือ เอาดี้, สโกด้า, เซียต และ ปอร์เช่
ส่วนค่ายโตโยต้า ที่ติดอันดับ 2 เมื่อปี 2559 ทำยอดขายได้เพียง 10.2 ล้านคัน แต่ยังไม่รวมตัวเลขค่ายรถบรรทุก ฮีโน่ มอเตอร์ ในเครือ
ในปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์ต่างๆ พากันเร่งส่งเสริมยอดขาย เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยน้อยที่สุด รวมทั้งลดค่าใช้จ่าย แต่ไปให้ความสนใจกับการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีของรถในรุ่นใหม่ๆ ทั้งยานยนต์ไร้คนขับ, รถยนต์ไฟฟ้า และการให้บริการด้วยยานยนต์ชนิดต่างๆ
ประเด็นนี้คือความต้ังใจของกลุ่มเรโนลต์-นิสสัน และเป็นเป้าหมายในการทำงาน นับแต่ได้ค่ายมิตซูบิชิ เข้ามาอยู่ในร่มธงในปี 2559 แล้ว
คาร์ลอส โกสน์ Carlos Ghosn ซีอีโอของกลุ่ม ก็มุ่งมํนในประเด็นการทำงานนี้ และตั้งเป้ามที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้ราว 12 พันล้านเหรียญ ภายในปี 2565 รวมทั้งเพิ่มยอดการขายทั่วโลกให้ได้ 14 ล้านคัน
ปัจจุบัน การแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนระหว่างยึ่ห้อ เริ่มมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้น รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ให้สามารถใช้ได้กับรถหลากรุ่น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าและพัฒนา เพื่อเพิ่มผลกำไรในอนาคต
.
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…
บริษัท มิตซูบิช…