ต่อกันด้วย ลัมลอร์กินี ยูรัส Lamborghini Urus ที่เผยโฉมรถต้นแบบกันในงาน ปักกิ่ง ออโต้ โชว์ เมื่อปี 2555 ตัวขายจริงจะใช้โครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มโฟล์ค ที่ใช้ใน ออดี้ ติว7, ปร์เช่ คาเยนน์ และ โฟล์ค ทัวเร็ก แต่จะเป็นเครื่องยนต์ วี8 เทอร์โบคู่ รอบจัด โดยมีข่าวว่ารัฐบาลอิตาลี จะปรับปรุงฐานภาษี เพื่อให้การผลิตยังคงอยู่ในอิตาลี โดยใช้ราคาเป็นตัวช่วย ไม่ให้แพงกว่าการผลิตจากโรงงานอื่นของ โฟล์ค ในยุโรป
ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่ ปอร์เช่ แนะนำ คาเยนน์ ออกสู่ตลาด แทนที่จะพัฒนา 911 เคย์แมน หรือ 918 ก็เพราะสามารถทำกำไรได้มากกว่าจากรถเอสยูวี ที่ทำให้ แอสตัน มาร์ติน, เบนท์เล่ย์ และ มาเซราติ ต่างพากันเพิ่มรุ่นเอสยูวีโดยพร้อมเพรียงกัน
ยูรัส จะใช้เทคโนโลยีจาก ออดี้ มาปรับปรุงให้เข้ากับยี่ห้อตัวเอง และจะออกสู่ตลาดได้ในปี 2561
ยี่ห้อถัดไปบ้านเรายังไม่ค่อยคุ้นเคย เทสล่า โมเดล เอ็กซ์ Tesla Model X ใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกับรุ่นซีดาน เป็นรถไฟฟ้า ที่ใช้มอเตอร์คู่ ขับไปยังล้อทั้งสี่ แต่เพิ่มแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีให้ใช้งานจากรุ่น 70 กิโลวัตต์/ชม. ได้กำลัง 329 แรงม้า ขึ้นไปจนถึงรุ่นท้อป มอเตอร์ขนาด 85 กิโลวัตต์/ชม. ให้กำลัง 691 แรงม้า สำหรับ โมเดล เอ็กซ์
ประตูคู่หน้าเปิดตามปกติ แต่ประตูคู่หลังจะเปิดแบบปีกนก ที่โชว์เป็นรถต้นแบบเมื่อปี 2555 จะใช้จริงในรถที่ออกจำหน่าย เพื่อให้เข้าไปยังที่นั่งแถวสองและสามง่ายขึ้น โดย เทสล่า ผู้ผลิตรถไฟฟ้า จากอเมริกา ออกรุ่นขัลเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลามาทดลองตลาดระยะหนึ่งแล้ว และเพิ่งแนะนำแบตเตอรี่ พาวเวอร์วอลล์ สำหรับใช้ในบ้าน เพื่อชาร์จรถมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าโครงการจะล่าช้ามาถึง 3 ปี แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถแนะนำได้ในต้นปี 2559 อย่างที่บอกเอาไว้
เอสยูวีรุ่นสุดท้าย ที่ไม่มีโอกาสแจ้งเกิดในบ้านเราเสียที กระบะ ฮอนด้า ริจด์ไลน์ ที่ดูยังไงก็ต้องบอกว่าเป็นรถกระบะ แต่ฮอนด้าบอกว่า ปรับปรุงโครงสร้างตัวถังใหม่ ระบบขับเคลื่อนใหม่ ให้เข้าไปใกล้รถเอสยูวีมากขึ้น ด้วยเครื่องยนต์ วี6 3.5 ลิตร ให้กำลัง 280 แรงม้า พร้อมเกียร์ออโต้ 6 และ 9 สปีด โดยจะใส่เทคโนโลยีกึ่งไร้คนขับไว้ให้ด้วย
ฮอนด้า ขาย ริดจ์ไลน์ ราว 40,000 คันต่อปี และประเมินว่าเมื่อแนะนำรุ่นใหม่นี่ ตัวเลขการขายน่าจะใกล้เคียงกัน โดยจะออกตัวกลางปีหน้า 2559
บริษัท โตโยต้า …