เอาอะไรไว้ในรถ?
ตอนที่แล้ว เราคุยกันว่า คุณควรจะซื้อรถยนต์คันใหม่ หรือซ่อมคันเก่าเอาไว้ใช้ดี และจะซื้อรถยนต์ใช้แล้ว หรือรถยนต์ใหม่เอี่ยมกันแน่ ไปแล้ว
เอาละ ไม่ว่าคุณจะตกลงใจอย่างไร วันนี้ เราจะมาคุยกันว่า ในรถที่คุณอยากจะได้มาไว้ในครอบครองนั้น ควรจะมีอะไรบ้าง ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ ซึ่ง ต้องย้ำเตือนกันอีกว่า อย่าซื้อรถ เพราะอาจารย์ท่านนั้นบอกว่าดี ท่านนี้บอกว่าดี ให้ซื้อ เพราะรถยนต์คันนั้นนั้น มีสิ่งที่คุณต้องการครบถ้วน
หมายความสั้นสั้นง่ายง่ายว่า ไม่ต้องถามใคร ถามตัวเองดีที่สุด ว่าคุณต้องการอะไร
แล้วจะถามตัวเองว่าอย่างไร
อย่างนี้อย่างไรล่ะครับ
หากระดาษมาแผ่นหนึ่ง จะเอาแบบ Letter Size หรือ A4 ก็สุดแล้วแต่คุณเถิด หากคิดไม่ออก ก็คงไม่มีปัญญาจะซื้อรถกับเขาแล้วละนะ
เอากระดาษมาเขียนหัวข้อที่คุณควรจะได้จากรถยนต์กันก่อน หัวข้อก็คงจะมีรูปแบบอย่างนี้ครับ เช่น
หนึ่ง ความน่าเชื่อถือ อันนี้ หลายคนคิดถึง เพียงว่าไม่ค่อยมีใครมั่นใจว่าตัวเองคิดถึงกันสักเท่าไร ด้วยมัวแต่ไปนึกถึงความสวยงาม กับความมีหน้ามีตาในสังคมที่มองไม่เห็นชัดเจนเสียหมด
สอง ความปลอดภัย แต่ตอนนี้ ผมยืนยันได้ว่า คนไทยเราส่วนมาก ไม่ได้ซื้อรถยนต์เพราะความปลอดภัยที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ หากแต่พอซื้อมาแล้ว ถึงได้มาโวยวายภายหลังเรื่องระบบความปลอดภัยที่อาจจะมี หรือมี แต่ไม่ทำงาน ทั้งที่ตอนแรกที่ตกลงใจซื้อมา ไม่ได้ซื้อเพราะความปลอดภัยแม้แต่น้อยก็มากมายทีเดียว
สาม ขนาด ตรงนี้ ผมเห็นคนไทยสนใจกันมาก แต่ก็มักจะสนใจเกินเลยไป อย่างเช่นว่า จะต้องใช้รถแค่ไปทำงานไม่ไกลจากบ้านระดับข้ามเมือง และไปคนเดียว ก็กลับมองหารถที่พอจะขนพ่อแม่พี่น้องพี่สะใภ้หลานเมียหลานตัวลูกที่ยังไม่เกิด อีกเจ็ดแปดชีวิตกันเลย ตามด้วยการย้ายบ้านปีละสองหนเป็นประจำ ส่งผลให้กระบะขายดี
สี่ ราคา แน่นอนว่า สนใจเอามากมาก เสียแต่ไปสนใจกันแค่ว่า ซื้อรถฮอนต้า วีตี้ สักคัน จะได้อะไรแถมมาบ้างกันเกือบหมดทั้งเมือง
ห้า รูปทรงของรถ ตรงนี้ผมผิดนะครับ หากมองทางด้านบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เขามองกัน ด้วยว่าบริษัทผู้ผลิตจะต้องมองว่า คนซื้อรถเพราะรูปทรง หรือรูปร่างที่สวยงามเตะตาต้องใจกันเป็นอันดับแรก เดิมที ตอนที่ผมยังทำงานอยู่กับบริษัทรถยนต์นั่น เขาว่ากันว่า คนมองรูปร่างความสวยงามเป็นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ สูงถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ที่ตอนนี้ หากผมมาอยู่ทางฟากข้างผู้ซื้อเสียแล้ว ผมให้มองเป็นอันดับที่ห้า ใครจะทำไม
แล้วก็ยังมีอื่นอื่น ที่หากคุณนึกอะไรออก ว่าควรจะมองอะไรก่อนการตัดสินใจว่าจะซื้อรถยนต์คันใด ก็ใส่เข้าไป
ที่จำใจต้องให้ใส่อะไรต่ออะไรเข้าไปในแผ่นกระดาษที่หาได้มากมายเท่านี้ ก็ด้วยว่า ผมไม่ต้องการให้คุณไปซื้อรถยนต์รุ่นที่พนักงานเขาอยากขาย แต่คุณจะต้องช้ำใจภายหลังเท่านั้นแหละครับ
เอาละครับ ทีนี้ มาดูกันในด้านรายละเอียด ที่คงไม่ค่อยจะละเอียดนัก นอกเสียจากคุณจะไปหาอ่านเอาในหนังสือเรื่อง หักหลัง ช่างซ่อมรถยนต์ ที่ผมกำลังจะเขียน และกำลังจะพิมพ์ อันหมายความว่า ยังไม่มีวางจำหน่ายทั่วไปในตลาดหนังสือ แต่รออีกไม่นานหรอกครับ ก็จะหาได้ไม่ยาก
ถึงอย่างไร ก็ต้องละเอียดพอสำหรับให้คุณได้ใช้เป็นข้อคิด ในการพิจารณาหาซื้อรถยนต์กันก่อนละนะครับ
