ปัจจุบัน เทคโนโลยีในยานยนต์ ได้รับการพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้มากขึ้น จนรถยนต์ทุกวันนี้เปรียบเสมือนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปแล้ว เพราะจำเป็นต้องมีการติดต่อสื่อสารกับ ระบบนำทางผ่านดาวเทียม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อการขับขี่โดยไร้คนขับ ก็ยิ่งต้องการการติดต่อกับรถยนต์ด้วยกันเอง สื่อสารกับสัญญาณไฟแดง สื่อสารกับสิ่งก่อสร้างต่างๆ โดยรอบ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องด้วยเลย
ยิ่งรถยนต์สามารถเชื่อมต่อกับสิ่งต่างๆ ได้แล้ว เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ แฮคเกอร์ ได้แสดงฝีมือในการแฮคข้อมูล จนถึงขั้นสามารถขโมยรถไปได้ โดยไม่ต้องอาศัยกุญแจแต่อย่างใด มีเพียงคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเครื่องเดียว ก็สามารถเปิดประตูรถ สตาร์ทรถ และขับเคลื่อนไปได้สบายๆ
โดยเจ้าหน้ที่ตำรวจในมลรัฐเม็กซัส สามารถสืบสวน จับแฮคเกอร์ได้ 2 คน เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากแฮคเกอร์คู่นี้ปฏิบัติการขโมยรถยนต์ จี๊ป และ ดอดจ์ ไปแล้ว 30 คัน ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา
มิเชล อาร์ซี และ เจสซี่ ซีเลย์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมใน ฮิวส์ตัน เมื่อวันศุกร์ก่อน ขณะกำลังพยายามขโมยรถยนต์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ทั้งคู่ใช้แล็ปท้อป พร้อมระบบซอฟท์แวร์ที่ผิดกฎหมาย เปิดเข้าไปในรถ และสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้โดยไม่มีกุญแจ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานมาเป็นเวลานาน ถึงการขโมยรถยนต์ลักษณะนี้ แต่ไม่สามารถสอบสวนหาคนร้ายได้ จนกระทั่งได้รับวิดีโอจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งอัดเอาไว้จากโรงรถภายในบ้าน ที่คนร้ายเข้าไปทำการขโมยรถ จึงสามารถสอบสวนจนจับกุมได้ดังกล่าว
วิดีโอซึ่งบันทึกไว้เมื่อเดือนเมษายน แสดงภาพคนร้ายทั้งคู่ ใช้แล็ปท้อป ขโมยจี๊ป แรงเลอร์ ไปจากโรงรถ ด้วยเวลาทำงานเพียง 6 นาที และสามารถนำรถออกไปได้
รายงานข่าวระบุว่า รถยนต์ที่ขโมยได้ จะถูกนำข้ามไปยังประเทศเม็กซิโก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่นก็กำลังสืบสวนรถยนต์ยี่ห้อ เฟียต ไครส์เลอร์อีกกว่า 100 คัน ที่เชื่อว่าถูกขโมยด้วยแฮคเกอร์ในลักษณะเดียวกัน และยังบอกด้วยว่า นักแฮคเกอร์ ไม่ได้มีเพียง 2 รายที่ถูกจับได้เท่านั้น แต่เชื่อว่ายังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่สามารถสืบจับได้
นายศุภกร รัตนวร…