โตโยต้า รายงานผลกำไรประจำไตรมาสสุดท้ายปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม ลดลงเหลือ 654.4 พันล้านเยน ราว 189,776 พันล้านบาท
แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสเป็น 738 พันล้านเยน ราว 214.02 พันล้านบาท ทำให้ยอดรวมผลกำไรไตรมาสเพิ่มเพียง 1.4% เพียง 584.6 พันล้านเยน ราว 168.664 พันล้านบาท ขณะที่ผลกำไรรวมลดลง 3.3% เหลือ 7.54 พันล้านล้านเยน 301.6 พันล้านล้านบาท
ในด้านยอดขาย รวมทั้งโลก ลดลง 0.8% เหลือ 2.69 ล้านคัน ห้วงระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ซึ่งรวมยบอดขายของ ไดฮัทสึ และ รถบรรทุก ฮีโน่ ด้วยแล้ว
กรรมการบริหาร มาซาโยชิ ชิระยานากิ Masayoshi Shirayanagi กล่าวในการแถลงขวว่า ผลการดำเนินงานที่ลดลงนี้ เป็นผลมาจากค่าเงินเยนที่แข็งตัว รวมทั้งความพยายามในการลดค่าใช้จ่าย แม้ว่า ยอดการขายจะลดลง แต่ก็ยังรักษาระดับรายได้เอาไว้ ด้วยการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
โตโยต้า พยายามรักษาการใช้จ่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม ขณะที่ลดรายจ่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับความนิยม รวมทั้งเพิ่มการใช้จ่ายสำหรับยอดการจำหน่ายรถที่มีผลกำไรสูง อาทิ รถบรรทุกขนาดเล็ก ที่ช่วยให้ผลการดำเนินงานไม่เลวร้ายนัก
สหรับตลาดอเมริกาเหนือ โตโยต้า และ เล็กซัส สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนตลาดยุโรป ยอดการายเพิ่มขึ้น 6% จำนวน 246,000 คัน รวมทั้งผลกำไรก็เพิ่มขึ้น 38% เป็น 38.4 พันล้านเยน ราว 11.136 พันล้านบาท
โตโยต้า ระบุว่า จะใช้ความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายต่อไป รวมทั้งการให้บริการด้านสินเชื่อ ที่เคยคาดหมายว่าผลกำไรจะลดลง 2.7% แต่สามารถดำเนินงานได้ผลกำไรเพิ่มขึ้น 1.3% เพื่อให้ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม มีผลกำไรตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น รวมทั้งพยายามรักษายอดการขาย ที่เพิ่มขึ้นในอเมริกาเหนือ เพื่อถ่วงดุลการขายในเอเชีย ที่อาจมีปัญหาได้ในไตรมาสสุดท้ายของรอบปีบัญชีนี้
โตโยต้า ประเมินยอดการขายรถยนต์ทั้งโลกไว้ที่ 8.95 ล้านคัน และเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ก็ประเมินใหม่อีกครั้งว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 9 ล้านคัน
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…