ข้อแรก ความเชื่อถือได้นี่ ก็หมายถึงความมั่นใจว่า หรือจริงจริงแล้วก็คือว่า รถยนต์คันที่คุณเลือกซื้อมา จะต้องใช้งานได้ดี โดยไม่จำเป็นจะต้องเอาไปซ่อมกันก่อนถึงเวลาอันควร
และผมก็เสียใจ ที่จะต้องบอกกันตรงตรงตรงนี้ว่า รถยนต์ส่วนมาก ที่คุณพอจะมั่นใจได้ว่าใช้งานได้ดี ไม่ต้องซ่อมแซมกันก่อนจะถึงเวลาอันควรนั้น ปัจจุบัน ก็คือรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นทั่วไป
อย่าครับ อย่าเพิ่งเถียงแบบใช้นิ้วแทนสมอง เหมือนคนเล่นอินเตอร์เน็ตส่วนหนึ่ง เพราะคุณจะต้องมองกว้างกว้าง มองลึกลึก มองให้เห็นเสียก่อน ว่าที่เขาพูดกันว่าอย่างนั้นอย่างนี้นั้น จริงแล้วมีความจริงแท้แค่ไหนทางด้านเทคโนโลยี
และยิ่งท่านที่เรียกร้องเหลือเกินว่า จะต้องมีรถยนต์ที่คนไทยผลิตและทำออกมาทั้งคันบ้างนั้น ก็คงจะต้องคำนึงถึงความกว้างไกลในความใกล้ชิดของธุรกิจโลกก่อน ว่าคุณคงไม่ทราบหรอกว่า เงินที่คุณจ่ายออกไปนั้น ตกลงจะไปอยู่ในกระเป๋าใคร คนญี่ปุ่น คนยุโรป คนอเมริกัน หรือคนไทยตาดำดำหน้าโกงโกงของเรากันเอง
ดูฟอร์ดก็ได้ครับ ปัจจุบัน ฟอร์ดที่ควรจะเป็นบริษัทอเมริกันแท้นั้น เข้าไปถือหุ้นเป็นเจ้าของอยู่ในแจกกว้า แอสตัน-มาร์ติน วอลโว่ และมาสด้า ในขณะที่ไครสเลอร์กับเมอร์เซเดสร่วมกันลงทุน โดยมีเมอร์เซเดสเป็นเจ้าของหุ้นใหญ่ในบริษัทร่วมทุนเข้าไปแล้ว
ดังนั้น จะซื้อรถใครที่ไหน ผมว่าไม่สำคัญหากจะมามัวนึกถึงว่า ควรจะมีรถยนต์ไทยแท้หรือไม่หรอกครับ
เอาเป็นว่า รถยนต์ที่เชื่อถือได้นั้น ควรจะต้องคงสภาพรองรับการใช้งานได้ดีเหมือนปีแรก ตลอดเวลาที่คุณดูแลบำรุงรักษาอย่างดี และขับขี่อย่างนุ่มนวล แบบใช้สมอง ตลอดเวลาหลายปีที่ครอบครอง
เพราะรถยนต์ ไม่ว่าจะดีแค่ไหน หากไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะต้องสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานรถยนต์คันนั้นได้ ในที่สุดเช่นกันทุกคัน ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น
แล้วก็มาทางด้านความปลอดภัยกันบ้าง
จุดหนึ่ง ที่คุณจะมองหาระดับวัดความปลอดภัยของรถยนต์แต่ละรุ่น ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยได้ แต่ค่อนข้างจะยากอยู่สักหน่อย สำหรับคนที่ไม่ชอบคิด ไม่ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง ก็คือมองจากอัตราค่าประกันภัยรถยนต์
มองอย่างไร
เอ้า ผมบอกกันตรงนี้เลยละว่า บริษัทประกันภัยรถยนต์ทุกบริษัทในประเทศไทย ต่างก็มีมาตรการในการป้องกันความเสี่ยงของเขา แฝงอยู่เงียบเงียบทั้งนั้น และแสดงออกมาเพียงแค่อัตราค่าประกันภัยรถยนต์ที่คนทั่วไปมองไม่ออก ว่า รถยนต์คันไหน รุ่นไหน ยี่ห้ออะไร มีค่าความเสี่ยงระดับใด ด้วยค่าประกันภัยต่ำหรือสูง ในวงเงินประกันเท่ากัน ทุกบริษัท
พนังงานบริษัทประกันภัยระดับล่าง ที่ไม่รู้ซึ้งถึงข้อนี้ ก็อย่าเพิ่งออกมาแสดงความไม่รู้ของคุณ รอให้คุณขึ้นถึงระดับสูงพอเสียก่อน แล้วจะทราบได้เองครับ
อย่างไรก็ตาม ผมค่อนไปทางข้างจะแปลกใจเหมือนกัน ที่เวลาถามเรื่องรถใหม่ครั้งใด ผู้ถามมักจะตั้งหัวข้อปัญหาว่า รถคันใด มีประสิทธิภาพสูงกว่ากัน ราคาขายต่อสูงกว่ากัน และประหยัดน้ำมันมากกว่ากัน แล้วก็ คันไหนคุ้มค่ากว่ากัน
ทั้งทั้งที่เรื่องคุ้มค่าอะไรนี่ คุณต้องถามตัวเอง
ส่วนจะถามอย่างไร
คิดก่อนครับ
คิดไม่ออก รออ่านต่อวันหน้าก็ยังได้
มาสด้า เซลส์ ปร…
มูลนิธิกลุ่มอีซ…
“มหกรรมยานยนต์ …